ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

BMW เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 6 รุ่น นำทัพด้วย XM พลัง "M HYBRID 653 แรงม้า" ราคา 14.8 ล้านบาท

ข่าว icon 1 มี.ค. 66 icon 2,184
BMW เปิดตัวรถยนต์ใหม่หลายรุ่นเทคโนโลยีแห่งอนาคต เน้นยานยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดใหม่ล่าสุดกับสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ มุ่งยุคสมัยแห่งความหรูหราและความเป็นเลิศ สำหรับในกลุ่ม Luxury Class ได้แก่ XM ใหม่, X7 xDrive40d M Sport ใหม่, 750e xDrive M Sport ใหม่, X1 sDrive18i โฉมใหม่, ซีรีส์ 3 คือ 330Li M Sport ใหม่/320Li M Sport ใหม่ และปิดท้ายด้วย MINI รุ่นพิเศษ Resolute Edition
BMW XM ราคา 14,899,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู XM ใหม่ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและหรูหรา มาพร้อมสัดส่วนไดนามิกปราดเปรียวและรูปลักษณ์ที่โดดเด่น เค้าโครงทันสมัยของรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์สะดุดตาด้วยองค์ประกอบการออกแบบสไตล์ M มอบความรู้สึกแข็งแกร่งดุดันเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจให้กับตัวรถ
ด้านหน้าของบีเอ็มดับเบิลยู XM แตกต่างด้วยไฟหน้าแบบแยกส่วน กระจังหน้าทรงไตคู่แบบ ‘Iconic Glow’ ที่มาพร้อมไฟส่องสว่างแบบต่อเนื่อง ไฟหน้า Adaptive LED อัจฉริยะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและมอบแสงสว่างบนท้องถนนตลอดจนช่วงเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น ระบบปรับการทำงานไฟสูงช่วยเปิดและปิดไฟสูงโดยอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนหรือมีรถด้านหน้า 
ด้านข้างมีแถบสีคล้ายบีเอ็มดับเบิลยู M1 ทำให้รถดูโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้การออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยู XM ยังรวมเอาคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ทำให้นึกถึงอดีตไม่ว่าจะเป็นโลโก้บีเอ็มดับเบิลยูที่กระจกหลังหรือไฟท้ายทรงเรียว บีเอ็มดับเบิลยู XM ยังสะดุดตายิ่งกว่าใครด้วยล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 23 นิ้ว ลาย star spoke แบบสลับสี ซึ่งติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน
ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ ขนาด 4.4 ลิตร เทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo ระบบขับเคลื่อน M HYBRID กําลังรวมสูงสุดที่ 480 กิโลวัตต์ / 653 แรงม้า ที่แรงบิดรวมสูงสุด 800 นิวตันเมตร ด้านเครื่องยนต์สันดาปให้พละกำลังสูงสุดที่ 360 กิโลวัตต์ / 489 แรงม้า ที่ 5,400 – 7,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 5,000 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์สูงถึง 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า ให้แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ M xDrive พร้อมระบบเฟืองท้าย M Sport ยังช่วยเสริมสมรรถนะของรถโดยกระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลัง ช่วงล่าง Adaptive M Suspension Professional มอบการควบคุมแบบสปอร์ตโดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายแก่ผู้ขับ  
 
สามารถเลือกกดปุ่ม M Hybrid ที่คอนโซลกลางเพื่อเข้าโหมดใดโหมดหนึ่งจากทั้งหมด 3 โหมด รวมถึงโหมดการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า 100% สำหรับการขับขี่ที่ปลอดมลพิษด้วยความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 98 กิโลเมตร อ้างอิงตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC โดยใช้พลังงานจากลิเธียม-ไอออนแบตเตอรี่ขนาด 29.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ทำอัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเวลาเพียง 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 
พร้อมมีระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop&Go ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความเร็วของรถในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้าให้สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ด้วยระบบบังคับพวงมาลัย เพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังช่วยให้การจอดรถและการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
 
