ศึกซูเปอร์คาร์ระดับโลกรายการ ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2023 สนาม 7-8 ของฤดูกาล ยกทัพบุกประเทศไทย เปิดฉากดวลความเร็วที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เปิดบ้านรองรับการแข่งขันซูเปอร์คาร์ระดับโลก โดยเริ่มเข้าสู่โปรแกรมการแข่งขันสนามที่ 7-8 อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 4-6 สิงหาคม แฟนความเร็วเกาะติดอย่างใกล้ชิด
ล่าสุดผ่านการซ้อมวันแรก คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ นักแข่งชาวนิวซีแลนด์จากทีม เชี่ยงไฮ้ ยอนด้า ผลงานร้อนแรงทะยานรั้งจ่าฝูงเหนือคู่แข่ง ซึ่งถือเป็นการสัมผัสสนามครั้งแรกของนักแข่งหลายคน ส่วนผลการซ้อมครั้งแรกปรากฏว่า มาร์ติน แรจจินเจอร์ ยอดนักแข่งชาวออสเตรียในคลาสโปรจาก ปอร์เช่ โฮลดิ้ง กดเวลาคว้าอันดับ 1 ประเดิมการลงสนามครั้งแรก ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 38.258 วินาที
เฉือน หลิว ไคลู นักแข่งชาวจีนจาก โทโร่ เรซซิ่ง อันดับ 2 เพียง 0.165 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ นักแข่งชาวฝรั่งเศสจาก เมด็อง เรซซิ่ง ตามหลังจ่าฝูง 0.202 วินาที ด้าน คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ รั้งอันดับ 5 ตามหลัง 0.354 วินาที ตามด้วย รีด ฮาร์เกอร์ จาก ไซม์ ดาร์บี้ เรซซิ่ง ทีม คู่แข่งคนสำคัญชาวนิวซีแลนด์ จบการซ้อมครั้งแรกด้วยอันดับ 6 ตามหลังหัวแถว 0.688 วินาที
หลังจากเริ่มปรับตัวเข้ากับสนามแข่ง รวมถึงการเซ็ตติ้งที่ลงตัวมากขึ้นของรถส่งผลให้นักแข่งทุกคนทำเวลาเร็วขึ้นร่วม 1 วินาที โดยผลการซ้อมครั้งที่ 2 ปรากฏว่า คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ ขยับขึ้นมารั้งจ่าฝูงด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 37.119 วินาที เฉือน หลิว ไคลู เพียง 0.045 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ รีด ฮาร์เกอร์ ตามหลัง 0.318 วินาที ขณะที่ มาร์ติน แรจจินเจอร์ จบวันแรกอันดับ 6 ตามหลังจ่าฝูง 1.434 วินาที
เข้าสู่ช่วงควอลิฟายโดยโพลในเรซนี้เป็นของ ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ ขนาบข้างด้วย คู่แข่งคนสำคัญอย่าง คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ หลิว ไคลู ซึ่งการแข่งขันสนาม 7 ดวลความเร็วกันทั้งสิ้น 17 รอบสนาม โดยหลังผ่านโค้งแรกเป็น คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ ที่ชิงจังหวะขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว ตามด้วย หลิว ไคลู ขณะที่ ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ เจ้าของโพลพลาดในช่วงเริ่มต้นส่งผลให้ร่วงลงไปถึงอันดับ 3
หลังจากนั้น คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ สามารถควบคุมจังหวะทั้งหมดไว้ได้ แม้จะโดน หลิว ไคลู ไล่กดดันอย่างหนัก ก่อนจะควบรถแข่งคู่ใจเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 29 นาที 59.485 วินาที ประเดิมคว้าชัยชนะสนาม 7 ไปครองได้อย่างสุดมันส์
โดยอันดับ 2 ตกเป็นของ หลิว ไคลู ที่ตามหลังผู้ชนะเพียง 2.487 วินาที ขณะที่อันดับ 3 ในเรซนี้ตกเป็นของ ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ ที่พลาดในจังหวะออกตัว และพยายามไล่กดดันคู่แข่งอย่างหนัก เพื่อทวงตำแหน่ง แต่ก็ไม่สามารถแซงได้ เข้าเส้นชัยตามหลังผู้ชนะ 3.077 วินาที ส่วนอันดับ 4 ตกเป็นของ มาร์ติน แรจจินเจอร์ ตามหลัง 4.300 วินาที ตามด้วย รีด ฮาร์เกอร์ ตามหลังผู้ชนะ 6.803 วินาที
