นิสสัน ลีฟ อี-พลัส (LEAFe+) รถยนต์ไฟฟ้ามอเตอร์คู่ AWD 300 กว่าแรงม้า
นิสสัน เจ้าแห่งรถยนต์ไฟฟ้าก้าวล้ำไปอีกกับการเริ่มทดสอบเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังสูงและการควบคุมแบบออลวีล ในรถทดสอบ "นิสสัน ลีฟ อี-พลัส" โดยเทคโนโลยีใหม่นี้ที่จะถูกบรรจุในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่อไปของนิสสัน
รถยนต์ทดสอบใช้พื้นฐานจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% นิสสัน ลีฟ อี-พลัส (LEAF e +) เสริมสมรรถนะด้วยระบบขับเคลื่อนแบบออลวีล จากมอเตอร์ไฟฟ้าพลังสูงติดตั้งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ผสานกับเทคโนโลยีการควบคุมแชสซีของนิสสัน ผลลัพธ์ที่ได้คือระบบควบคุมล้อแบบออลวีล (all-wheel-control system) ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เสริมประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันไปสู่อีกระดับ
"นิสสันเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ซึ่งจะเป็นความก้าวหน้าที่แท้จริง โดยเทคโนโลยีขับเคลื่อนและควบคุมล้อทั้งสี่จะได้รับการพัฒนาโดยรวบรวมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและเทคโนโลยีการควบคุมแบบ 4WD เข้ากับเทคโนโลยีการควบคุมแชสซีของนิสสันเพื่อให้เกิดความแตกต่างของอัตราเร่ง เข้าโค้ง รวมถึงชะลอความเร็ว เทียบเท่ากับรถสปอร์ต" ทาคาโอะ อาซามิ รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและวิศวกรรมขั้นสูงของนิสสัน (Takao Asami, senior vice president research and advanced engineering) กล่าว
เทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าตื่นเต้นนี้เป็นส่วนสำคัญของ Nissan Intelligent Mobility อันเป็นวิสัยทัศน์ของ บริษัท เกี่ยวกับพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อน วิถีของการขับขี่ และบูรณาการรถยนต์ให้เข้ากับสังคม
พละกำลัง ที่นุ่มนวลจากมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังสูง
การใช้มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าและด้านหลังแยกจากกัน ระบบขับเคลื่อนสามารถให้กำลังไฟฟ้าสูงสุด 227 กิโลวัตต์ (kW) หรือ 304 แรงม้า (HP) และแรงบิดสูงสุดถึง 680 นิวตันเมตร (Nm) สิ่งที่ได้ถูกเสริมด้วยระบบควบคุมมอเตอร์ที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษจากเทคโนโลยีด้านรถยนต์ไฟฟ้าขั้นสูงของนิสสัน ที่ให้การตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่ยังให้ความนุ่มนวลอย่างคาดไม่ถึง ผู้ขับขี่จะได้รับประโยชน์จากระบบควบคุมทุกล้อนี้ในทุกสภาพถนนซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และความมั่นใจได้เป็นอย่างดี
การขับขี่ที่สะดวกสบายทุกรูปแบบ
สำหรับการควบคุมความแม่นยำของมอเตอร์ทั้งสองในรถยนต์ทดสอบนั้น สามารถให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เหนือชั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการชะลอความเร็วในเมือง เทคโนโลยีจะช่วยให้ผู้โดยสารไม่ให้ถูกเขย่าไปมา ช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการเมาและรู้สึกไม่สบาย ในทำนองเดียวกันบนถนนที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ เมื่อเร่งความเร็ว ระบบควบคุมมอเตอร์ที่ได้รับการปรับปรุง จะรักษาความนุ่มนวลในการขับขี่โดยลดการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติให้น้อยที่สุด
ระบบควบคุมการเบรกแบบอิสระสำหรับการควบคุมระดับสูงสุด
นอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดสรรแรงบิดที่ด้านหน้าและด้านหลังแล้ว ระบบฯยังใช้การควบคุมเบรกแบบอิสระที่แต่ละล้อทั้งสี่ เพื่อเพิ่มแรงในการเข้าโค้งที่เกิดจากยางแต่ละล้อ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินไปกับการเข้าโค้งที่เป็นไปตามที่คิดไว้ ด้วยการบังคับเลี้ยวจากพวกมาลัยให้น้อยที่สุด
การส่งสัญญาณสำหรับทิศทางใหม่ของ Nissan Intelligent Mobility
แม้จะเป็นรถทดสอบที่มีเทคโนโลยีซ่อนอยู่ภายใน แต่ภายนอกนั้นยังถ่ายทอดเทคโนโลยีของนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี ขั้นสูงภายในและสร้างความตื่นเต้นสำหรับยุคหน้าของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสัน สำหรับรถยนต์ทดสอบคันนี้มาพร้อมการตกแต่งด้วยชิ้นส่วนเฟนเดอร์ และล้อแบบแรลลี่ เพื่อทดสอบสภาพถนนที่มีสภาพรุนแรงมากที่สุด
นอกจากนี้ภายในรถทดสอบคันดังกล่าวติดตั้งจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้วอยู่ตรงกลางของแผงหน้าปัดที่จะรายงานข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับเทคโนโลยีการควบคุมยานพาหนะ ผ่านกราฟิกที่สวยงาม ด้วยจอแสดงผลที่กำหนดเองนี้ ผู้ขับขี่สามารถเข้าใจการทำงานของรถยนต์ได้ดีขึ้นและรับรู้ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการควบคุมล้อแบบออลวีลนี้ได้อย่างรวดเร็ว
มั่นใจในทุกพื้นผิวถนน
เทคโนโลยีการควบคุมสี่ล้อไฟฟ้าช่วยเพิ่มความมั่นใจของผู้ขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเข้าโค้งบนถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะยานพาหนะสามารถติดตามเส้นทางที่ผู้ขับขี่ต้องการได้อย่างสุจริตใจด้วยมอเตอร์ที่มีความแม่นยำสูงพิเศษและการควบคุมเบรก ด้วยความมั่นใจในการจัดการพื้นผิวถนนที่หลากหลายทำให้การขับขี่กลายเป็นเรื่องสนุกยิ่งขึ้น