ระบบ Teleservices และปุ่มโทรออกฉุกเฉิน รับประกันว่าผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้รับความช่วยเหลืออย่างมืออาชีพในทุกสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ ระบบ Active Protection ยังถูกติดตั้งมาเพื่อช่วยให้สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีขึ้นและช่วยตรวจจับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้างและระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุยังช่วยลดความเสี่ยงให้กับคนเดินถนนที่อยู่ใกล้เคียงกับรถยนต์ได้อีกด้วย
ภายในตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ขณะที่พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M และเข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ให้ความรู้สึกสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวในการขับขี่ นอกจากนี้ผ้าบุหลังคายังเป็นเสมือนงานประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึมและเมื่อเปิดไฟ Ambient Light ก็จะพบกับหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคาที่ส่องสว่างอย่างงดงามยามค่ำคืน คอนโซลด้านบนยังบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ทำให้การตกแต่งภายในดูสะดุดตาและหรูหราไปอีกขั้น ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสําหรับเบาะนั่งตอนหน้า ยังถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในรถยนต์รุ่นนี้เช่นกัน
 
BMW XM ใหม่ ยังได้รับการพัฒนาด้านระบบความบันเทิงและการสื่อสารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมจอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 ใหม่ล่าสุด ที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น ระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ IconicSounds Electric ให้เสียงขับที่กระตุ้นความตื่นเต้นแม้ในโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ นอกจากนี้ ระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins Diamond ยังมอบสุนทรียภาพแห่งเสียงที่ชวนดื่มด่ำแบบเต็มขั้นด้วยลำโพงขนาด 1,475 วัตต์ และลำโพงพิเศษอีกสี่ตัวบริเวณหลังคา นอกจากนั้น ผู้ขับขี่ยังจะได้รับประโยชน์จาก Connected Package Professional ซึ่งช่วยให้ผู้ขับมั่นใจว่าจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและข้อมูลการจราจรอัปเดตล่าสุดเมื่ออยู่บนท้องถนน
BMW XM ใหม่ มีสีภายนอกให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire, สีเขียว Cape York Green, สีดำ Carbon Black, สีเทา Dravit Grey, สีฟ้า Marina Bay Blue, สีขาว Mineral White และสีแดง Toronto Red และมีสีภายในกับหนัง BMW Individual ‘Merino’ ให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Deep Lagoon, สีขาว Silverstone, สีดำ Black และ สีส้ม Sakhir Orange มาพร้อมกับแถบตกแต่งด้านข้างรถทั้งหมด 2 ตัวเลือกคือสีทองและสีดำซึ่งพาดผ่านกรอบประตูและล้อรถ ส่งให้ตัวรถโดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น
BMW X7 xDrive40d M Sport ใหม่ ราคา 6,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW X7 xDrive40d M Sport ใหม่ เป็นรถยนต์หรูในเซกเมนต์รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV) สานต่อความสำเร็จจากรถยนต์รุ่นก่อนหน้า มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุด 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า / 4,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,250 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบ Mild Hybrid ที่มีขนาด 48 โวลต์ ส่งกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 9 กิโลวัตต์ / 12 แรงม้า ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เพื่อมอบพละกำลังรวมสูงสุด 259 กิโลวัตต์ / 352 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 720 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดที่ 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.9 วินาที ผ่านเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ ช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive จึงมอบความนุ่มสบายเหนือระดับ การควบคุมที่เฉียบคม และความปราดเปรียวอันทรงพลัง ขณะที่ระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro เสริมความมั่นใจด้วยเสถียรภาพที่เหนือกว่าในทุกจังหวะการขับขี่ 
เสริมรูปลักษณ์สปอร์ตทรงพลังด้วยชุดแต่ง M Sport ขณะที่ระบบท่อไอเสียในสไตล์ M Sport มอบเสียงเครื่องยนต์กังวานสอดประสานกับพละกำลังและความสง่างามของตัวรถ และเติมบุคลิกความแรงอย่างลงตัวด้วยคาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport และพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M รูปลักษณ์ภาพนอกประกาศถึงความทรงพลังบนท้องถนนด้วยกระจังหน้า BMW Kidney ‘Iconic Glow’ และระบบไฟหน้า Adaptive LED ดีไซน์บนตัวถังขนาดใหญ่สะท้อนถึงความปราดเปรียวด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายเฉียบคม พื้นผิวตัวถังที่โดดเด่น และการออกแบบสไตล์สปอร์ต เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบา BMW Individual ขนาด 23 นิ้ว ลาย V-spoke แบบสลับสี
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะนั่งแบบสามแถว รวม 6 ที่นั่ง ทุกที่นั่งสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า โดยสำหรับเบาะที่นั่งตอนหน้ายังมาพร้อมกับระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดผ่อนคลาย เบาะที่นั่งบุด้วยหนังแท้ Merino เนื้อละเอียดจาก BMW Individual หรูหราขึ้นไปอีกขั้นด้วยการตกแต่งห้องโดยสารด้วยลายไม้สีดำเงา 'Fineline' แบบ metal effect มอบความภูมิฐานสง่างาม ตกแต่งภายในด้วยผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’ พร้อมชุดไฟ Ambient light สร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร หลังคากระจกแบบ Panorama Sky Lounge เพิ่มความโปร่งอย่างโอ่อ่าเหนือระดับ และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 5 โซน แผงหน้าปัดแบบใหม่ที่มีช่องระบายอากาศและแถบไฟส่องสว่าง พร้อมลวดลายกราฟิก X7 ช่วยทำให้ห้องโดยสารดูทันสมัยและล้ำหน้าด้วยระบบดิจิทัล ดีไซน์สุดล้ำของคันเกียร์ยังช่วยเพิ่มความสง่างามให้กับภายในห้องโดยสาร
ทันสมัยและความปลอดภัยยิ่งกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ล่าสุด ได้แก่ ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Professional ระบบช่วยการขับขี่่รุ่น Professional
และระบบความบันเทิงและสื่อสารรุ่นล่าสุดอย่าง BMW Live Cockpit Professional พร้อมจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ BMW ConnectedDrive และระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งสามารถควบคุมผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงได้อย่างง่ายดาย มอบความสะดวกสบายตามความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง นอกจากนั้น ระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond ยังช่วยมอบสุนทรียศาสตร์แห่งเสียงคุณภาพระดับสตูดิโออีกด้วย
และยังมีระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบเตือนสถานะของยาง  เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง หรือ Park Distance Control (PDC) ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) นอกจากนี้ยังมีระบบ Anti-lock Braking System (ABS) ป้องกันไม่ให้ล้อล็อกหรือหยุดหมุนขณะเบรก และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) ช่วยให้รถสามารถยึดเกาะถนนได้เป็นอย่างดีในทุกสภาวะการขับขี่
BMW X7 xDrive40d M Sport ใหม่ ให้เลือกในสามสี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire Metallic, สีขาว Mineral White Metallic, และสีเทา Brooklyn Grey Metallic พร้อมตัวเลือกสีห้องโดยสารภายในแบบ Tartufo/Black (สีน้ำตาล/ดำ) และ Black/Black (สีดำ/ดำ)
BMW 750e xDrive M Sport ใหม่ ราคา 6,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW 750e xDrive M Sport ใหม่ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสุดหรู มาพร้อมไฟหน้า Adaptive LED พร้อมระบบปรับองศาเมื่อเข้าโค้ง ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน กระจังหน้าและชุดไฟหน้าคริสตัลสวารอฟสกี้ 'Iconic Glow' หรูหรา มอบเอฟเฟกต์ไฟระยิบระยับสวยงาม ด้านบนเป็นไฟรูปตัว 'L' ในรูปทรงเรขาคณิตแบบกระจกเป็นครั้งแรก เสริมให้ไฟท้ายดูโดดเด่นยิ่งขึ้น มาพร้อมล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว แบบสลับสี ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดําเงาและสปอยเลอร์หลังดีไซน์ M พร้อมชุดตกแต่ง M Sport ตอกย้ำถึงคุณภาพระดับพรีเมียม ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดประตูรถและสตาร์ทเครื่องยนต์ได้โดยไม่ต้องสัมผัสกุญแจ นอกจากนี้ ระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตูยังช่วยให้สามารถปิดประตูได้โดยอัตโนมัติอย่างนุ่มนวลและเงียบเชียบ
บีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ / 313 แรงม้า / 5,000 - 6,500 รอบต่อนาที ส่งแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร / 1,750 - 4,700 รอบต่อนาที กิโลวัตต์ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ จะส่งกำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ / 489 แรงม้า และให้แรงบิดรวมสูงสุด 700 นิวตันเมตร พร้อมความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงที่ 22.1 กิโลวัตต์-ชั่วโมง โดยมีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.05 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร และให้ระยะทางการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสูงสุดที่ 85 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC สร้างความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.8 วินาที 
การตกแต่งภายในและอุปกรณ์ต่าง ๆ เสริมความสะดวกสบาย พร้อมสร้างบรรยากาศหรูหรา ด้วยแถบ BMW Interaction Bar และฟังก์ชันควบคุมชุดไฟส่องสว่างสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) เบาะนั่งแบบมัลติฟังก์ชันครบครับทั้งสำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารตอนหลัง
มาพร้อมฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหลัง รวมถึงเบาะนั่งตอนหลังแบบ Executive Lounge ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะที่นั่ง และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 4 โซน เพิ่มการไหลเวียนอากาศในห้องโดยสาร พร้อมวัสดุบุหลังคา Alcantara สี Anthracite ส่วนภายในตัวรถตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ถักด้วยวัสดุสีเงินแบบ M คอนโซลกลางสีดำเงาแบบ Piano Finish Black
ระบบจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังประกอบด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 31.3 นิ้ว ความคมชัด 8K พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins
รีโมทควบคุมแบบบสัมผัสติดตั้งอยู่ที่แผงควบคุมบริเวณแผงประตู (BMW Touch Command) พร้อมทั้งม่านบังแสงด้านหลังจะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อระบบจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังทำงาน ระบบ BMW Live Cockpit Professional ช่วยคำนวณเส้นทางที่รวดเร็วได้จากข้อมูลสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์
 