ถัดมาเป็นการแข่งขันในสนามที่ 8 กริดสตาร์ตสนามนี้มีความเปลี่ยนแปลงจากเรซที่ 7 ทว่าตำแหน่งโพลยังคงเป็นของ ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ ขนาบข้างด้วย หลิว ไคลู ซึ่งกำลังอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรง ขณะที่ผู้ชนะจากสนาม 7 อย่าง คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ ต้องถอยไปออกตัวในกริดที่ 3 เช่นเคยในสนามนี้นั้นยังคงดวลความเร็วกันทั้งสิ้น 17 รอบสนาม จุดเปลี่ยนแรกของเรซเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงออกตัว เมื่อ หลิว ไคลู ขยับขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว ตามด้วย วาน เดอร์ ดริฟต์ ที่ขยับขึ้นมาไล่บี้ทันที ขณะที่เจ้าของโพลอย่าง ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ พลาดไป ส่งผลให้รูดลงไปถึงอันดับ 3
หลังขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม หลิว ไคลู ก็ยืดระยะห่างจากกลุ่มหลังออกไปอย่างต่อเนื่อง ทว่าการขับเคี่ยวอันดับ 2 ระหว่าง คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ และ ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ ก็ดำเนินไปอย่างเข้มข้นในช่วงครึ่งทางแรกของการแข่งขัน โดยมี มาร์ติน แรจจินเจอร์ ไล่บดเป็นตัวสอดแทรกในอันดับ 4 การแข่งขันดำเนินมาถึงรอบที่ 8 เซฟตี้คาร์ต้องถูกส่งออกมาวิ่งนำขบวนรถแข่งเพื่อเคลียร์แทร็ก เมื่อรถแข่งของ เกา หยูเจีย นักแข่งชาวจีนจาก ทีม เย็บเซ่น พลาดหมุนที่โค้ง 4 ต้องออกจากการแข่งขันทันที
เกมกลับมารีสตาร์ตภายใต้เซฟตี้คาร์ในช่วง 5 รอบสุดท้าย หลิว ไคลู ยังรักษาตำแหน่งหัวแถวไว้ได้ ทว่าจุดเปลี่ยนกลายเป็น ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ ที่พลาดในช่วงแรกสามารถขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 และไล่กดดันเพื่อชิงจ่าฝูงอย่างหนัก จบการแข่งขัน 17 รอบสนาม หลิว ไคลู สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ผงาดคว้าชัยชนะไปครองได้อย่างสุดมัน ด้วยเวลา 30 นาที 33.740 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ เพียง 2.270 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เรซนี้ตกเป็นของ คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ ตามหลัง 7.380 วินาที ตามด้วย มาร์ติน แรจจินเจอร์ อันดับ 4 ตามหลัง 7.939 วินาที ส่วนอันดับ 5 ได้แก่ เป่า จินหลง นักแข่งจีนจาก เฉิง ตง ออโต้ ตามหลัง 9.879 วินาที ทั้งนี้ศึก ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2023 สนามถัดไป จะโยกไปดวลความเร็วกันที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคม 2566
ขณะที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ แสดงความพอใจอย่างมากกับความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพรองรับการแข่งขัน ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2023 จากการตอบรับของแฟนชาวไทยและสื่อมวลชนที่ตบเท้าร่วมรายงานข่าวอย่างคับคั่ง โดยยืนยันว่าจะดึงเรซระดับโลกและอินเตอร์เนชั่นแนล มาดวลความเร็วในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในอนาคต