ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

Lamborghini Revuelto รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตพลังปลั๊กอินไฮบริดเครื่องยนต์ V12 รุ่นแรกของโลก

ข่าว icon 12 เม.ย. 66 icon 2,121
เนื่องในโอกาสการฉลองครบรอบ 60 ปี ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) เปิดตัว Revuelto รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเครื่องยนต์ V12 สมรรถนะสูง (High Performance Electrified Vehicle: HPEV) รุ่นแรกของแบรนด์ สร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านสมรรถนะ ภาพลักษณ์แนวสปอร์ต และประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน นวัตกรรมการออกแบบรถยนต์ ระบบอากาศพลศาสตร์ประสิทธิภาพสูง และคอนเซ็ปต์ใหม่ของการใช้โครงคาร์บอนไฟเบอร์ กำลังเครื่องยนต์รวมสูงสุดอยู่ที่ 1,015 CV  ที่ผสานพลังระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นใหม่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยทำงานร่วมกับชุดเกียร์ดับเบิลคลัชต์ดีไซน์ใหม่ ซึ่งถูกเปิดตัวในรถยนต์ลัมโบร์กินี 12 สูบรุ่นนี้เป็นครั้งแรก
 
ระบบส่งกำลังประสานพลังของขุมพลังแรงสูง ทั้งจากเครื่องยนต์สันดาปรุ่นใหม่ที่มีค่ากำลังจำเพาะถึง 128 CV ต่อลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Axial Flux Motor ด้านหน้า 2 ตัว ซึ่งมอบอัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าที่ดีเยี่ยม ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Radial Flux Electric Motor อีก 1 ตัว ซึ่งติดตั้งด้านบนชุดเกียร์ดับเบิลคลัชต์ 8 สปีดดีไซน์ใหม่ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในรถยนต์ลัมโบร์กินี 12 สูบรุ่นนี้ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 ตัวใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังสูง (4,500 วัตต์ต่อกิโลกรัม) ซึ่งสามารถรองรับโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้า 100% ได้
 
วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งผลิตขึ้นด้วยศาสตร์และศิลป์ขั้นสูงในโรงงานที่ Sant’Agata Bolognese ถือเป็นองค์ประกอบในโครงสร้างหลักของรถยนต์รุ่นใหม่นี้ ซึ่งไม่เพียงใช้กับส่วนโครง Monofuselage และเฟรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงองค์ประกอบทุกส่วนของตัวถัง นอกเหนือจากประตูและกันชน คอนเซ็ปต์การใช้คาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุน้ำหนักเบาที่ครอบคลุมตัวรถเกือบทั้งหมด เมื่อบวกกับขุมพลังเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง จึงมอบอัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าที่ 1.75 kg/CV ซึ่งถือว่าดีเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของลัมโบร์กินี 
 
 
Revuelto ผสานขุมพลังเพื่อมอบประสิทธิภาพสูงสุดในเซกเมนต์ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 350 กม./ชม. ข้อมูลประสิทธิภาพเหล่านี้เปี่ยมดัวยพลวัตขั้นสูงที่เกิดจากการใช้ระบบกระจายแรงบิดไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งสามารถขับเคลื่อนแบบไฟฟ้า 100% จึงเชื่อมั่นได้ว่า Revuelto คือรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพในการขับขี่ทุกสถานการณ์ ทั้งการโลดแล่นในสนามแข่งขันและการเดินทางในชีวิตประจำวันบนท้องถนน
 
 

นวัตกรรมการออกแบบรถยนต์

Revuelto นำอนาคตแห่งการออกแบบรถยนต์ของลัมโบร์กินีสู่ท้องถนนในวันนี้ โดยยังคงยึดมั่นในดีไซน์ระดับเอ็กซ์คลูซีฟของลัมโบร์กินีอย่างไม่เปลี่ยนแปลง หากสื่อสารด้วยสไตล์การออกแบบแนวใหม่ในทุกรายละเอียด รวมถึงการยังเชื่อมโยงเครื่องยนต์ V12 ระดับตำนานอันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ ตลอดจนการออกแบบสัดส่วนใหม่ เพื่อเปิดประตูสู่อนาคตอันสดใสของลัมโบร์กินี
 
ในขณะที่ Revuelto นำเสนอความล้ำหน้าแบบก้าวกระโดดด้วยดีไซน์ใหม่หมดจดทั้งภายนอกและภายใน หากแรงบันดาลใจจากเครื่องยนต์ V12 ในตำนานยังคงอยู่อย่างชัดเจน ด้วยต้นแบบจากรุ่น Countach ในปี 1971 และสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบซึ่งได้รับการพัฒนามาเพื่อติดตั้งตามแนวยาว ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มอบสไตล์ที่งดงามอย่างแท้จริง ชวนให้นึกถึงความล้ำหน้าของยุคอวกาศ ทั้งยังเป็นการสร้างนิยามใหม่ของแบบฉบับรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่น V12 ของลัมโบร์กินี และยังนำเสนอหนึ่งในองค์ประกอบอันโดดเด่นของรถยนต์เครื่อง V12 นั่นคือประตูปีกนกที่เปิดในแนวตั้ง (Scissor Doors) ซึ่งได้สร้างคาแรกเตอร์เฉพาะตัวให้แก่ Revuelto อย่างน่าประทับใจ รถยนต์รุ่นนี้ยังใช้สัดส่วนชั้นเลิศที่ยากจะมีใครเลียนแบบได้ของรุ่น Diablo และใช้ Floating blade บนบังโคลนท้าย โชว์ความบึกบึนสมความเป็นชายและออกแบบให้ส่วนหน้ารถลู่ลงเหมือนในรุ่น Murciélago ได้อย่างลงตัว
 
 
การออกแบบส่วนท้ายรถให้ความสำคัญกับการติดตั้งระบบไฮบริดเครื่องยนต์ V12 ซึ่งเครื่องยนต์ที่ติดตั้งตามแนวยาวแบบเปิดโล่งซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของ Revuelto นี้จะเชื่อมต่อไปยังชุดท่อไอเสียคู่รูปหกเหลี่ยมให้เห็นอย่างชัดเจน และเสริมความโดดเด่นด้วยปีกทรงเรขาคณิต โอบล้อมด้วยชุดไฟหน้ารูปตัววาย “Y” อันเป็นดีไซน์ไฟระดับซิกเนเจอร์ของลัมโบร์กินี
 
ดีไซน์รูปตัววาย “Y” เป็นมาตรฐานการออกแบบภายในที่กำหนดให้ผู้ขับมีความสำคัญมากที่สุดตามปรัชญา ‘Feel like a pilot’ ของแบรนด์ การตกแต่งภายในยังสะท้อนถึงดีไซน์ใหม่แห่งโลกอนาคตของตัวรถภายนอก โดยทุกองค์ประกอบของห้องโดยสารยังคงแบบฉบับของลัมโบร์กินีอย่างชัดเจน โดยผสานดุลยภาพแห่งประสบการณ์ยุคดิจิทัลเข้ากับสัมผัสทางกายภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งเพื่อการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการพุ่งทะยานในสนามแข่ง จุดรวมสายตาในห้องโดยสารนำเสนอการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์อย่างโดดเด่น ผ่านการออกแบบสไตล์ “ยานอวกาศ” ที่โอบล้อมช่องแอร์กลางและจอแสดงผลทัชสกรีนแนวตั้งขนาด 8.4 นิ้ว ซึ่งถือเป็นหัวใจแห่งเทคโนโลยีของรถยนต์รุ่นนี้
 
 
การเปิดตัว Revuelto ทำให้ลัมโบร์กินีนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ร่วมกันระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารข้าง ๆ ได้อย่างเต็มอารมณ์ โดยรู้สึกเสมือนเป็นนักบินและนักบินร่วม โดยสามารถมองเห็นข้อมูลการขับขี่เดียวกันบนจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วบนฝั่งผู้ขับและจอขนาด 9.1 นิ้วที่ติดตั้งบนแผงหน้าปัดด้านผู้โดยสาร อีกทั้ง Revuelto ยังนำเสนอฟังก์ชั่น “การปัดหน้าจอ” สู่รถยนต์ลัมโบร์กินี ช่วยให้นักบินและนักบินร่วมสามารถเลื่อนแอปพลิเคชันและข้อมูลจากจอแสดงผลกลางไปยังจอด้านข้างได้เหมือนกับการปัดหน้าจอสมาร์ตโฟน จอดิจิทัลทั้ง 3 จอนี้ไม่เพียงมอบความโปร่งโล่งในห้องโดยสารอย่างมีสไตล์ด้วยการขจัดปุ่มกดที่ดูรกตาส่วนใหญ่ให้เหลือน้อยที่สุด แต่ยังมอบฟีเจอร์ใหม่อีกมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถมีสมาธิจดจ่อกับการขับได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับเมื่ออยู่ในรถแข่ง
 
 
การออกแบบพวงมาลัยได้แรงบันดาลใจมาจากโลกมอเตอร์สปอร์ตและประสบการณ์จากรุ่น Essenza SCV12 โดยติดตั้งโรเตอร์สี่ตัวบนก้านพวงมาลัยเพื่อใช้เลือกทั้งโหมดการขับขี่และระบบยกตัวรถและการปรับระดับสปอยเลอร์หลัง กล่าวได้ว่า การออกแบบห้องโดยสารและระบบควบคุมถูกจัดมาให้ใช้งานง่ายเพื่อมอบสัมผัสที่เป็นธรรมชาติในแบบฉบับของลัมโบร์กินี โดยปุ่มต่าง ๆ บนพวงมาลัยจะใช้เพื่อเปิดปิดสัญญาณเลี้ยวและควบคุมของฟังก์ชั่นต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับสามารถจับพวงมาลัยได้อย่างมั่นคงตลอดเวลาในขณะขับขี่
 
 
Revuelto มอบภาพลักษณ์ของรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสนามแข่ง ผสานคาแรกเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้ขับขี่ได้ทุกวันพร้อมความสามารถอันโดดเด่นมากมาย และยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษในขั้นตอนการออกแบบเพื่อสร้างห้องโดยสารที่กว้างขวางและใช้งานง่าย หากก็ติดตั้งอุปกรณ์อย่างครบครันให้พร้อมสำหรับการเข้าร่วมในสนามแข่งขันอันเร้าใจ การดีไซน์หลังคาใหม่ยังช่วยเพิ่มความสูงของห้องโดยสารได้มากกว่ารุ่น Aventador Ultimae ถึง 26 มม. ในขณะที่โครงสร้าง Monofuselage มอบพื้นที่วางขาได้กว้างกว่าเดิมอีก 84 มม. จึงช่วยเพิ่มพื้นที่ด้านหลังเบาะนั่งให้มากขึ้น ซึ่งสามารถเก็บสัมภาระขนาดใหญ่เท่ากับถุงกอล์ฟได้อย่างพอดี อีกทั้งยังเพิ่มพื้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้าให้สามารถใส่กระเป๋าเดินทางได้มากถึงสองใบ นอกจากนี้ เพื่อยกระดับความสบายของห้องโดยสารให้มากยิ่งขึ้น ยังเพิ่มพื้นที่ใช้งานต่าง ๆ อาทิ ช่องเก็บสัมภาระใต้แผงหน้าปัดกลางและระหว่างเบาะที่นั่ง รวมถึงที่วางแก้วที่ติดตั้งอยู่ด้านข้างแผงหน้าปัดฝั่งผู้โดยสาร
 
Revuelto คือโมเดลการผลิตรถยนต์ลัมโบร์กินีที่มอบทางเลือกในการปรับแต่งรูปลักษณ์ได้มากที่สุด ซึ่งข้อเท็จจริงก็คืองานทำสีรถของ Revuelto มีให้เลือกมากถึง 400 เฉดสีเลยทีเดียว ร่วมกับออปชันการปรับแต่งได้อีกมากมายเพื่อรังสรรค์รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตในฝันของลูกค้าแต่ละท่านได้อย่างตรงใจมากที่สุด ซึ่งจิตวิญญาณแห่งรถยนต์สปอร์ตที่ยั่งยืนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการใช้ระบบไฮบริดในทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสีที่นำมาใช้ทั้งหมดโดยเป็นแบบสูตรน้ำ (Water-based) มากกว่าสูตรน้ำมันเคมี (Solvent-based)
 
งานออกแบบห้องโดยสารนำเสนอความโดดเด่นจากการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งส่วนแผงหน้าปัด ช่องแอร์รูปหกเหลี่ยม รวมถึงกรอบแผงหน้าปัดและช่องแอร์กลาง งานหุ้มเบาะผสานการใช้หนังเนื้อละเอียดเข้ากับวัสดุสิ่งทอน้ำหนักเบาพิเศษ Corsa-Tex ในผ้าไมโครไฟเบอร์ของ Dinamica® ซึ่งเป็นโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลด้วยกระบวนการผลิตแบบน้ำ ลูกค้ายังสามารถตกแต่งห้องโดยสารได้ตามต้องการ โดยเลือกผสมทั้งวัสดุหนังและ Corsa-Tex หรือเลือกวัสดุที่ต้องการเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีให้เลือกมากถึง 70 เฉดสี
 

สุดยอดแห่งระบบอากาศพลศาสตร์

การออกแบบฟังก์ชั่นและดีไซน์ตัวรถของ Lamborghini Revuelto มีเป้าหมายหนึ่งร่วมกันนั่นคือประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ขั้นสุดยอด ทำให้การวางเลย์เอาต์ของรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นนี้มีหลักการออกแบบที่แตกต่างไปเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador เพราะส่งผลถึงการพัฒนาระบบอากาศพลศาสตร์อย่างชัดเจน การพัฒนานี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานแนวคิดหลัก 4 ด้าน ได้แก่ ประสิทธิภาพ การทำงานเสริมกันขององค์ประกอบต่าง ๆ การผสานองค์ประกอบต่าง ๆ เป็นส่วนเดียวกัน และการออกแบบที่เป็นเลิศ
 
 
ประสิทธิภาพขั้นสูงสุดเกิดจากการผสานแรงกดระดับสูงเข้ากับแรงต้านซึ่งถูกปรับให้น้อยที่สุด หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์การออกแบบนี้คือการใช้สปอยเลอร์หลังแบบแอ็กทีฟรุ่นใหม่ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุดในทุกสภาวะการขับขี่ และด้วยเหตุผลนี้ ลัมโบร์กินีจึงได้พัฒนาอุปกรณ์หัวฉีดรุ่นใหม่ขึ้นด้วยเพื่อการบริหารแรงกดที่ดีที่สุดในทุก ๆ สถานการณ์ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามโหมดการขับขี่ทั้งสามรูปแบบ
 
 
ตำแหน่งของสปอยเลอร์จะเปลี่ยนไปตามโหมดการขับขี่และไดนามิกที่เลือก หรือผู้ขับสามารถปรับให้เป็นสไตล์ที่ต้องการได้เองโดยใช้โรเตอร์ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะและติดตั้งไว้ที่พวงมาลัย โดยตำแหน่งสปอยเลอร์ “ปิด (Closed)” จะเกิดแรงต้านต่ำที่สุดเช่นในการใช้ขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า ตำแหน่งนี้ยังช่วยประหยัดน้ำมันมากที่สุดอีกด้วย เมื่อสปอยเลอร์อยู่ใน “ตำแหน่งแรงต้านต่ำ (Low Drag Position)” จะเกิดแรงต้านต่ำเมื่อขับด้วยความเร็วสูง ช่วยเพิ่มความเร็วสูงสุดพร้อมกับเพิ่มเสถียรภาพได้มากที่สุด สปอยเลอร์ใน “ตำแหน่งแรงกดสูง (High Downforce Position)” จะเพิ่มแรงกด โดยปรับระดับความคล่องตัวและการควบคุมตัวรถ Revuelto ให้เหมาะสมที่สุด
 
 
ด้านหน้าของรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหม่จาก Sant'Agata นี้มอบความโดดเด่นด้วยสปลิตเตอร์คาร์บอนไฟเบอร์ที่มีลักษณะขอบแผ่ออกรอบด้านตรงส่วนกลางและเอียงลาดลงทางด้านข้าง ซึ่งช่วยสร้างกระแสอากาศเพื่อเพิ่มแรงกดส่วนหน้าตัวรถและทำการเบี่ยงลมให้เลี่ยงส่วนล้อ การออกแบบรูปทรงกลางตัวรถช่วยให้อากาศไหลไปยังครีบ Vortex Generators สี่ตัวหลัง ซึ่งประกอบด้วยแผ่นทรงโค้งแคบที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มแรงของกระแสลมที่ปะทะตัวรถด้านล่าง โดยจะช่วยเพิ่มแรงกดและกำหนดทิศทางของกระแสลมให้ไหลไปยังดิฟฟิวเซอร์ประสิทธิภาพสูงอย่างที่ไม่เคยมีในรถยนต์ V12 รุ่นใดมาก่อน ดิฟฟิวเซอร์จะทำหน้าที่ด้านอากาศพลศาสตร์ด้วยการแยกกระแสลมที่ไหลมาจากใต้ตัวถังผ่านระบบกำหนดช่องทางลมระหว่างส่วนกลางตัวรถซึ่งมีความลาดต่ำ (ที่ 11° เมื่อเปรียบเทียบกับ 7° ในรุ่น Aventador Ultimae) และส่วนท้ายของตัวรถที่มีความลาดเอียงสูง (ที่ 15° เมื่อเปรียบเทียบกับ  8° ในรุ่น Aventador Ultimae) โดยดิฟฟิวเซอร์นี้ยังทำหน้าที่ในเชิงโครงสร้างและช่วยในระบบระบายความร้อนให้กับส่วนเครื่องยนต์อีกด้วย
 
โดยสรุปแล้ว แนวทางการออกแบบตัวรถใหม่ทำให้ Revuelto สามารถเพิ่มแรงอากาศพลศาสตร์ส่วนหน้ารถได้ถึง 33% และส่วนท้ายรถได้ถึง 74% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae (ภายใต้สภาวะแรงสูงสุด)
 
การเสริมประสิทธิภาพขององค์ประกอบต่าง ๆ ร่วมกันสามาถเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องการระบายความร้อน ซึ่งทำให้ Lamborghini Revuelto โดดเด่นอย่างแตกต่างจากรถยนต์รุ่นอื่น ๆ หม้อน้ำด้านหน้าจะสร้างลมร้อนจึงต้องมีช่องทางระบายที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ส่งผลถึงการลดประสิทธิภาพของหม้อน้ำด้านข้าง จึงมีการติดตั้งช่องบานเกล็ดระบายลมที่หันออกสู่ด้านนอกไว้บนตะแกรงของหม้อน้ำด้านหน้า เพื่อให้นำลมร้อนไหลออกห่างจากล้อและหม้อน้ำด้านข้าง ในขณะที่ครีบซึ่งติดอยู่แต่ละข้างของกันชนหน้าจะช่วยลดแรงต้านอากาศอีกทางหนึ่ง
 
 
การเสริมประสิทธิภาพขององค์ประกอบต่างๆ ที่สำคัญยังเห็นได้อย่างชัดเจนที่การระบายความร้อนของระบบเบรก ซึ่งนำระบบอากาศพลศาสตร์เข้ามาทำงานร่วมด้วย แผ่นกันสะเทือนคู่หน้าและตะแกรงด้านในซุ้มล้อได้ถูกออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่เพียงเพื่อระบายความร้อนเบรกหน้าโดยแผ่นนี้จะช่วยพาอากาศจากดิฟฟิวเซอร์หน้าไปที่เบรกเท่านั้น แต่ยังมีรูปทรงที่ช่วยลดแรงต้านภายในล้อได้ด้วย จึงช่วยจำกัดการบีบอัดและเพิ่มแรงโหลดในส่วนหน้า 
 
นอกจากนี้ ท่อดักอากาศ (NACA) คู่บริเวณด้านหน้าของล้อหลังทั้งสอง ยังคอยเก็บลมจากใต้ท้องรถและส่งตรงไปยังท่อระบายความร้อนของเบรกหลังได้อีกด้วย หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ก็มีบทบาทสำคัญในด้านอากาศพลศาสตร์ ผ่านการออกแบบโครงสร้างที่เพิ่มความกว้างของห้องโดยสารภายใน โดยดีไซน์รูปทรงปีกซึ่งมีโพรงอากาศตรงกลางจะช่วยนำลมไปยังท่อดักลมด้านหลังและไหลต่อไปยังอุปกรณ์แปลงกระแสไฟ (Inverter) และมอเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่ด้านบนชุดเกียร์ นอกจากนี้ ด้านข้างของหลังคายังยกพื้นที่เหนือศีรษะให้สูงขึ้นทั้งในส่วนผู้ขับและผู้โดยสาร

เทคโนโลยีโครงสร้าง Monofuselage 

Revuelto ใช้นวัตกรรมโครงสร้างใหม่ล่าสุด “Monofuselage” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวถัง Monocoque ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและผลิตด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด โดย Monofuselage มีโครงสร้างส่วนหน้าเป็น Forged Composites ซึ่งเป็นวัสดุพิเศษที่ผลิตจากชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ขนาดเล็กชุบด้วยเรซิ่น โดยลัมโบร์กินีได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีนี้และเริ่มใช้ในการผลิตโครงสร้างครั้งแรกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 
 
 
โครงสร้าง Monofuselage แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญต่อจากรุ่น Aventador ทั้งในด้านประสิทธิภาพความแข็งแรงและทนต่อแรงบิด คุณสมบัติน้ำหนักเบา และพลศาสตร์การขับขี่ นอกจากนี้ Revuelto ยังเป็นรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นแรกที่ใช้โครงสร้างส่วนหน้าเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ 100% โดยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ยังใช้กับโครงรูปโคนส่วนหน้าเพื่อยกระดับการดูดซับพลังงาน ซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับโครงสร้างโลหะแบบดั้งเดิม และมากกว่าเป็นสองเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับโครงส่วนหน้าแบบอลูมิเนียมของรุ่น Aventador บวกกับคุณสมบัติน้ำหนักที่เบาลงอย่างมาก
 
ข้อเท็จจริงคือโครงสร้าง Monofuselage ของ Revuelto มีน้ำหนักเบากว่าโครงแชสซีของรุ่น Aventador ถึง 10% และโครงส่วนหน้าเบากว่าโครงอลูมิเนียมของรุ่นก่อนหน้าถึง 20% นอกจากนี้ ความแข็งแรงและทนต่อแรงบิดยังเพิ่มขึ้นไปที่ 40,000 Nm/° ซึ่งสูงขึ้น 25% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador ซึ่งการันตีสมรรถนะที่เป็นเลิศด้านพลศาสตร์ที่ดีที่สุดในคลาสอีกด้วย
 
แนวคิดเบื้องหลังการพัฒนาโครงสร้าง Monofuselage รุ่นใหม่นี้มีพื้นฐานมาจากการผสมผสานขั้นสูงสุดขององค์ประกอบต่าง ๆ โดยเกิดจากการนำเทคโนโลยี Forged Composites มาใช้งานอย่างครอบคลุม รวมไปถึงการพัฒนาร็อคเกอร์ริงขนาดใหญ่ ซึ่งการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ขั้นสูงนี้ยังทำให้ Revuelto อวดความโดดเด่นบนเวที   ยานยนต์ซูเปอร์สปอร์ตได้อย่างสง่างาม โดยชิ้นส่วนรูปวงแหวนเดี่ยวนี้ผลิตจากวัสดุ CFRP เพื่อเป็นโครงสร้างรับน้ำหนักของตัวรถยนต์ ร็อคเกอร์ริงจะติดตั้งล้อมรอบและเชื่อมต่อกับชิ้นส่วน Forged Composites อื่น ๆ อาทิ โครงส่วนห้องโดยสาร ผนังห้องเครื่องส่วนหน้า และโครงส่วน A pillar เป็นต้น
 
การผลิตชิ้นส่วน Forged Composites ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและส่งเสริมความยั่งยืนในกระบวนการผลิต ผ่านการลดอัตราการใช้พลังงานของอุปกรณ์หล่อเย็นและลดปริมาณของเศษขยะวัสดุต่าง ๆ ให้น้อยลง การผลิตโครงหลังคายังคงใช้เทคโนโลยีการผลิตจากเครื่อง Autoclave ซึ่งไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพความแข็งแกร่งลดลง เทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกผสานเข้ากับมาตรฐานด้านเทคนิค ความงาม และคุณภาพระดับสูง เสริมด้วยงานฝีมือในกระบวนการขึ้นรูปที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงซึ่งสั่งสมจากประสบการณ์นานนับปีในการผลิตชิ้นส่วนคอมโพสิตของบริษัทซึ่งมุ่งเน้นที่คุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ถือเป็นแนวทางการผลิตที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกแบบหลังคาได้หลากหลายและตรงใจมากที่สุด 
 
โครงสร้างแชสซีส่วนท้ายผลิตจากอลูมินัมอัลลอย์คุณภาพสูงและมีการสร้างโพรงสองตำแหน่งสำคัญในส่วนโดมท้ายรถ โดยสิ่งนี้จะช่วยผสานการทำงานของระบบช่วงล่างส่วนหลังและระบบส่งกำลังให้เป็นหนึ่งเดียว โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อการลดน้ำหนัก เพิ่มความแข็งแกร่ง และลดจุดเชื่อมต่อของโครงสร้างได้อย่างมาก
 
Revuelto ยังเป็นเสมือนการนับ “ปีที่ศูนย์” เพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้คาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตรถยนต์ซึ่งใช้ตัวย่อว่า AIM (Automation, Integration, Modularity) โดย “Automation” หมายถึงการใช้กระบวนการผลิตอัตโนมัติระบบดิจิทัลในการแปรรูปวัสดุ พร้อมการอนุรักษ์การผลิตแบบดั้งเดิมของลัมโบร์กินี อาทิ ศาสตร์การใช้วัสดุคอมโพสิต เป็นต้น 
 
“Integration” คือการผสานฟังก์ชั่นต่าง ๆ ให้มารวมอยู่ในชิ้นส่วนเดียวผ่านการพัฒนากระบวนการขึ้นรูปแบบบีบอัด (Compression Molding) กระบวนการนี้ใช้โพลิเมอร์ที่นำมาให้ความร้อนก่อน (Preheated Polymers) เพื่อให้สามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีความยาว ความหนา และความซับซ้อนที่แตกต่างกันได้ ทั้งยังช่วยรับประกันการผสานเข้ากันของชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีเพื่อสร้างความทนต่อแรงบิดในระดับสูง และสุดท้าย “Modularity” หมายถึงการสร้างเทคโนโลยีประยุกต์แบบโมดูลาร์ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมรองรับข้อกำหนดและลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์ได้ทุกรูปแบบ
 
 

ระบบส่งกำลังและการวางเลย์เอาต์รูปแบบใหม่

รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหม่นี้ใช้เลย์เอาต์การวางตำแหน่งเครื่องยนต์ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยติดตั้งเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศขนาด 6.5 ลิตรบริเวณกลางตัวรถและมีมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวแรกจะอยู่ที่เพลาขับคู่หน้า และอีก 1 ตัวจะติดตั้งอยู่กับชุดเกียร์ดับเบิลคลัชต์ 8 สปีดรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ชุดเกียร์ถูกติดตั้งอยู่หลังเครื่องยนต์ โดยเป็นการติดตั้งแนวขวางอยู่ด้านหลังเครื่องยนต์สันดาป V12 เป็นครั้งแรก ส่วนพื้นที่ของอุโมงค์เกียร์ที่มีมาตั้งแต่รุ่น Countach ถูกแทนที่ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนพลังสูงเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า
 
 
มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถช่วยจ่ายไฟให้กับเครื่องได้ในขณะทำงานรอบต่ำและสามารถเปลี่ยน Revuelto ให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รวมได้ถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae 
 

สถาปัตยกรรมโครงสร้างอันโดดเด่น

ลัมโบร์กินีอยู่คู่เครื่องยนต์ V12 มาตั้งแต่ยุคก่อตั้งบริษัท โดยรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีคุณสมบัติพิเศษนี้คือรุ่นไอคอนิกอย่าง 350GT ซึ่งเปิดตัวในปี 1963 ส่วนครั้งแรกที่มอเตอร์ไฟฟ้าได้ถูกนำมาผสานเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายใน 12 สูบของลัมโบร์กินี คือรุ่น Sián ในปี 2019 โดยใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้า 25 กิโลวัตต์ มาเสริมกำลังของเครื่องยนต์ V12 ผ่านการเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ในตัวเก็บประจุ (Supercapacitor)
 
Revuelto ยังนำเสนอสถาปัตยกรรมโครงสร้างแบบไฮบริดที่ไม่เคยมีมาก่อนรวมถึงเครื่องยนต์ V12 เจนใหม่ และเป็นการเปิดตัวรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตระบบไฮบริดในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง (High Performance Electrified Vehicle: HPEV) รุ่นแรกที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังไฟสูงน้ำหนักเบา โดยติดตั้งในท่อส่งกำลังที่อยู่ส่วนกลางของโครงแชสซี ซึ่งถือเป็นโซลูชันใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการปล่อยไอเสีย เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ V12 ที่ผ่านมา พร้อมกับการเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ในระดับสูงสุด
เครื่องยนต์ L545 รุ่นใหม่นี้มีความจุ 6.5 ลิตร โดยเป็นเครื่อง12 สูบที่เบาที่สุดและให้กำลังเครื่องสูงสุดเท่าที่ลัมโบร์กินีเคยผลิตมา โดยมีน้ำหนักรวมเพียง 218 กิโลกรัม ซึ่งเบากว่าเครื่องรุ่น Aventador ถึง 17 กิโลกรัม โดย Revuelto เปลี่ยนมุมติดตั้งเครื่องยนต์ถึง 180 องศาเมื่อเปรียบเทียบกับเลย์เอาต์ของ Aventador โดยเครื่องยนต์ Superquadro V12 มอบกำลัง 825 CV ที่ 9,250 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นผลมาจากระบบจ่ายกำลังเครื่องรุ่นใหม่ที่รองรับรอบเครื่องยนต์ได้สูงสุดถึง 9,500 รอบต่อนาที โดยมีค่ากำลังจำเพาะอยู่ที่ 128 CV ต่อลิตร ซึ่งถือว่าเป็นกำลังเครื่องที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของเครื่องยนต์ 12 สูบของลัมโบร์กินี ทั้งยังให้แรงบิดสูงสุดถึง 725 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที
 
 
ท่อดักอากาศได้รับการออกแบบโครงสร้างใหม่เพื่อเพิ่มปริมาณอากาศและเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนอากาศสู่ห้องเผาไหม้ให้ดียิ่งขึ้น การเผาไหม้ในห้องเครื่องประสิทธิภาพสูงสุดยังมาจากระบบควบคุมการแตกตัวของประจุในห้องเครื่องผ่านหน่วยควบคุม 2 ยูนิต ซึ่งเป็นโซลูชันที่เคยใช้ในรุ่น Aventador และวันนี้ได้ถูกส่งต่อมายังรถยนต์รุ่นนี้ ระบบการสันดาปใหม่มีอัตราส่วนกำลังอัดเพิ่มขึ้น (12.6:1 เมื่อเปรียบเทียบกับ 11.8:1 ในรุ่น Aventador Ultimae) ท่อไอเสียได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อการไหลเวียนของไอเสียเมื่อเครื่องมีกำลังรอบสูงได้ดีขึ้นและเพิ่มกำลังเครื่องจำเพาะให้สูงขึ้น

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้า

Revuelto ยังคงรักษาหนึ่งในมาตรฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของลัมโบร์กินีนั่นคือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งในขณะที่เครื่องยนต์สันดาปภายในมอบกำลังให้กับล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ก็จะมอบกำลังให้กับเพลาหน้า โดยมอเตอร์แต่ละตัวจะสร้างแรงดึงกับล้อหน้าแต่ละข้าง นอกจากนี้ยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่สามที่วางอยู่เหนือชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์ 8 สปีด ที่ช่วยส่งแรงให้ล้อหลัง โดยขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่เลือกและสภาพของพื้นถนน
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวด้านหน้าเป็นมอเตอร์แกนฟลักซ์แบบน้ำมันหล่อเย็นและให้อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าดีเยี่ยมที่ 18.5 กิโลกรัมจากมอเตอร์ 110 กิโลวัตต์แต่ละตัว นอกจากการส่งกำลังแก่ล้อหน้าแต่ละข้าง ยังมีฟังก์ชั่นกระจายแรงบิด (Torque Vectoring) เพื่อยกระดับพลศาสตร์การขับขี่และกู้พลังงานจากการเบรก โดยเมื่อเลือกโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้า Revuelto จะขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าเท่านั้นเพื่อลดอัตราการใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ซึ่งในขณะขับด้วยระบบไฟฟ้า เพลาหลังจะทำงานเฉพาะเมื่อถูกสั่งการในสถานการณ์ที่จำเป็นเท่านั้น
 
 
ลัมโบร์กินี Revuelto ติดตั้งชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังสูง (4,500 วัตต์ต่อกิโลกรัม) ไว้บริเวณท่อแกนกลาง ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงได้ต่ำสุดและมั่นใจได้ถึงการกระจายน้ำหนักที่ดีเยี่ยม ตัวแบตเตอรี่ได้รับการปกป้องโดยชั้นโครงสร้างส่วนล่างและเชื่อมต่อไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าตัวหน้า มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหลัง และหน่วยชาร์จไฟที่รวมไว้ในระบบ แบตเตอรี่มีความยาว 1,550 มม. สูง 301 มม. และกว้าง 240 มม. บรรจุเซลล์พลังงานรวมความจุ 3.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เมื่อประจุลดลงเหลือศูนย์ สามารถชาร์จใหม่ได้ทั้งการใช้กระแสสลับและแบบชาร์จในบ้านที่มีกระแสสูงสุด 7 กิโลวัตต์ โดยชาร์จเต็มในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จไฟจากการเบรกของล้อหน้าที่ช่วยประจุไฟได้ หรือชาร์จโดยตรงจากเครื่องยนต์ V12 ในเวลาเพียง 6 นาที

ระบบเกียร์ที่ล้ำหน้า

การประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มใหม่ยังครอบคลุมถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญทางเทคนิคอย่างเรื่องชุดเกียร์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางประสาทของรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid ครั้งนี้ลัมโบร์กินีได้พัฒนาหน่วยส่งกำลังขนาดเล็กรุ่นใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ข้อกำหนดเรื่องพลังงานไฟฟ้าแรงสูงได้ ซึ่งพัฒนาและออกแบบโดยทีมงานภายในบริษัทลัมโบร์กินีทั้งหมด และหลังจากติดตั้งใช้งานใน Revuelto อุปกรณ์นี้จะถูกนำไปใช้ในรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นต่อไปที่จะผลิตใน Sant’Agata Bolognese แห่งนี้ ตลอดจนยังนำระบบคลัตช์คู่แบบเปียกในการสร้างโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและเน้นการเสริมสมรรถนะเครื่องยนต์เป็นหลัก เพื่อให้สามารถสร้างแรงบิดสูงสุดถึง 725 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาทีจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน
 
ชุดเกียร์ 8 สปีดรุ่นใหม่ถูกวางตำแหน่งตามขวางด้านหลังเครื่องยนต์ V12 ที่วางตามแนวยาว เพื่อเว้นเนื้อที่ในท่อระบบส่งกำลังสำหรับการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่จะเป็นตัวให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้า ถือเป็นโซลูชันทางเทคนิคที่ยอดเยี่ยมในโลกรถยนต์สมรรถนะสูง และยกระดับให้ลัมโบร์กินีขึ้นแท่นผู้นำด้านวิศวกรรมยานยนต์อีกครั้ง การวางเลย์เอาต์ลักษณะนี้ยังช่วยรักษาตำแหน่งของฐานล้อและเสริมการกระจายน้ำหนักให้ดีขึ้น เพื่อเสริมระบบพลศาสตร์การขับขี่ให้ดีที่สุด
 
ตลอดประวัติศาสตร์กว่า 60 ปีของลัมโบร์กินี มีรถยนต์เครื่อง V12 เพียง 2 รุ่นที่ติดตั้งชุดเกียร์ตามแนวขวาง นั่นคือรุ่นปฏิวัติวงการอย่าง Miura ที่เปิดตัวในปี 1966 ซึ่งใช้เลย์เอาต์เครื่องยนต์แนวขวางบริเวณกลางค่อนมาทางท้ายรถ และรุ่น Essenza SCV12 รถยนต์ไฮเปอร์คาร์ที่เน้นการขับขี่ในสนามแข่งซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์แนวยาวและชุดเกียร์รับน้ำหนักแนวขวาง
โครงสร้างภายในของชุดเกียร์รุ่นใหม่นี้มีชาฟต์พิเศษ 2 ชิ้นซึ่งตรงข้ามกับตามปกติที่มี 3 ชิ้น ชิ้นหนึ่งทำหน้าที่ควบคุมเกียร์เลขคู่ อีกชิ้นควบคุมเกียร์เลขคี่ โดยทั้งสองชิ้นทำงานกับโรเตอร์ตัวเดียวกัน การวางเลย์เอาต์ลักษณะนี้ยังช่วยลดน้ำหนักรวมและประหยัดพื้นที่ได้อย่างมาก
 
การพัฒนาระบบส่งกำลังดับเบิลคลัตช์ (Double Clutch Transmission: DCT) 8 สปีด เกิดจากแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์อุปกรณ์ที่สามารถมอบทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการขับขี่แนวสปอร์ต อย่างการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็ว ในขณะที่การทำงานร่วมกันของทั้ง 8 สปีดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและความสามารถในการขับขี่ในขณะโลดแล่น โดยมีฟีเจอร์พิเศษอย่าง “การลดเกียร์ต่อเนื่อง” ซึ่งสามารถลดเกียร์ทีละหลายสเต็ปเมื่อทำการเบรกได้อย่างง่ายดายเพียงกดค้างที่แป้นด้านซ้าย ซึ่งทำให้ผู้ขับรู้สึกถึงการควบคุมที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อไม่นับรวมชิ้นส่วนระบบไฟฟ้า ชุดเกียร์ DCT รุ่นใหม่นี้จะมีน้ำหนักเบากว่าและเร็วกว่าในการเปลี่ยนเกียร์เมื่อเปรียบเทียบกับระบบดับเบิลคลัตช์ 7 สปีดที่ใช้ในตระกูล Huracán การวางเลย์เอาต์แนวขวางยังช่วยเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารให้กว้างขวางกว่า จึงมีเนื้อที่ด้านหลังคนขับและผู้โดยสารที่โปร่งตาและผ่อนคลายมากขึ้น
ชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์มีขนาดกะทัดรัดมาก โดยยาวเพียง 560 มม. กว้าง 750 มม. และสูง 580 มม. เท่านั้น น้ำหนักรวมเพียง 193 กิโลกรัม ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนพื้นฐานใหม่ในโครงสร้างรถยนต์ไฮบริดด้วย นั่นคือมอเตอร์ไฟฟ้าส่วนหลังซึ่งมีกำลังไฟสูงสุด 110 กิโลวัตต์และแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร
 
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งด้านบนชุดเกียร์ทำหน้าที่สองด้าน ทั้งเป็นมอเตอร์สตาร์ตและเจเนอเรเตอร์ รวมถึงจ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าส่วนหน้าผ่านทางแบตเตอรี่ในท่อระบบส่งกำลัง เมื่อเปลี่ยนมาใช้โหมดไฟฟ้าทั้งหมด มอเตอร์นี้ยังส่งกำลังให้กับล้อหลัง ซึ่งนอกจากเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้า ยังทำให้การขับเคลื่อนสี่ล้อมีอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ การปรับฟังก์ชั่นการทำงานให้สอดคล้องตามโหมดการขับขี่นี้เกิดจากการกลไกแบบแยกส่วนที่ควบคุมผ่านตัวประสานที่ออกแบบมาโดยเฉพาะซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์  โดยในขณะส่งกำลังเสริมให้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน V12 มอเตอร์ไฟฟ้านี้จะอยู่ในตำแหน่ง P3 โดยแยกตัวจากชุดเกียร์ และจะเคลื่อนไปอยู่ตำแหน่ง P2 เพื่อชาร์จไฟแก่แบตเตอรี่ในขณะวิ่งด้วยความเร็วต่ำและจอดนิ่ง จึงทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตด้วย
 
เมื่ออยู่ในตำแหน่ง P3 นั้น Revuelto จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนสี่ล้อในทันที ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่เลือก จึงถือเป็นการสานต่อมาตรฐานการขับเคลื่อนสี่ล้อของลัมโบร์กินีที่มีอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ไปพร้อมกัน เกียร์ถอยหลังจะทำงานผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวหน้า ซึ่งหากจำเป็นต้องการแรงเสริม มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังก็จะเข้ามาช่วยเสริมแรงโดยส่งกำลังให้เพลาและล้อหลัง ผลลัพธ์ก็คือ Revuelto จะสามารถขับเคลื่อนสี่ล้อโดยมีอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ แม้ในขณะถอยหลังบนพื้นถนนที่มีแรงยึดเกาะต่ำก็ตาม

สุดยอดประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ

Revuelto ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์สุดเร้าใจและการควบคุมที่สมบูรณ์แบบในทุกสภาพถนนและโหมดการขับขี่ สร้างความรู้สึกที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ พร้อมยกระดับความมั่นใจที่ไม่มีนักขับคนไหนเคยสัมผัสมาก่อน สุดยอดเทคโนโลยีของแต่ละด้าน ซึ่งรวมถึงสถาปัตยกรรมโครงสร้างและดุลยภาพยานยนต์ ผ่านแนวทางที่ล้ำหน้าในการใช้โครงแชสซีและการออกแบบอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง ไปจนถึงระบบส่งกำลังแบบไฮบริดรุ่นใหม่ที่ช่วยเสริมกำลังให้มอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จนสามารถสร้างโหมดการขับขี่ใหม่ ๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงโหมดการขับเคลื่อนสี่ล้อที่ปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ (Zero-emission 4WD) เพื่อมอบสุดยอดประสบการณ์การเดินทางที่แตกต่างกันได้มากถึง 13 รูปแบบ 
 
 
Revuelto ใช้เลย์เอาต์การวางตำแหน่งเครื่องยนต์ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยติดตั้งเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศ ขนาด 6.5 ลิตร บริเวณกลางตัวรถและมีมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวแรกจะอยู่ที่เพลาขับคู่หน้า และอีก 1 ตัวถูกติดตั้งอยู่กับชุดเกียร์ดับเบิลคลัชต์ 8 สปีดรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ชุดเกียร์ถูกติดตั้งอยู่หลังเครื่องยนต์ โดยเป็นการติดตั้งแนวขวางอยู่ด้านหลังเครื่องยนต์สันดาป V12 เป็นครั้งแรก ส่วนพื้นที่ของอุโมงค์เกียร์ที่มีมาตั้งแต่รุ่น Countach ถูกแทนที่ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนพลังสูงเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า
 
สถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่ช่วยให้กระจายน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม (44% ที่ส่วนหน้าและ 56% ที่ส่วนท้าย) ทั้งยังมีน้ำหนักเข้าใกล้จุดศูนย์ถ่วงมากที่สุดและยังลดความยาวของฐานล้ออีกด้วย ส่งผลให้การกระจายน้ำหนักมีความสมดุลและมีความสมบูรณ์แบบ Revuelto จึงมีความคล่องตัวสูงและขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งบนพื้นถนนทั่วไปและในสนามแข่งอันคดเคี้ยว ทั้งยังเสริมคุณสมบัติการกระจายน้ำหนักด้วยการเพิ่มระดับความแข็งของเหล็กกันโคลง (+11% ด้านหน้าและ +50% ด้านท้าย) และลดอัตราทดเฟืองพวงมาลัย (-10% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae) ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้งานจนประสบความสำเร็จมาแล้วในรุ่น Huracán STO นอกจากนี้ Revuelto ยังยกระดับขีดความสามารถด้วยระบบบังคับเลี้ยว ซึ่งช่วยเพิ่มสัมผัสการควบคุมที่ฉับไว ตอบสนองเร็วทันใจ และเปี่ยมด้วยความคล่องตัวสูงโดยยังรู้สึกได้ถึงเสถียรภาพและแม่นยำในทุกจังหวะการขับขี่ รวมถึงจากการใช้ยาง Bridgestone Potenza Sport ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมอบพื้นที่ด้านหน้าที่กว้างขึ้น (+4% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae)
 
สถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่ช่วยให้กระจายน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม (44% ที่ส่วนหน้าและ 56% ที่ส่วนท้าย) ทั้งยังมีน้ำหนักเข้าใกล้จุดศูนย์ถ่วงมากที่สุดและยังลดความยาวของฐานล้ออีกด้วย ส่งผลให้การกระจายน้ำหนักมีความสมดุลและมีความสมบูรณ์แบบ Revuelto จึงมีความคล่องตัวสูงและขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งบนพื้นถนนทั่วไปและในสนามแข่งอันคดเคี้ยว ทั้งยังเสริมคุณสมบัติการกระจายน้ำหนักด้วยการเพิ่มระดับความแข็งของเหล็กกันโคลง (+11% ด้านหน้าและ +50% ด้านท้าย) และลดอัตราทดเฟืองพวงมาลัย (-10% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae) ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้งานจนประสบความสำเร็จมาแล้วในรุ่น Huracán STO นอกจากนี้ Revuelto ยังยกระดับขีดความสามารถด้วยระบบบังคับเลี้ยว ซึ่งช่วยเพิ่มสัมผัสการควบคุมที่ฉับไว ตอบสนองเร็วทันใจ และเปี่ยมด้วยความคล่องตัวสูงโดยยังรู้สึกได้ถึงเสถียรภาพและแม่นยำในทุกจังหวะการขับขี่ รวมถึงจากการใช้ยาง Bridgestone Potenza Sport ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมอบพื้นที่ด้านหน้าที่กว้างขึ้น (+4% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae)
 
 
โครงแชสซีที่เลือกใช้ยังช่วยยกระดับพลศาสตร์ของตัวรถได้อย่างมาก โดย Revuelto เป็นรถยนต์รุ่นแรกของลัมโบร์กินีที่ใช้สถาปัตยกรรมตัวถังแบบ Monocoque รูปแบบใหม่ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากอุตสาหกรรมการบินโดยผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด (เบากว่าโครงแชสซีรุ่น Aventador ถึง 10%) ผสานกับระบบขับเคลื่อนพลังงานประสิทธิภาพสูงเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนทานต่อแรงบิด (+25% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador) ทำให้ Revuelto มีความเสถียรเป็นเลิศ พร้อมช่วยเสริมความคล่องแคล่วและการตอบสนองที่ฉับไวให้กับตัวรถในภาพรวม
การออกแบบอากาศพลศาสตร์แบบ active มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการยกระดับประสิทธิภาพการขับขี่และแรงกดสู่มาตรฐานใหม่ โดยเพิ่มขึ้น 61% และ 66% ตามลำดับภายใต้สถานการณ์แรงโหลดสูงเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae ซึ่งเกิดจากการติดตั้งสปลิตเตอร์หน้าและการออกแบบส่วนหลังคารถที่ช่วยให้อากาศไหลเวียนไปยังสปอยเลอร์หลังประสิทธิภาพสูง ซึ่งการออกแบบอากาศพลศาสตร์นี้ทำงานสอดคล้องกับระบบกันสะเทือนปีกนกแบบ Semi-active ซึ่งควบคุมโดยระบบ Lamborghini Vertical Control ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรุ่น Revuelto โดยเฉพาะ โดยทำหน้าที่จัดสรรการแลกเปลี่ยนแรงกระทำแนวดิ่งด้วยระบบไฟฟ้า อาทิ เมื่อเกิดการถ่ายแรงแบบฉับพลันขณะวิ่งบนลู่แข่ง โดยจะทำการปรับระบบกันสะเทือนและการเคลื่อนไหวของสปอยเลอร์หลังให้เหมาะสมแบบเรียลไทม์
 
ระบบเบรกและการระบายความร้อนเบรกได้รับการออกแบบใหม่เพื่อตอบโจทย์สถานการณ์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ Revuelto นำเสนอระบบเบรก CCB Plus (Carbon Ceramic Brakes Plus) รุ่นใหม่ล่าสุด โดยคาลิเปอร์เบรกหน้าซึ่งใช้ลูกสูบเบรกถึง 10 ตัว แทนที่จะเป็น 6 ตัว ถูกติตตั้งร่วมกับจานเบรกขนาด 410x38 มม. (แทนที่ขนาด 400x38 มม. ของรุ่นก่อนอย่าง Aventador Ultimae) ส่วนคาลิเปอร์เบรกหลังใช้ลูกสูบเบรก 4 ตัวและจานเบรกขนาด 390x32 มม. (แทนที่ขนาด 380x38 มม. ของรุ่นก่อน) จานเบรกยังเคลือบทับด้วยชั้นป้องกันการเสียดสี เพื่อสร้างประสิทธิภาพการเบรก การบริหารอุณหภูมิ และการควบคุมเสียงเบรกที่ดียิ่งขึ้น 
 
การออกแบบอากาศพลศาสตร์ยังช่วยเสริมการทำงานของระบบเบรกด้วย โดยแผ่นกันสะเทือนคู่หน้าและตะแกรงด้านในซุ้มล้อได้ถูกออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่เพียงสำหรับการระบายความร้อนเบรกหน้าโดยแผ่นนี้จะช่วยนำอากาศจากดิฟฟิวเซอร์หน้าไปที่เบรกเท่านั้น แต่ยังมีรูปทรงที่ช่วยลดแรงต้านภายในล้อได้เช่นกัน จึงช่วยจำกัดการบีบอัดและเพิ่มแรงโหลดในส่วนหน้า นอกจากนี้ ท่อดักอากาศ (NACA) คู่บริเวณด้านหน้าของล้อหลังทั้งสองข้าง ยังคอยเก็บลมจากใต้ท้องรถและส่งตรงไปยังท่อระบายความร้อนของเบรกหลังให้อีกด้วย
 
สิ่งที่เปิดตัวพร้อมกับระบบไฮบริดคือ 3 โหมดการขับขี่รูปแบบใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ ได้แก่ Recharge, Hybrid และ Performance เพื่อใช้ร่วมกับโหมดเดิมอย่าง Città (City), Strada, Sport และ Corsa ซึ่งสามารถเลือกปรับได้ด้วยการใช้โรเตอร์ 2 ตัวบนพวงมาลัยที่ออกแบบใหม่ ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมดจะสามารถตั้งค่าไดนามิกได้ถึง 13 รูปแบบ เพื่อให้ Revuelto แสดงบุคลิกและศักยภาพที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์และสภาพพื้นถนน หรือแม้แต่บนสนามแข่งขันที่รถยนต์กำลังพุ่งทะยานอยู่
 
ยกตัวอย่างเช่น โหมด Città ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ประจำวันในย่านกลางเมืองด้วยอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ ซึ่งเมื่อแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่คอยให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้าจำเป็นต้องได้รับการชาร์จไฟ แต่พื้นที่แถบนั้นไม่มีสถานีชาร์จ เครื่องยนต์ V12 จะเข้ามาทำงานเพื่อชาร์จไฟจนเต็ม (เข้าสู่โหมด Recharge) ในเวลาไม่กี่นาที ทำให้รถยนต์รุ่นนี้สามารถแล่นเข้าไปในพื้นที่ที่มีกฎระเบียบควบคุมการปล่อยก๊าซมลพิษได้ด้วยการใช้โหมดไฟฟ้า โดยที่ระบบกันสะเทือน ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และชุดเกียร์ จะมอบความสบายสูงสุดในการขับขี่ แรงต้านอากาศที่น้อยลงยังทำให้โหมด Città มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดโดยจำกัดกำลังเครื่องสูงสุดที่ 180 แรงม้า
 
