คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย พร้อมด้วย, คุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย, คุณอนันตเดช อินทรวิศิษฎ์ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย และ คุณโอภาส นพพรพิทักษ์ (ซ้ายสุด) ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย (โรงงานระยอง) เปิดตัวสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะโดยความร่วมมือกันบริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด โดยมี คุณพูนพัฒน์ โลหารชุน (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด และ คุณกัณฑ์เฉลิม เอียสกุล (ขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด ให้เกียรติเข้าร่วม ณ Whizdom 101 เมื่อเร็ว ๆ นี้
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือครั้งล่าสุดกับ บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด (Evolt Technology) ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เพื่อขยายเครือข่ายการให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) ทั่วประเทศ โดยลูกค้าจะสามารถเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ควบคุมการชาร์จ และชำระเงินค่าชาร์จผ่านแอปพลิเคชั่น EVolt พร้อมรับสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้า
บีเอ็มดับเบิลยู ได้ตั้งแต่วันที่
1 พฤษภาคม 2565 และสำหรับลูกค้า
มินิ ตั้งแต่วันที่
1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ สามารถเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะได้ราว 600 หัวจ่าย ในกว่า 295 แห่งทั่วประเทศ
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนในประเทศไทยมาโดยตลอด เราร่วมมือกับพันธมิตรในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 และเนื่องจากผู้ขับขี่ชาวไทยมีความต้องการด้านพลังงานยั่งยืนและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เราจึงมองเห็นโอกาสสำคัญในการทำงานร่วมกับพันธมิตรรายใหม่ ๆ เพื่อขยายเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ ให้ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิได้รับความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการใช้งานสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ เพื่อปูทางการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำในประเทศไทยอีกด้วย”
คุณพูนพัฒน์ โลหารชุน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้กับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะเป็นการผนวกความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการสถานีชาร์จไฟฟ้าและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของเรา และเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าอันล้ำสมัยของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ เพื่อนำเสนอบริการที่เหนือกว่าสำหรับลูกค้าเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าด้วยแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำศักยภาพและจุดแข็งของเราในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และช่วยผลักดันเป้าหมายแห่งการเติบโตให้กับบริษัทของเราในฐานะผู้ให้บริการระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย”
จากความร่วมมือกันของทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ จะทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิสามารถเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะมากถึง 600 หัวจ่าย ในกว่า 295 แห่งทั่วประเทศ ประกอบไปด้วย สถานีชาร์จไฟฟ้าของอีโวลท์ เทคโนโลยี และสถานีชาร์จของพันธมิตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สถานีชาร์จไฟฟ้า EleX by EGAT โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สถานี ChargeNow และสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ
ทั้งนี้ เฉพาะลูกค้า
บีเอ็มดับเบิลยู และ
มินิ ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และ รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) จากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับบริการสุดพิเศษเมื่อใช้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าของอีโวลท์ เทคโนโลยี อาทิ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลงานบริการลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลสำคัญ เช่น ที่ตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าและการวางแผนเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้ารายใดก็ตาม ได้ที่เบอร์ 02-114-7343 หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย 1397 ทั้งนี้ ลูกค้าที่ติดต่อไปยังอีโวลท์ เทคโนโลยีโดยตรง จะต้องยืนยันความเป็นเจ้าของรถยนต์โดยการแจ้งหมายเลขประจำยานพาหนะ (VIN) กับเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการ
นอกจากนั้น ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) จะได้รับส่วนลดถึง 20% เมื่อเติมเงินสำหรับเครดิตการชาร์จผ่านแอปพลิเคชั่น EVolt ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อรับข้อเสนอพิเศษดังกล่าว ด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น EVolt บน
Google Play หรือ
Apple Store พร้อมกรอกข้อมูลส่วนบุคคล ยี่ห้อรถ และหมายเลขประจำยานพาหนะ (VIN) หลังจากนั้นจะสามารถใช้สิทธิพิเศษดังกล่าวได้ทันทีกับหมายเลขประจำยานพาหนะที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งทั้งสองสิทธิพิเศษดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม สำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู และ 1 มิถุนายน 2565 สำหรับลูกค้ามินิ