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรค (ABS) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) เซ็นเซอร์ควบคุมความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) และระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง ติดตั้งมาอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Parking Assistant Professional และระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant Professional มอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางและทุกจุดหมายปลายทาง
BMW 750e xDrive M Sport ใหม่ มีตัวเลือกสีตัวถังภายนอกคือ สีขาว Mineral White Metallic และสีดำ Black Sapphire Metallic ตกแต่งภายในด้วยสีน้ำตาลเข้ม Mocha ในขณะที่ตัวถังภายนอกสีเทา Dravit Grey Metallic และสีเทา Oxide Grey Metallic มากับการตกแต่งภายในสีดำ 
BMW X1 sDrive18i โฉมใหม่ ราคา 2,249,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW X1 sDrive18i รถยนต์ SAV ปรับโฉมใหม่ต่อยอดจากรุ่นเดิมสวยขึ้นและทันสมัยมากกว่า ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้พละกำลังสูงสุด 115 กิโลวัตต์ / 156 แรงม้า ที่ 4,900 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 230 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,600 รอบต่อนาที ผ่านมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ แบบ Steptronic พร้อมคลัตช์คู่  อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 9 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  
ภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive18i โฉมใหม่ นำเสนอการออกแบบที่สปอร์ตและทันสมัย ด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและลวดลายที่ชัดเจน กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่เกือบเป็นทรงสี่เหลี่ยมโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และองค์ประกอบการออกแบบที่แตกต่างช่วยเน้นย้ำลักษณะอันปราดเปรียวและแข็งแกร่งของรถยนต์รุ่นนี้ ลักษณะการออกแบบที่แตกต่างและรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเสริมให้ตัวรถสะดุดตายิ่งขึ้นด้วยระบบไฟหน้าAdaptive LED ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ และราวหลังคาแบบ Aluminium Satinated 
 
