มิตซูบิชิ ปลื้มยอดขาย 2562 โตขึ้น ไม่หวั่นศึกซิตี้คาร์ยังเอาอยู่!
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศยอดจำหน่ายรถยนต์ในปี 2562 เติบโตเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นยอดจำหน่ายรวม 88,244 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 8.8% ผลการดำเนินงานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ในภาพรวมที่มียอดจำหน่ายรวมทั้งหมด 1,007,552 คัน ลดลง 3.3% จากปี 2561
มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นับเป็นหนึ่งในเพียง 3 บริษัทรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์เติบโตเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ผลการดำเนินงานของเราเติบโตสวนทางกับอุตสาหกรรมยานยนต์ท่ามกลางปัจจัยท้าทายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นจากการนำเสนอรถยนต์ที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ความสำเร็จของเรายังเกิดขึ้นจากการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายและการให้ความสำคัญกับลูกค้า พร้อมการลงทุนในด้านการพัฒนาบุคลากร และในปี 2563 ยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุส่วนแบ่งตลาดให้มากกว่า 9% พร้อมเดินหน้าปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของโรงงานผลิตที่แหลมฉบังด้วยการสร้างโรงพ่นสีแห่งใหม่ เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากมิตซูบิชิ
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังเผยถึงการเติบโตเหนือกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมในปี 2562 ซึ่งในปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถใหม่เพื่อนำเสนอความทันสมัยและน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง ทั้ง
มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ รุ่นโลว์ไรเดอร์
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ มิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ และ
มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ รวมถึง
มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ใหม่ มิตซูบิชิ ไทรทันนำโด่ง 41% และซิตี้คาร์ยังไหวที่ 26%
รถที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของ
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือ
มิตซูบิชิ ไทรทัน มียอดจำหน่ายที่ 35,807 คัน หรือ 41% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด ขณะที่
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ มียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับสองที่ 16,196 คัน หรือ 18%
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ซึ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมามียอดจำหน่ายที่ 13,558 คัน หรือ 15% สำหรับรถซิตี้คาร์ มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องด้วยยอดจำหน่ายรวม 22,683 คัน หรือ 26%
ส่งออกคึกคักส่วนกระแส
ด้านการส่งออก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ครองตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 โดยสามารถส่งออกรถยนต์รวมทั้งสิ้น 332,700 คัน ประกอบด้วยรถยนต์สำเร็จรูป (BU) 284,500 คันและรถยนต์ชิ้นส่วนประกอบ (KD) 48,200 คัน โดยในปี 2562 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้ฉลองความสำเร็จในการส่งออกรถยนต์ครบ 4 ล้านคัน
ในปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สามารถผลิตรถยนต์รวมทั้งสิ้น 407,200 คัน ประกอบด้วยรถยนต์สำเร็จรูป (BU) 353,500 คันและรถยนต์ชิ้นส่วนประกอบ (KD) 53,700 คัน
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จนอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเป็นเลิศแล้ว ได้แก่ การพัฒนาเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายและการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า โดยในปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีเครือข่ายผู้จำหน่ายจำนวน 229 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ และยังได้เปิดตัวไลฟ์สไตล์โชว์รูมแนวคิดใหม่ เพื่อมอบความพึงพอใจและประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้า พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
บริการหลังการขายที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางภายใต้สโลแกน "เราดูแล คุณแค่ขับ" มอบความมั่นใจให้แก่ลูกค้าในราคาที่ไม่แพง ด้วยคุณภาพสินค้าและบริการที่ดี อะไหล่แท้ที่ตอบโจทย์ การบริการโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกฝนอบรม การดูแลและเข้าใจในสินค้าและการบริการ เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ตลอดจนการเข้าถึงบริการและเครือข่ายผู้จำหน่ายได้อย่างสะดวกสบาย
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีแก่ลูกค้า ได้แก่ กิจกรรมมิตซูบิชิ แฮปปี้ แฟน มิตซูบิชิ แฮปปี้ เฟสติวัล มิตซูบิชิ โรดโชว์ อเวคเคนนิ่ง แบงค็อก ซึ่งเป็นเทศกาลแสดงแสงสีและศิลปะผสมผสาน ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆ ที่จัดขึ้นร่วมกับผู้จำหน่าย
พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากร โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม หรือ EA คือศูนย์กลางการดำเนินงานเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ โดยในปีที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ยังได้ลงทุนเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ผ่านระบบการจัดการการฝึกอบรม (TMS) และระบบการเรียนรู้ออนไลน์ (e-Learning)
เพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้มากกว่าร้อยละ 9 ในปี 2563 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังคงมุ่งเน้น 3 ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ได้แก่ 1) การให้ความสำคัญกับลูกค้า 2) การปรับปรุงพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และ 3) การพัฒนาบุคลากร โดยยกระดับการดำเนินงานของผู้จำหน่ายสู่มาตรฐานขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับภาพลักษณ์โชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลกของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ด้วยอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้าในทุกช่องทาง พร้อมกับขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพิ่มเป็น 245 แห่งทั่วประเทศ
สำหรับด้านการผลิต บริษัทฯ จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการสร้างโรงพ่นสีแห่งใหม่ พร้อมปรับปรุงการปฏิบัติงานในขั้นตอนเชื่อมตัวถังและขั้นตอนการประกอบ โดยมีแผนการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และระบบอัตโนมัติมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพ ประสิทธิภาพ และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต
ปี 2564 รถยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้ามาแน่!
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าระดับโลก มีแผนที่จะผลิต มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี รถพลังงานไฟฟ้าประเภทปลั๊กอินไฮบริด ที่โรงงานผลิตที่แหลมฉบังในปี 2564 ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 3,130 ล้านบาท และยังส่งเสริมผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศด้วยการจัดหาและใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศเป็นหลัก