Nissan Kicks รถยนต์อเนกประสงค์ เทคโนโลยี e-POWER สะดวกกว่าใครไม่ง้อแท่นชาร์จ
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยเริ่มได้รับความนิยมและมีการนำเข้าหรือผลิตออกมาจำหน่ายมาขึ้น ล่าสุด Nissan Kicks ที่เตรียมจะได้ฤกษ์การเปิดตัวก็ถูกเลื่อนออกไปด้วยพิษไวรัส COVID-19 แต่ทางนิสสันเองก็ยืนยันว่าจะเปิดตัวด้วยการเลื่อนกำหนดออกไปก่อน
ซึ่งนิสสัน คิกส์ ใหม่ มาพร้อมรูปทรงสวยสะดุดตาในแบบ ครอสโอเวอร์ ยกสูง ที่มีพื้นฐานใกล้เคียงกับใน Nissan Juke ที่เปิดตัวใหม่ในต่างประเทศไปแล้ว
ขุมพลัง
อี-เพาเวอร์ (e-POWER) เป็นการประยุกต์จากแนวคิดของเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่าง
นิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกันสำหรับในประเทศที่ยังไม่พร้อมรองรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนอย่างเช่นประเทศไทย ที่มีจุดให้บริการชาร์จไฟไม่ครอบคลุมนัก
ทางนิสสันจึงเลงเห็นว่ารถยนต์ที่มีอยู่ใช้ระบบ e-POWER ใหม่นี้ มีการติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็ก ๆ รหัส HR12DE ขนาดความจุ 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 5,400 รอบ/นาที แรงบิด 103 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที เข้าไปด้วยเพื่อทำหน้าที่ในการ "ปั่นกระแสไฟฟ้า" เพียงอย่างเดียวเก็บเข้าแบตเตอรี่ก่อนจะส่งกระแสไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 254 นิวตันเมตร เพื่อไปขับเคลื่อนต่อไป ระบบที่มีอยูใน Nissan Kicks นั้น สามารถตอบสนองการใช้งานของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ลดข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้าล้วนหรือ EV Car ออกไป นั่นคือ
- วิ่งได้ไม่จำกัดระยะทาง ตราบที่มีปั้มน้ำมันให้เติม
- ให้แรงบิดมหาศาลในทันทีและคงที่ตลอดเวลาทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวลและเงียบเช่นเดียวกับนิสสัน ลีฟ
- ประหยัด มลพิษต่ำมาก เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จึงทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป
- ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle - BEV) แถมไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่อีกด้วย
ความแตกต่างระหว่างระบบ HYBRID ทั่วไป และ e-POWER ใน Nissan Kicks
HYBRID ระบบไฮบริดมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังเพื่อไปยังล้อ และจะไม่ทำงานในภาวะที่แบตเตอรีมีกำลังไฟฟ้าต่ำหรือขณะอยู่ในย่านความเร็วสูงจะเหลือเพียงกำลังจากเครื่องยนต์เป็นหลักเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องกังวลในเรื่องระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จุดชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ต้องเพียงพอหรืออยู่ในเส้นทางที่ผ่านได้ เป็นต้น ทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางระยะไกล เพราะมีข้อจำกัดเรื่องระยะทางที่ใช้งานได้
e-POWER ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ อี-เพาเวอร์ ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.2 ลิตร ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า ชุดอินเวอร์เตอร์ (Inverter) จะเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าส่งไปยังชุดมอเตอร์ไฟฟ้า
โดยรถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งมาให้กับมอเตอร์ไฟฟ้านั้น จะถูกเก็บอยู่ในแบตเตอรี่กำลังสูง กล่าวคือ มีเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดกะทัดรัดใช้ทำหน้าที่ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บอยู่ตลอดเวลาเพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่ถูกใช้งานไป ทำให้สามารถขับเคลื่อนรถยนต์ไปได้ตลอดไม่จำกัดระยะทาง เมื่อไฟฟ้าในแบตเตอรี่ใกล้หมด ระบบก็จะสั่งให้เครื่องยนต์ปั่นสร้างกระแสไฟฟ้าเก็บกลับคืน ระบบจ่ายไฟฟ้าก็จะส่งไฟยังชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน เป็นวัฐจักรไปเรื่อย ๆ เมื่อเครื่องยนต์น้ำมันใกล้หมดก็แค่แวะปั้มเท่านั้น
e-POWER เทรนด์ใหม่ในอนาคตจุดเชื่อมต่อสู่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ EV
ขุมพลังแบบ อี-เพาเวอร์ (e-POWER) ให้แรงบิดมหาศาลในทันทีและคงที่ตลอดเวลาทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีความเงียบในระหว่างการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับนิสสัน ลีฟที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยในระบบ อี-เพาเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จึงทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเมือง ซึ่งเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ยังให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle - BEV) แต่สามารถลดความวิตกกังวลเมื่อต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้อีกด้วย เรียกว่าได้ทั้งประหยัด ขับได้ระยะทางยาวขึ้น และรักษ์โลก ครบในคันเดียว