ภายในกว้างขวางและหรูหราด้วยวัสดุพรีเมียมและอุปกรณ์ทันสมัยที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่โดยรวม การตกแต่งภายในด้วยวัสดุสีดำเงา คอนโซลหรูหรา และชุดไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร เน้นย้ำถึงการออกแบบที่ล้ำสมัยและพิถีพิถัน มอบบรรยากาศที่ประณีตหรูหรา ตอกย้ำถึงคุณลักษณะระดับพรีเมียมที่ฝังลึกอยู่ในตัวรถ เบาะนั่งตอนหน้าพร้อมระบบทำความร้อนดีไซน์สปอร์ตและกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ ยังได้รับการติดตั้งมาเป็นมาตรฐานอีกด้วย 
ระบบความบันเทิง BMW ConnectedDrive ระบบเครื่องเสียงแบบสเตอริโอ จอแสดงผลแบบโค้งความชัดสูง และระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive18i โฉมใหม่ มีให้เลือกใน 3 สีตัวถัง ได้แก่ สีขาว Alpine White Solid, สีดำ Black Sapphire Metallic และสีเงิน Space Silver Metallic พร้อมการตกแต่งภายในบุด้วยหนังเบาะที่นั่งแบบ Sensatec Perforated สีน้ำตาลเข้ม Mocha
 
มาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่ ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ พร้อมด้วยถุงลมนิรภัยสําหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างและถุงลมนิรภัยศีรษะ ระบบ Teleservices และปุ่มโทรออกฉุกเฉิน ยิ่งไปกว่านั้น ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ และเซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน ยังถูกติดตั้งมาเพื่อช่วยให้สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีขึ้นและช่วยตรวจจับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ 
BMW 330Li M Sport ใหม่ ราคา 3,099,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW 320Li M Sport ใหม่ ราคา 2,759,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW ซีรีส์ 3 หนึ่งในรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในทัพยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยู สร้างความตื่นตาตื่นใจอีกครั้งด้วย บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Sedan รุ่นฐานล้อยาว บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 320Li M Sport ใหม่ ยังคงลุคสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและสมรรถนะที่เฉียบคมไว้เช่นเคย แต่เสริมความโอ่อ่าสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสารด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นปกติถึง 114 มิลลิเมตร  โดยตัวถังของบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นฐานล้อยาวนี้มีมิติความยาวรวม 4,823 มิลลิเมตร ความกว้างยังคงเดิมที่ 1,827 มิลลิเมตร ขณะที่ความสูงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1,441 มิลลิเมตร ความยาว 110 มิลลิเมตรที่เพิ่มขึ้นบริเวณประตูหลัง ช่วยให้ผู้โดยสารเบาะหลังเข้า-ออกจากรถได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังสบายกว่าขณะเดินทางด้วยพื้นที่ห้องโดยสารแถวหลังที่ยาวขึ้นอีก 43 มิลลิเมตร 
ภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 320Li M Sport ใหม่ ยังคงสื่อถึงความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรม หรือ “Ultimate Driving Machine” ด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัย สมรรถนะที่ปราดเปรียว ประสิทธิภาพการขับขี่เหนือระดับ รวมถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ล้ำยุค ซึ่งรวมเป็นเอกลักษณ์แก่นแท้ของบีเอ็มดับเบิลยู และยังมาพร้อมองค์ประกอบเฉพาะตัวที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว รับกับระบบไฟหน้าที่เรียวยาวขึ้น
โดยบีเอ็มดับเบิลยู 320Li M Sport ใหม่ มาพร้อมระบบไฟหน้าแบบ LED ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ มากับระบบไฟหน้าแบบ Adaptive LED พร้อมโคมไฟหน้าตกแต่งสีดำ (M Light Shadowline)
ด้านข้างของตัวรถโดดเด่นด้วยกรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar มอบมิติไร้ขอบหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมด้วยกรอบไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่เพรียวบางยิ่งกว่าเคย นอกจากนี้ ไฟ LED ทรงตัว L และท่อไอเสียแบบคู่ ล้วนเสริมให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม
รถยนต์ซีรีส์ 3 ทั้งสองรุ่นมอบขุมพลังเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน โดยบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550 – 4,400 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.2 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู 320Li M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 1,350 – 4,400 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 233 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 
 
