BMW Group เตรียมเผย 4 รุ่นรถและบิ๊กไบค์ ครั้งแรกกับ 330Li ฐานล้อยาวราคา 2.899 ลบ.
BMW Group ประเทศไทย เตรียมเผย 5 รุ่นรถยนต์สุดหรูและ "บิ๊กไบค์" รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกรุ่นพิเศษ นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport ใหม่ ที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูในตระกูล SAV ที่นำเข้ามาประกอบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Sedan จะนำความสะดวกสบายในห้องโดยสารที่เหนือกว่ามามอบให้กับลูกค้าในไทย ส่วนมินิพร้อมเติมสีสันให้กับตลาดรถยนต์พรีเมียมคอมแพกต์อีกครั้ง กับ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ที่มาในโฉมใหม่ทั้งในรุ่นเอนทรี และไฮทริม พร้อมด้วยความโฉบเฉี่ยวขั้นสุดกับ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition ที่นำสมรรถนะจากสนามแข่งของรุ่น จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ เดิม มาเติมเต็มให้แรง ท้าทายทุกสายตาด้วยโฉมใหม่ที่ส่งตรงมาจากรุ่นพิเศษอย่าง มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP
ทางด้านรถมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดพร้อมต่อยอดความสำเร็จของมอเตอร์ไซค์ครูสเซอร์รุ่นแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic First Edition รถทัวริ่งครูสเซอร์ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งอิสรภาพบนทุกเส้นทางยาวไกล แต่ยังคงความคลาสสิกของ R 18
บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport ใหม่ (รุ่นประกอบในประเทศ) ราคาจำหน่าย: 5,999,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
รถยนต์หรูในเซกเมนต์รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV) 7 ที่นั่งเผยโฉมรุ่นประกอบในประเทศเป็นครั้งแรก มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2,000 - 2,500 รอบต่อนาที พร้อมโลดแล่นสู่ความเร็วสูงสุดที่ 227 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ อัตรเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7 วินาที ช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
บีเอ็มดับเบิลยู BMW X7 xDrive30d M Sport ใหม่ การออกแบบที่ล้ำสมัยและเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมเสริมรูปลักษณ์สปอร์ตทรงพลังด้วยชุดแต่ง M Sport ขณะที่ระบบไอเสีย M Sport มอบเสียงเครื่องยนต์กังวานสอดประสานกับพละกำลังและความสง่างามของตัวรถ และเติมบุคลิกความแรงอย่างลงตัวด้วยเบรกและพวงมาลัย M Sport รูปลักษณ์ภาพนอกประกาศถึงความทรงพลังบนท้องถนนด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยไฟหน้าล้ำสมัย BMW Laserlight เส้นสายการดีไซน์ที่เฉียบคมบนตัวถังขนาดใหญ่สะท้อนถึงความปราดเปรียว เรียบง่ายและบึกบึน มาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบา BMW Individual ลาย Y-spoke แบบสลับสีขนาด 22 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะนั่งแบบสามแถว รวม 7 ที่นั่ง ทุกที่นั่งสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะที่นั่งบุด้วยหนังแท้ Merino เนื้อละเอียดจาก BMW Individual หรูหราขึ้นไปอีกขั้นด้วยการตกแต่งห้องโดยสารด้วยลายไม้สีดำเงา 'Fineline' แบบ metal effect มอบความภูมิฐานสง่างาม ตกแต่งภายในด้วยผลึกแก้ว ?CraftedClarity? พร้อมชุดไฟ Ambient light ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เพดานแบบ Panorama glass roof Sky Lounge ที่เพิ่มความโปร่งอย่างโอ่อ่าเหนือระดับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 5 โซน และระบบความบันเทิงพร้อมจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังรุ่น Professional อีกสองจอ ส่วนห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีปริมาตรความจุ 300 ลิตร และเพิ่มได้สูงสุดถึง 2,120 ลิตร เมื่อพับเบาะแถว 3 และแถว 2 ตามลำดับ ออกแบบมาเพื่อตอบทุกโจทย์การขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ราคาจำหน่าย: 2,899,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard).. นำเข้ามาเลเซีย
บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ ยังคงสื่อถึงความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรม หรือ "Ultimate Driving Machine" ด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัย สมรรถนะที่ปราดเปรียว ประสิทธิภาพการขับขี่เหนือระดับ รวมถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ล้ำยุค ซึ่งรวมเป็นเอกลักษณ์แก่นแท้ของบีเอ็มดับเบิลยู และยังมาพร้อมองค์ประกอบเฉพาะตัวที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นล้อมรอบด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว รับกับไฟหน้า LED ทรงเรียวยาวด้านข้างของตัวรถโดดเด่นด้วยกรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar มอบมิติไร้ขอบหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมด้วยกรอบไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่เพรียวบางยิ่งขึ้น กับไฟ LED ทรงตัว L และท่อไอเสียแบบคู่ ล้วนเสริมให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม
ครั้งแรกของรุ่นฐานล้อยาวในประเทศไทยด้วย บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ ที่ยังคงลุคสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและสมรรถนะที่เฉียบคมไว้เช่นเคย แต่เสริมความโอ่อ่าสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสารด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นปกติถึง 110 มิลลิเมตร ตัวรถมีมิติความยาวรวม 4,819 มิลลิเมตร ความกว้างยังคงเดิมที่ 1,827 มิลลิเมตร ขณะที่ความสูงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1,441 มิลลิเมตร ความยาว 110 มิลลิเมตรที่เพิ่มขึ้นบริเวณประตูหลัง ช่วยให้ผู้โดยสารเบาะหลังเข้า-ออกจากรถได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารแถวหลังที่ยาวขึ้นอีก 43 มิลลิเมตร. พื้นที่ Headroom เพิ่มขึ้น 40 มิลลิเมตรและหลังคาพาโนรามิครูฟ
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ส่งกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้าที่ 5,000 - 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550 - 4,400 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.2 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ และรองรับระบบ Driving Experience Control ที่มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PRO นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมกับล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้้ว ลาย Double-spoke แบบสลับสี สอดรับกับขอบหน้าต่าง ช่องดักอากาศ และซี่บริเวณกระจังหน้าไตคู่สีดำเงา ภายในโฉบเฉี่ยวด้วยพวงมาลัย M Sport คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec และตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Tetragon
มาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยนำเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง และระบบ BMW Head-up display พร้อมระบบการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบผ่านระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 ซึ่งเสริมประสิทธิภาพให้แก่ระบบ BMW Intelligent Personal Assistant และ Live Cockpit Professional นอกจากนี้ BMW ConnectedDrive ยังมอบทางเลือกมากมายในการเชื่อมต่อและควบคุมระบบในตัวรถ รวมถึงการใช้ BMW Gesture Control ระบบสั่งงานด้วยเสียง ปุ่ม iDrive และจอแสดงผล Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน เอนทรี ใหม่ ราคาจำหน่าย: 1,999,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ใหม่ ราคาจำหน่าย: 2,529,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
โดดเด่นด้วยลวดลายกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมที่เสริมความโดดเด่นด้วยอักษร S สีแดง ล้อมด้วยขอบโครเมียม ด้านหน้ารถที่ออกแบบใหม่ มาพร้อมไฟหน้า LED ในทรงกลมมน และไฟวงแหวนที่ทำหน้าที่เป็นทั้งไฟส่องสว่างระหว่างวันและไฟเลี้ยวในตัวเดียวกัน มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ ในชุดแต่งมาตรฐาน มาพร้อมกับไฟตัดหมอก LED โดยที่ไฟวงแหวนครึ่งวงบนของไฟตัดหมอกทำหน้าที่เป็นไฟจอด
ส่วนกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ มีแผงใต้กันชนที่เสริมให้มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ ดูทรงพลังและทันสมัยเป็นพิเศษ ไฟท้ายแนวตั้งในกรอบโครเมียมเสริมความเอ็กซ์คลูซีฟและเอกลักษณ์ตามแบบฉบับแบรนด์สัญชาติอังกฤษ ฟังก์ชั่นไฟหน้าและท้ายทั้งหมดมาพร้อมกับเทคโนโลยี LED คุณภาพสูงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่ไฟท้ายโดดเด่นด้วยดวงไฟในลวดลายของธงยูเนียนแจ็ค มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมนเอนทรี ใหม่ มาพร้อมกับล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลาย Pair Spoke ในขณะที่มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม มากับล้อขนาด 18 นิ้ว ลาย Black Pin Spoke