โหมด Strada เหมาะที่สุดสำหรับการขับขี่ประจำวันที่เน้นสัมผัสแบบไดนามิกและการวิ่งทางไกล ซึ่งผสานการขับขี่แบบสบาย ๆ เข้ากับสัมผัสแนวสปอร์ตด้วยกำลังเครื่องสูงสุดที่ 886 CV โดยเครื่องยนต์ V12 จะทำงานตลอดเวลาเพื่อทำการชาร์จไฟแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยเสริมการขับขี่ในโหมด Recharge ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนเพลาไฟฟ้าด้านหน้า (e-axle) รองรับระบบกระจายแรงบิดและการทำงานของระบบอากาศพลศาสตร์แบบ active เพื่อมอบเสถียรภาพสูงสุดเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง เช่น บนทางหลวง
 
เมื่อเลือกโหมด Sport จะทำให้ Revuelto เปลี่ยนสมรรถนะไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถจะถูกปรับค่าเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจให้คุณโลดแล่นไปอย่างสนุกสนาน พร้อมกำหนดรูปแบบการตอบสนองในแต่ละโหมดการขับขี่ 3 แบบที่ทำงานร่วมกันคือ Recharge, Hybrid และ Performance โดยเครื่องยนต์สันดาปซึ่งควบคุมโดยระบบไฮบริดจะทำงานกับทั้ง 3 สถานการณ์การขับขี่และมอบกำลังเครื่องสูงสุดที่ 907 CV พร้อมเสียงคำรามอันกึกก้องอันน่าหลงใหลของเครื่องยนต์ V12 ส่วนชุดเกียร์จะตอบสนองการทำงานในระดับสูงสุด ในขณะที่ระบบกันสะเทือนและระบบอากาศพลศาสตร์จะช่วยยกระดับความคล่องตัวที่ฉับไว ให้คุณเข้าโค้งได้อย่างสนุกเร้าใจมากขึ้น
 
หากต้องการสุดยอดแห่งประสบการณ์ไดนามิกและพลังที่เต็มเปี่ยมทั้งในแง่ประสิทธิภาพการขับขี่และพลังเสียง ต้องเลือกโหมด Corsa ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำถึงศักยภาพด้านสุดยอดไดนามิกบนสนามแข่งขันของ Revuelto โดยในโหมด Performance ระบบส่งกำลังจะแสดงพลังสูงสุดด้วยกำลังเครื่องถึง 1,015 แรงม้า และการควบคุมระบบไฮบริดจะถูกปรับให้รีดศักยภาพของเพลาไฟฟ้า (e-axle) ออกมาทั้งหมด ทั้งในด้านการกระจายแรงบิดและการขับเคลื่อนในทุกล้อเพื่อสร้างประสบการณ์ขับขี่ระดับ Ultra-sport ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้  โดยในโหมด Corsa Recharge นักขับสามารถเน้นการชาร์จไฟแบตเตอรี่ให้มากที่สุด สำหรับนักขับที่เชี่ยวชาญก็สามารถเลือกปิด ESC เพื่อสัมผัสประสบการณ์แห่งพลังได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องมีระบบช่วยขับและเร้าใจได้ตั้งแต่ออกสตาร์ตด้วยกำลังเครื่องสูงสุดผ่านฟังก์ชั่น “Launch Control” ซึ่งเปิดทำงานได้ด้วยการกดค้างปุ่มตรงกลางโรเตอร์ตัวซ้าย

ยางรถยนต์ที่พัฒนามาโดยเฉพาะ

พันธมิตรด้านชิ้นส่วนยางของ Revuelto คือ Bridgestone ซึ่งได้พัฒนายางรุ่น Potenza Sport ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อยกระดับประสบการณ์ซูเปอร์สปอร์ตและเพิ่มขีดศักยภาพด้านความเร็วให้แก่รถยนต์รุ่นใหม่นี้ ยาง Potenza Sport เกรดพรีเมียมประสิทธิภาพสูง ซึ่งผสมผสานระหว่างการจัดล้อแบบ 265/35 ZRF20 ที่เพลาหน้าและ 345/30 ZRF21 ที่เพลาท้าย รวมถึงแบบ 265/30 ZRF21 ที่ด้านหน้าและ 355/25 ZRF22 ที่ด้านหลัง ซึ่งทั้งสองแบบเป็นเทคโนโลยียางแบบ Run-flat เทคโนโลยีนี้ช่วยให้นักขับสามารถขับต่อไปได้อย่างปลอดภัยแม้ยางถูกตำทะลุจนไม่มีลม โดยวิ่งต่อไปได้อย่างน้อย 80 กม.ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ที่ความดันลม 0 บาร์ ช่วยมอบความอุ่นใจให้แก่นับขับได้อย่างมาก
 
การผสานประสิทธิภาพกันยังถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งการใช้ล้อแบบ 265/35 ZR20 ที่เพลาหน้าและ 345/30 ZR21 Potenza Sport ที่เพลาท้าย (ยางแบบ Tubeless) ซึ่งทั้งสองโซลูชั่นยางแบบ Run-flat และยางแบบ Tubeless มอบประสิทธิภาพการวิ่งด้วยความเร็วสูงที่เหนือชั้น ความแม่นยำในการเข้าโค้งและการตอบสนองที่เป็นเยี่ยม รวมถึงการยึดเกาะทั้งบนพื้นผิวแห้งและเปียกที่เป็นเลิศ
 
เพื่อตอบสนองความต้องการของนักขับ Revuelto จึงมีการนำเสนอออปชั่นยาง Bridgestone Potenza Race แบบสั่งผลิตสำหรับการวิ่งในสนามแข่งขัน ซึ่งจะช่วยให้นักขับสามารถยกระดับการยึดเกาะและการควบคุมตัวรถขั้นสูงสุด ส่วนยาง Bridgestone Blizzak LM005 รุ่นปรับแต่งพิเศษคืออีกหนึ่งออปชั่นแห่งชัยชนะที่แท้จริง เพราะมอบการยึดเกาะที่ดีที่สุดแม้บนหิมะ พร้อมการเข้าโค้งที่ไวต่อการตอบสนองและแม่นยำทั้งบนพื้นผิวแห้งและเปียก ยาง Bridgestone เหล่านี้ยังออกแบบด้วยเทคโนโลยีปฏิวัติวงการอย่าง Virtual Tyre Development เอกสิทธิ์ของ Bridgestone ซึ่งสามารถลดทั้งปริมาณวัตถุดิบและการปล่อยก๊าซมลพิษในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างมาก

ล้ำหน้าด้วยอินเตอร์เฟซใหม่ (HMI) อินโฟเทนเมนต์ครบครัน การเชื่อมต่อออนไลน์ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS)

Revuelto นำเสนออินเตอร์เฟซ Human Machine Interface (HMI) ที่ออกแบบใหม่ในทุกรายละเอียด ประกอบด้วยจอแสดงผล 3 ตำแหน่ง ได้แก่ จอบริเวณแผงหน้าปัดขนาด 12.3 นิ้ว จอแสดงผลกลางขนาด 8.4 นิ้ว และจอเสริมขนาด 9.1 นิ้ว มอบรูปลักษณ์ใหม่ที่สดใสกว่าทั้งภาพกราฟิก 3D ภาพเคลื่อนไหว วิดเจ็ต และสไตล์การปรับแต่งต่าง ๆ ซึ่งจอแสดงผลทั้งสามถูกควบคุมโดย “สมองกล” ตัวเดียว ซึ่งใช้ดีไซน์อินเตอร์เฟซแบบเดียวกันทุกจอ ทำให้ผู้ใช้ไม่เกิดการสับสนกับอินเตอร์เฟซบนจอต่าง ๆ ทั้งในเรื่องสีสันและรูปภาพ ตลอดจนมีปฏิกิริยาที่สอดคล้องกัน
 
 
ระบบอินโฟเทนเมนต์รูปแบบใหม่ของ Revuelto มาพร้อมฟังก์ชั่นที่ช่วยให้นักขับสามารถปรับแต่งและสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ลัมโบร์กินีที่เปี่ยมด้วยสุนทรียภาพและดื่มด่ำได้อย่างเต็มอารมณ์โดยใช้เพียงการลากสองนิ้วไปบนหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถย้ายเนื้อหาอินโฟเทนเมนต์ไปยังจอต่าง ๆ ทั้งจอบริเวณแผงหน้าปัดหรือจอฝั่งผู้โดยสาร ด้วยการปัดหน้าจอแบบเดียวกัน นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกฟีเจอร์การใช้โปรดได้ เพื่อให้ครั้งต่อไปสามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
 
งานออกแบบพวงมาลัยใหม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปฏิกิริยาระหว่างนักขับกับพวงมาลัยในรถแข่งรุ่น Squadra Corse ซึ่งให้ความรู้สึกราวกับห้องนักบิน อุปกรณ์ควบคุมที่เพิ่มเติมเข้ามาช่วยให้สามารถควบคุมไดนามิกของตัวรถและคำสั่งมัลติมีเดียได้อย่างง่ายดายด้วยการขยับมือเพียงเล็กน้อย โดย Revuelto ยังมีจอแสดงผลข้อมูลไดนามิกการขับขี่บนฝั่งผู้โดยสาร ซึ่งทำให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รู้สึกราวกับเป็นนักบินร่วมบนเส้นทางเดียวกัน
 