โดยทั้งสองรุ่นทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ และรองรับระบบ Driving Experience Control ที่มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PRO นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ ยังมาพร้อมกับล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้้ว ลาย Double-spoke แบบสลับสี ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู 320Li M Sport ใหม่ มาพร้อม ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย V-spoke แบบสลับสี สอดรับกับขอบหน้าต่าง ช่องดักอากาศ และซี่บริเวณกระจังหน้าไตคู่สีดำเงา ภายในโฉบเฉี่ยวด้วยพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec และตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงาพร้อมแถบอลูมิเนียม พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยหลังคาภายในดีไซน์ M สี Anthracite ในบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ และวัสดุลายไม้แบบ Fine-wood Trim Oak Grain Open-pored สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 320Li M Sport ใหม่ 
 
 
พร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยนำเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant) เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง และระบบ BMW Head-up display พร้อมระบบการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบผ่านระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.0 ซึ่งเสริมประสิทธิภาพให้แก่ระบบ BMW Intelligent Personal Assistant และ Live Cockpit Professional นอกจากนี้ ยังมีระบบเครื่องเสียง HiFi Loudspeaker ติดตั้งภายในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 320Li M Sport ใหม่ ส่วนระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon เพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ในบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ ด้วยเช่นกัน ด้าน BMW ConnectedDrive ยังมอบทางเลือกมากมายในการเชื่อมต่อและควบคุมระบบในตัวรถ รวมถึงการใช้ BMW Gesture Control ระบบสั่งงานด้วยเสียง ปุ่ม iDrive และจอแสดงผล Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว
 
330Li M Sport และ320Li M Sport ใหม่ มาให้เลือกใน 3 สีตัวถังคือ สีดำ Carbon Black Metallic, สีขาว Mineral White Metallic, และสีเทา Skyscraper Grey Metallic
MINI COOPER Convertible Resolute Edition ราคา 3,090,000 บาท (Light Chequered) / 3,120,000 บาท (MINI Yours)(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
MINI COOPER SE Resolute Edition ราคา 2,469,000 บาท (Light Chequered)(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
MINI COOPER Hatch 3 Resolute Edition ราคา 2,919,000 บาท (Light Chequered) / 2,959,000 บาท (MINI Yours)(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
มินิ ประเทศไทย เปิตดัวรุ่นใหม่ในตระกูลมินิ คูเปอร์ ที่ยังคงความสปอร์ตแบบคลาสสิค ด้วย Resolute Edition สะดุดตาด้วยรูปลักษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งตัวถังภายนอก ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา การออกแบบภายในและชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ความเป็นมินิแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ตแต่ยังคงความหรูหรา มาใน 3 รุ่นทั้ง มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล, มินิ คูเปอร์ เอสอี และ มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู ให้แฟน ๆ มินิชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจตามแบบฉบับมินิ โดยรถมินิรุ่นนี้ ตกแต่งด้วยลวดลายบนฝากระโปรงหน้าและที่กาบบันได ซึ่งมาในเส้นสายที่มีการไล่เฉดสีทองอ่อนไปจนถึงทองเข้มได้อย่างสวยงาม พร้อมสลักชื่อรุ่น “RESOLUTE” ไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในส่วนประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กรอบไฟหน้า LED พร้อมไฟตอนกลางวัน กระจังหน้า ไฟหลัง LED รูปธง Union Jack ช่องดักอากาศ กรอบไฟเลี้ยว มือจับประตู ฝาถังน้ำมัน ในสี Resolute Bronze
 