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร มอบกำลังสูงสุดถึง 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350 - 4,600 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ Steptronic 7 จังหวะ และแบบ Paddle Shift ในรุ่นไฮทริม โดยเครื่องยนต์มาพร้อมกับท่อร่วมไอเสียที่ผสานกับฝาสูบและเทอร์โบชาร์จเจอร์ จึงช่วยให้สามารถลดอุณหภูมิของไอเสียและระบบอัดอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบฉีดตรงด้วยแรงดันสูงสุดที่เพิ่มขึ้นจาก 200 เป็น 350 บาร์
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ ผสานสมรรถนะที่รองรับการขับขี่หลากหลายรูปแบบเข้ากับการออกแบบห้องโดยสารเพื่อการใช้งานที่หลากหลายไม่แพ้กัน โดยมาพร้อมกับเบาะหลังที่กว้างเต็ม 3 ที่นั่ง นอกจากนี้ เบาะนั่งแถว 2 ยังสามารถปรับพับในแบบ 40 : 20 : 40 เพื่อขยายปริมาตรความจุสัมภาระจาก 450 ลิตร เป็นสูงสุดถึง 1,390 ลิตร ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุผิวหน้าในสีดำ Piano Black โดยในรุ่นไฮทริม ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยเส้นสาย Chrome Line สีเงิน ขณะที่ชุดแต่ง MINI Excitement Package และไฟโลโก้ MINI ที่ฉายออกจากกระจกมองข้างลงสู่พื้นถนน เติมเต็มความหรูหราให้มินิ คันทรีแมน ใหม่ โดดเด่นยิ่งขึ้น
ระบบแสดงผล MINI Head-Up Display ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากห้องนักบินของเครื่องบินเจ็ท จะแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ เช่น ความเร็วของรถ ให้ผู้ขับขี่เห็นได้โดยไม่บดบังทัศนียภาพบนท้องถนน ส่วนหน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว บริเวณกลางแผงคอนโซล มาพร้อมกับระบบ MINI Connected ซึ่งเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่พร้อมสนับสนุนผู้ขับขี่บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทางหรือข้อมูลอื่น ๆ ผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน มอบความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง
ทั้งสองรุ่นย่อยของมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ จะเปิดตัวผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อพาเหล่าแฟน ๆ มินิ โลดแล่นไปกับการเดินทางที่เหนือทุกความคาดหมายภายใต้แคมเปญ #MeAndMINI48Hours ที่จะเปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ อย่างเต็มที่ ด้วยการยืดระยะเวลาการทดสอบรถเป็น 48 ชั่วโมง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ www.mini.co.th
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition ใหม่ ราคาจำหน่าย: 3,448,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
มาพร้อมตัวรถสี Racing Grey metallic ตัดกับหลังคา สปอยเลอร์ท้าย และฝาครอบกระจกสีเงิน Melting Silver metallic ส่วนช่องดักอากาศบนกระโปรงหน้า มือจับประตู และฝาถังน้ำมันในสีดำ สร้างความดุดันสุดเร้าใจในสไตล์เดียวกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP เช่นกัน ล้ออัลลอยจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ลาย Cup Spoke ขนาด 18 นิ้ว ประดับด้วยโลโก้ GP บนดุมล้อ กรอบไฟหน้าสีดำ Piano Black พร้อมขอบล้อมบริเวณด้านในไฟหน้าและไฟท้ายสีดำ โลโก้มินิสีดำบนกระโปรงหน้าและกระโปรงท้าย รวมทั้งขอบประตูมาพร้อมตราสัญลักษณ์ GP Inspired เน้นย้ำถึงเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition ใหม่ยังมาพร้อมเบาะที่นั่งสปอร์ตหนัง Dinamica สไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ปักตราโลโก้ GP ซึ่งปรากฏบนพื้นพรมบริเวณที่นั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าเช่นกัน ตัดกับตะเข็บสีแดงอย่างลงตัว เข้ากับพวงมาลัยหุ้มหนัง Walknappa สไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ มาในดีไซน์สะดุดตาด้วยตะเข็บสีแดงเช่นกัน ตรงกลางมีชิ้นส่วนเหล็กบ่งบอกตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นด้วยการพิมพ์แบบสามมิติ เช่นเดียวกับแป้นเปลี่ยนเกียร์และฝาครอบกุญแจ