ระบบนำทางได้รับการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งหมด โดยมีการดาวน์โหลดแผนที่แบบเรียลไทม์ เพื่อให้นักขับมั่นใจได้ว่าข้อมูลของพื้นที่นั้น ๆ เป็นเวอร์ชั่นที่อัปเดตเสมอ การคำนวณเส้นทางและกลไกการค้นหาสถานที่ก็สามารถทำงานได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญผ่านเชิร์ฟเวอร์ออนไลน์ ระบบนำทางยังผสานข้อมูลการจราจร สภาพภูมิอากาศแบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลที่จำเป็นต่าง ๆ อาทิ ข้อมูลสถานที่น่าสนใจซึ่งมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้อมูลลานจอดรถ ปั๊มน้ำมัน และสถานีชาร์จไฟบนเส้นทาง นอกจากเรื่องตำแหน่งที่ตั้ง ระบบยังแสดงข้อมูลอื่น ๆ อาทิ เวลาเปิดให้บริการ ราคา รายละเอียดการใช้งาน และข้อมูลอื่น ๆ ไว้อย่างครบครัน
 
 
โปรแกรมผู้ช่วย Amazon Alexa จะช่วยให้นักขับเข้าถึงฟังก์ชั่นการควบคุมตัวรถได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการปรับอุณหภูมิ การนำทาง และสื่อต่าง ๆ ผ่านการสั่งงานด้วยเสียง โดยฟังก์ชั่นเหล่านี้อยู่นอกเหนือจากฟังก์ชั่นมาตรฐานของ Alexa ที่ใช้เพื่อความบันเทิงและการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ตโฮมทั่วไป โดยโปรแกรม Alexa ใน Lamborghini Revuelto ยังผสานฟังก์ชั่น What3Words ซึ่งทำงานร่วมกับระบบนำทางที่ติดตั้งมากับตัวรถ ทำให้สามารถขับขี่ไปได้ทุกที่บนโลก แม้สถานที่นั้นจะไม่มีข้อมูลที่อยู่ที่ชัดเจนก็ตาม  
 
Revuelto นำเสนอระบบความบันเทิงนวัตกรรมใหม่ภายใต้ดีไซน์ออริจินัลของลัมโบร์กินี ระบบวิทยุดาวเทียมแบบใหม่สามารถค้นหาคลื่นสัญญาณได้นับพันสถานี โดยสามารถตั้งค่าการค้นหาได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะค้นหาเฉพาะเรื่องที่อยู่ในกระแสความนิยม ค้นหาตามหมวดหมู่ หรือเนื้อหาของแต่ละประเทศ ซึ่งระบบวิทยุดาวเทียม SiriusXM 360L (สำหรับตลาดสหรัฐฯ) เป็นเวอร์ชั่นที่อัปเกรดประสิทธิภาพอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับระบบเดิมอย่าง SiriusXM สามารถนำเสนอเนื้อหาที่สอดคล้องกับความชื่นชอบของผู้ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นรายการโชว์ พอดคาสต์ ไปจนถึงรายการสตรีมมิ่งอย่าง Pandora และ Xtra
 
การเชื่อมต่อของระบบอินโฟเทนเมนต์ใน Lamborghini Revuelto ยังสามารถพัฒนาประสิทธิภาพด้วยตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบการอัปเดตตัวเองผ่านซอฟต์แวร์ Over-the-Air ที่ติดตั้งมาในเครื่อง ทำให้รถยนต์มีระบบที่อัปเดตและเนื้อหาที่ทันสมัยอยู่เสมอ ระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นนี้สามารถรองรับการอัปเดตไม่เฉพาะที่จอแสดงผลอินโฟเทนเมนต์เท่านั้น แต่สามารถอัปเดตจอที่แผงหน้าปัดและจอแสดงผลฝั่งผู้โดยสารได้อีกด้วย 
 
Lamborghini Revuelto ยังสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันพิเศษอื่น ๆ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้จึงสามารถเลือกปรับแต่งการใช้งานเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ได้ดังใจ และด้วยการให้ความสำคัญอย่างมากกับความปลอดภัยของลูกค้า Lamborghini Revuelto จึงติดตั้งระบบโทรศัพท์ฉุกเฉินและบริการช่วยเหลือฉุกเฉินไว้กับตัวรถ ซึ่งจะทำงานทันทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที โดยระบบติดตามรถยนต์ Lamborghini Connect ยังสามารถตรวจจับการใช้งานรถยนต์ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งไม่เพียงแจ้งไปยังเจ้าของรถ แต่ยังติดต่อไปยังศูนย์ความปลอดภัยที่เปิดรับสัญญาณตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในการติดตามรถยนต์กลับคืน Lamborghini Revuelto ใช้งานได้ทั่วโลกโดยรองรับได้มากกว่า 30 ภาษา เพื่อมอบประสบการณ์ที่ถูกต้องแม่นยำและมั่นใจได้ในทุก ๆ ประเทศ
 
เจ้าของรถยังสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับ Lamborghini Revuelto ได้อย่างต่อเนื่องแม้ดับเครื่องยนต์ไปแล้ว ด้วยการใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน Lamborghini Unica ที่ช่วยให้นักขับสามารถตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ของรถได้ตลอดเวลา ทั้งระดับเชื้อเพลิง การชาร์จแบตเตอรี่ ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง รวมถึงตำแหน่งการจอดที่แน่นอน แอป Unica ยังมีชุดควบคุมรถยนต์ระยะไกล เช่น การล็อกและปลดล็อกประตู การเปิดเสียงแตรหรือเปิดแสงไฟ โดยบางฟังก์ชั่นยังสามารถสั่งได้ทาง Apple Watch เจ้าของรถจึงสามารถควบคุมรถยนต์ของตัวเองได้แม้มีคนอื่นขับอยู่ก็ตาม ทั้งการกำหนดระดับความเร็วสูงสุด รวมถึงการใช้งานต่อชั่วโมงและขีดจำกัดการใช้งานผ่านตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ซึ่งถ้ารถยนต์วิ่งเร็วเกินระดับความเร็วที่กำหนดไว้ในเขตพื้นที่หนึ่ง ๆ หรือใช้งานนานกว่าเวลาที่กำหนด เจ้าของรถจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางแอป
 
Lamborghini Revuelto มอบความปลอดภัยขั้นสูงสุดแก่ลูกค้า โดยข้อมูลที่ถูกส่งระหว่างรถยนต์กับระบบคลาวด์จะได้รับการปกป้องตามมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ลูกค้ายังสามารถควบคุมได้ว่าจะแชร์ข้อมูลใดบ้างด้วยการกำหนดความเป็นส่วนตัวทั้ง 6 ระดับตามหลักเกณฑ์
ลัมโบร์กินียังนำระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS (Advanced Driver Assistance System) มาใช้ใน Revuelto เป็นครั้งแรก ซึ่งรวมถึงฟังก์ชั่นขั้นสูงเพื่อการเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ประจำวัน ซึ่งเกิดจากการทำงานผสานกันทั้งระบบกล้อง เรดาห์ และเซ็นเซอร์ ซึ่งชุดความปลอดภัยยังมีระบบเตือนเมื่อออกนอกช่องเดินรถพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ Active Lane Departure Warning (ALDW) ซึ่งจะตรวจจับเส้นแบ่งช่องเดินรถและปรับวงล้อให้เหมาะสมหากผู้ขับเผลอขับข้ามช่อง นอกจากนี้ ระบบเตือนเมื่อเปลี่ยนช่องเดินรถ Lane Change Warning (LCW) จะตรวจจับจุดบอดและเตือนผู้ขับถึงอันตรายก่อนที่จะเปลี่ยนช่องทาง ส่วนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC) จะควบคุมความเร็วรถและระยะห่างกับรถคันหน้า โดยจะช่วยทั้งในการเร่งความเร็วและเบรกรถให้โดยอัตโนมัติ
 
Revuelto ยังติดตั้งระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA) โดยเมื่อทำการถอยรถ อุปกรณ์จะเตือนนักขับหากมีสิ่งกีดขวางอยู่ด้านหลัง และทำการเบรกเมื่อใกล้จะเกิดการชนปะทะ นอกจากนี้ ระบบกล้องยังแสดงภาพด้านหลังรถและด้านบนที่จอแสดงผลบริเวณแผงหน้าปัด ทำให้นักขับไม่เพียงมองเห็นด้านหลังรถ แต่ยังเห็นภาพจำลองของรถทั้งคันเมื่อมองจากด้านบน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

lamborghini Lamborghini Revuelto

ข่าวและอีเว้นท์รถยนต์ล่าสุด




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)