การออกแบบด้วยลายเส้นสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะรุ่น Resolute Edition นี้ ยังถ่ายทอดมาสู่ภายในห้องโดยสาร รับกับเบาะนั่งโดยสารทรงสปอร์ต MINI Yours Leather Lounge หรือ เบาะผ้า Light Chequered และอีกหนึ่งไฮไลต์พิเศษคือ พวงมาลัยหนังสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Nappa สลักคำว่า "RESOLUTE" บริเวณด้านล่างของก้านพวงมาลัย ดีไซน์ภายในยังประกอบด้วยชุดระบบไฟ (Light Package) ด้วยไฟ LED ให้แสงสว่างเฉพาะบริเวณ และชุดไฟภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) แผงคอนโซลทรงกลมที่สลักด้วยเลเซอร์รวมไปถึงเส้นนำแสง (Piping Light) ที่วางตามแนวประตูและภายในห้องโดยสาร รวมถึงไฟบริเวณประตูและมือจับประตูที่ให้ความรู้สึกแบบสปอร์ตและสะดวกสบายไปพร้อมกัน และบริเวณคอนโซลหน้ารถตกแต่งด้วยลายเส้นโค้งที่ขนานกันอย่างกลมกลืนสมส่วน
MINI COOPER Convertible รุ่น Resolute Edition รถยนต์เปิดประทุน 4 ที่นั่ง ถือเป็นรถเปิดประทุนระดับพรีเมียมที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมคอมแพค พร้อมให้อารมณ์ขับสนุกในสไตล์เปิดประทุนที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของมินิ สมรรถนะทรงพลังที่พร้อมเผชิญทุกเส้นทางท่ามกลางสายลมและแสงแดด ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า เสริมด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ช่วยให้เร่งความเร็วจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.1 วินาที ให้อารมณ์ขับสนุกเหมือนโลดแล่นอยู่ในสนามแข่ง สีหลักของรุ่น Resolute Edition อย่างการไล่เฉดสีจากอ่อนไปเข้ม เข้ากันเป็นอย่างดีกับตัวถังภายนอกสีเขียว Rebel Green เสริมความสปอร์ตดุดันด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย Pulse Spoke สีดำ
และเบาะนั่งโดยสารทรงสปอร์ต MINI Yours Leather Lounge ในสีดำ Carbon Black เพื่อประสบการณ์การเดินทางที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและสะดวกสบายในขณะเดียวกัน
MINI COOPER SE Resolute Edition ยนตรกรรมขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นตัวแทนของการผสานการขับขี่สไตล์โกคาร์ทกับเทคโนโลยีการขับขี่ที่ล้ำสมัย มุ่งสู่การขับขี่ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ อันเป็นหัวใจของรถมินิในอนาคต
มินิ คูเปอร์ เอสอี รุ่น Resolute Edition สีขาว Nanuq White ที่มาพร้อมความหรูหราแต่ยังมีกลิ่นอายความสปอร์ต ให้สนุกกับการขับขี่ได้ไกลกว่าที่เคยและเป็นมากกว่าการขับขี่ในตัวเมือง ด้วยระยะขับขี่ 217 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC และสมรรถนะอันโดดเด่น โดยมีพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า มอบแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายในเวลา 7.3 วินาที มีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 47 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุดที่ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เพิ่มลูกเล่นความปราดเปรียวด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว ลาย MINI Electric Collection Spoke ที่มาเป็นมาตรฐานพร้อมกับรถ ต้อนรับเหล่านักขับขี่ด้วยเบาะนั่งทรงสปอร์ต มอบความสะดวกสบายด้วยที่พักแขนและแผ่นรองหัวเข่า จากเบาะผ้า Light Chequered สี Black Pearl หุ้มด้วยหนัง พร้อมให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารเพลิดเพลินกับการเดินทางทั้งระยะสั้นและทางไกล พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย (MINI Driving Modes) ที่สามารถปรับเข้ากับสไตล์การขับขี่หลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ที่เน้นความโลดแล่น ปราดเปรียว (SPORT) การขับขี่แบบปกติ (MID) ไปจนถึง GREEN+ กับการขับขี่แบบประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน eDrive บนแผงหน้าปัดภายในรถที่ให้ข้อมูลด้านการใช้พลังงาน ระยะการขับขี่ และข้อแนะนำในการขับขี่อย่างประหยัด และนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2565 เป็นต้นมา รถมินิ คูเปอร์ เอสอี รุ่น Resolute Edition มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ช่วยการเบรก (Active Guard) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Warning) ที่จะเริ่มทำงานเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วระหว่าง 10 ถึง 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัยและสะดวกสบายอีกด้วย