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition รับพละกำลังขับเคลื่อนจากขุมพลังเบนซิน 4 สูบเช่นเดียวกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ 3 ประตู ควบคู่กับโครงสร้างน้ำหนักเบา กำลังสูงสุด 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร อัครเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที สู่ความเร็วสูงสุด 246 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 จังหวะ
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition ทั้ง 19 คันจะเปิดให้จองผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นตั้งแต่ 15 ก.พ.2564 เป็นต้นไป
แค่ 60 วินาที ก็เป็นเจ้าของมินิได้ พร้อมของขวัญสุดพิเศษในมหกรรมออนไลน์ MINI Always-on
แฟน ๆ มินิทั่วไทยสามารถเป็นเจ้าของมินิคันใหม่ได้เร็วกว่า ง่ายกว่า และสะดวกกว่าครั้งไหน ๆ ในมหกรรมออนไลน์ MINI Always-on ที่จะเปิดฉากขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ ที่ www.mini.co.th เท่านั้นในโอกาสนี้ ลูกค้าที่จองรถมินิทุกรุ่นที่ร่วมรายการ 100 คันแรกผ่านทางเว็บไซต์ www.mini.co.th นอกจากจะได้ออกรถไปโลดแล่นให้จุใจแล้ว ยังจะได้รับชุดของขวัญพิเศษจาก MINI Lifestyle Collection มูลค่าถึง 9,287 บาทอีกด้วย
BMW Motorrad
บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic First Edition ใหม่ ราคาจำหน่าย: 1,250,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic First Edition ใหม่ มาพร้อมกับอุปกรณ์เพิ่มเติมอย่างกระจกบังลมขนาดใหญ่ เบาะผู้โดยสาร กระเป๋าข้าง ไฟหน้า LED เสริม และล้อหน้าขนาด 16 นิ้ว เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบขนาดใหญ่ 1,802 ซีซีกำลังสูงสุด 67 กิโลวัตต์ / 91 แรงม้า ที่ 4,750 รอบต่อนาที ส่งแรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที และส่งแรงบิดมากกว่า 150 นิวตันเมตร ที่ 2,000 - 4,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบช่วงล่างของตัวรถ
โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้น ทั้งยังคงความคลาสสิกด้วยการใช้ช่วงล่างแบบเทเลสโคปิกแทนการควบคุมด้วยไฟฟ้า โดยมีคานรับน้ำหนักกลางที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ เพื่อการควบคุมที่เฉียบคมและนุ่มสบาย ระบบเบรกมาพร้อมดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง และคาลิเปอร์เบรกแบบตายตัว 4 ลูกสูบ พร้อมล้อซี่ลวดที่เสริมลุคของบีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic First Edition ให้คลาสสิกโดดเด่นยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบขนาดใหญ่ 1,802 ซีซีกำลังสูงสุด 67 กิโลวัตต์ / 91 แรงม้า ที่ 4,750 รอบต่อนาที ส่งแรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที และส่งแรงบิดมากกว่า 150 นิวตันเมตร ที่? 2,000 - 4,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบช่วงล่างของตัวรถ
โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้น ทั้งยังคงความคลาสสิกด้วยการใช้ช่วงล่างแบบเทเลสโคปิกแทนการควบคุมด้วยไฟฟ้า โดยมีคานรับน้ำหนักกลางที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ เพื่อการควบคุมที่เฉียบคมและนุ่มสบาย ระบบเบรกมาพร้อมดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง และคาลิเปอร์เบรกแบบตายตัว 4 ลูกสูบ พร้อมล้อซี่ลวดที่เสริมลุคของบีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic First Edition ให้คลาสสิกโดดเด่นยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic First Edition ยังพิเศษด้วยโหมดการขับขี่ที่เหนือระดับกว่ารุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์เดียวกัน มาพร้อม 3 โหมด ได้แก่ "Rain", "Roll" และ "Rock" ให้เลือกปรับตามความชอบเฉพาะตัว พร้อมเทคโนโลยีด้านการขับขี่ที่ครบครันมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความปลอดภัยด้วยฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมระบบล็อก ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) จากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ และระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Start Control) ก่อนจะผสานความล้ำสมัยจากยุคปัจจุบันไว้ด้วยเทคโนโลยี เช่น ระบบสตาร์ทแบบไร้กุญแจ (Keyless Ride) ระบบเกียร์ถอยหลัง (Reverse Gear) ระบบสัญญาณกันขโมย ระบบป้องกันรถกระชาก (Anti-hopping Clutch) และระบบ Dynamic Brake Control นอกจากนี้ยังพกพาระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Electronic cruise control) มาเป็นมาตรฐานอีกด้วย