MINI COOPER Hatch 3 Resolute Edition ในสี Enigmatic Black ซึ่งผสานกันอย่างลงตัวแสดงถึงความมั่นใจและความทันสมัยอันน่าค้นหา เพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ไปอีกระดับ ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ที่ให้กำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร เร่งความเร็วสูงสุดจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 6.7 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุดกว่า 235 กิโลเมตร/ชั่วโมง เกียร์ 7 สปีด Steptronic พร้อมคลัตช์คู่ เพิ่มความมีสไตล์มากขึ้นด้วยตัวเลือกสีหลังคาและฝาครอบกระจกข้างที่มีทั้งสีดำ สี Enigmatic Black และสี Pepper White รองรับเป็นตัวเลือก ภายในรถยังมีเบาะนั่งทรงสปอร์ต MINI Yours Leather Lounge ที่มาพร้อมที่พักแขนและเบาะรองเข่าสีดำ Carbon Black
เติมเต็มอรรถรสการใช้งานทั้งความสะดวกสบาย ความบันเทิง ด้วยจอแสดงผลแบบทัชสกรีนตรงส่วนแผงคอนโซลขนาด 8.8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay ส่วนระบบปฏิบัติการมินิรุ่นล่าสุดมาพร้อมแพ็คเกจ Connected Navigation Plus ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้ากับความชอบส่วนตัวได้อย่างครบถ้วน ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon มาพร้อมกับรถมินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู และมินิ คูเปอร์ เอสอี รุ่น Resolute Edition อีกด้วย 
สนใจรุ่นไหนไปสัมผัสได้ที่โชว์รูม BMW ทุกสาขาใกล้บ้าน ด้วยคอนเซปต์การออกแบบโชว์รูมและศูนย์บริการแบบใหม่ หรือ Retail Next ที่รังสรรค์บรรยากาศในการสัมผัสแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูที่ผ่อนคลายและใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้นตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปยังโชว์รูม แนวคิดการออกแบบใหม่นี้ได้นำมาใช้ครั้งแรกในการออกแบบโชว์รูมและศูนย์บริการ มิลเลนเนียม ออโต้ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ ซึ่งเปิดให้บริการในปีที่ผ่านมา รวมถึงเพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ราชพฤกษ์ที่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อเร็ว ๆ นี้ และคอนเซปต์การออกแบบ Retail Next จะนำมาใช้กับโชว์รูมที่เตรียมเปิดบริการในปี พ.ศ. 2566 นี้ ได้แก่ มิลเลนเนียม ออโต้ สุราษฎร์ธานี และ เนลสัน ออโต้เฮ้าส์ ระยอง ในขณะเดียวกัน ลูกค้ามินิก็สามารถเข้ารับบริการหลังการขายที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและมาตรฐาน ณ ศูนย์บริการหลังการขาย (Service Only Outlet) แห่งใหม่ถึง 3 แห่งซึ่งเปิดให้บริการในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น มิลเลนเนียม ออโต้ ลาดพร้าว, เยอรมัน ออโต้ สุวรรณภุูมิ และพลาติโน มอเตอร์ สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ก็เดินหน้ายกระดับการออกแบบโชว์รูมให้ตอกย้ำถึงแนวคิด Make Life a Ride ที่สื่อถึงจิตวิญญาณอิสระของเหล่านักบิดและเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างรอบด้านยิ่งขึ้น โดยภายในปีนี้ เตรียมปรับโฉมมิลเลนเนียม ออโต้ อุบลราชธานี และบาเซโลนา มอเตอร์ เชียงใหม่ และภายในปี 2566 จะมีโชว์รูมและศูนย์บริการในทุกประเภท
 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

bmw bmw x7 BMW XM BMW 330 BMW 750e

ข่าวและอีเว้นท์รถยนต์ล่าสุด




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)