Toyota ทวงบัลลังก์แชมป์ยอดขายรถยนต์เดือนพฤษภาคม 61 ในทุกเซกเมนต์
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือน พฤษภาคม 2561 ว่ามียอดการขายรวมทั้งสิ้น 84,965 คัน มีการเติบโตขึ้น 27.9% ประกอบไปด้วยรถยนต์นั่ง 33,160 คัน (เพิ่มขึ้น 26.8%) รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 51,085 คัน (เพิ่มขึ้น 28.6%) ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน มีจำนวน 40,502 คัน (เพิ่มขึ้น 25.3%)
ประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดรถยนต์เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สำหรับตลาดรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เป็นผลมาจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่จัดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤษภาคม 2561
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 84,965 คัน เพิ่มขึ้น 27.9%
- อันดับที่ 1 Toyota 26,673 คัน เพิ่มขึ้น 48.8% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
- อันดับที่ 2 Isuzu 14,336 คัน เพิ่มขึ้น 17.9% ส่วนแบ่งตลาด 16.9%
- อันดับที่ 3 Honda 10,420 คัน เพิ่มขึ้น 4.1% ส่วนแบ่งตลาด 12.3%
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 33,160 คัน เพิ่มขึ้น 26.8%
- อันดับที่ 1 Toyota 9,737 คัน เพิ่มขึ้น 40.6% ส่วนแบ่งตลาด 29.4%
- อันดับที่ 2 Honda 8,038 คัน เพิ่มขึ้น 13.4% ส่วนแบ่งตลาด 24.2%
- อันดับที่ 3 Mazda 4,335 คัน เพิ่มขึ้น 46.5% ส่วนแบ่งตลาด 13.1%
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 51,805 คัน เพิ่มขึ้น 28.6%
- อันดับที่ 1 Toyota 16,936 คัน เพิ่มขึ้น 53.9% ส่วนแบ่งตลาด 32.7%
- อันดับที่ 2 Isuzu 14,336 คัน เพิ่มขึ้น 17.9% ส่วนแบ่งตลาด 27.7%
- อันดับที่ 3 Ford 5,243 คัน เพิ่มขึ้น 25.2% ส่วนแบ่งตลาด 10.1%
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 40,502 คัน เพิ่มขึ้น 25.3%
- อันดับที่ 1 Toyota 14,430 คัน เพิ่มขึ้น 38.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.6%
- อันดับที่ 2 Isuzu 13,085 คัน เพิ่มขึ้น 18.3% ส่วนแบ่งตลาด 32.3%
- อันดับที่ 3 Ford 5,173 คัน เพิ่มขึ้น 31.1% ส่วนแบ่งตลาด 12.8%
หมายเหตุ : ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 4,855 คัน (Toyota 2,179 คัน, Mitsubishi 1,007 คัน, Isuzu 965 คัน, Ford 651 คัน, Chevrolet 53 คัน)
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 35,647 คัน เพิ่มขึ้น 28.7%
- อันดับที่ 1 Toyota 12,251 คัน เพิ่มขึ้น 38.4% ส่วนแบ่งตลาด 34.4%
- อันดับที่ 2 Isuzu 12,120 คัน เพิ่มขึ้น 22.3% ส่วนแบ่งตลาด 34%
- อันดับที่ 3 Ford 4,522 คัน เพิ่มขึ้น 35.7% ส่วนแบ่งตลาด 12.7%
ในส่วนยอดสะสม 5 เดือน ของตลาดรถยนต์นั้นมีปริมาณการขาย 401,264 คัน เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 16% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 19.2% เป็นผลจากความต้องการในตลาดรถยนต์ที่มีอยู่สูงตั้งแต่ต้นปี ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนการเติบโตของตลาดรถยนต์
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2561
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 401,264 คัน เพิ่มขึ้น 18%
- อันดับที่ 1 Toyota 114,175 คัน เพิ่มขึ้น 20.8% ส่วนแบ่งตลาด 28.5%
- อันดับที่ 2 Isuzu 73,416 คัน เพิ่มขึ้น 11.3% ส่วนแบ่งตลาด 18.3%
- อันดับที่ 3 Honda 49,289 คัน เพิ่มขึ้น 1.5% ส่วนแบ่งตลาด 12.3%
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 153,179 คัน เพิ่มขึ้น 16%
- อันดับที่ 1 Toyota 43,200 คัน เพิ่มขึ้น 14.6% ส่วนแบ่งตลาด 28.2%
- อันดับที่ 2 Honda 37,698 คัน เพิ่มขึ้น 2% ส่วนแบ่งตลาด 24.6%
- อันดับที่ 3 Mazda 19,089 คัน เพิ่มขึ้น 36.3% ส่วนแบ่งตลาด 12.5%
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 248,085 คัน เพิ่มขึ้น 19.2%
- อันดับที่ 1 Isuzu 73,416 คัน เพิ่มขึ้น 11.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.6%
- อันดับที่ 2 Toyota 70,975 คัน เพิ่มขึ้น 24.9% ส่วนแบ่งตลาด 28.6%
- อันดับที่ 3 Ford 27,589 คัน เพิ่มขึ้น 33.2% ส่วนแบ่งตลาด 11.1%
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 197,232 คัน เพิ่มขึ้น 16%
- อันดับที่ 1 Isuzu 67,138 คัน เพิ่มขึ้น 11.2% ส่วนแบ่งตลาด 34%
- อันดับที่ 2 Toyota 61,867 คัน เพิ่มขึ้น 16.1% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
- อันดับที่ 3 Ford 26,962 คัน เพิ่มขึ้น 36.6% ส่วนแบ่งตลาด 13.7%
หมายเหตุ : ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 25,488 คัน ( Toyota 10,843 คัน, Mitsubishi 5,283 คัน, Isuzu 5,080 คัน, Ford 3,944 คัน, Chevrolet 338 คัน) 5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 171,744 คัน เพิ่มขึ้น 17.4%
- อันดับที่ 1 Isuzu 62,058 คัน เพิ่มขึ้น 12.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.1%
- อันดับที่ 2 Toyota 51,024 คัน เพิ่มขึ้น 15.7% ส่วนแบ่งตลาด 29.7%
- อันดับที่ 3 Ford 23,018 คัน เพิ่มขึ้น 36.3% ส่วนแบ่งตลาด 13.4%
ทิศทางตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายน มีแนวโน้มที่จะเติบโต เนื่องจากทิศทางของเศรษฐกิจรวมถึงแนวโน้มการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีการลงทุนมากขึ้น ประกอบกับการแข่งขันการยื่นข้อเสนอพิเศษของบรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ล้วนส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์ แม้ว่าเสถียรภาพทางการเมืองจะยังไม่ชัดเจนและราคาน้ำมันที่ผันผวน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์มากนัก ซึ่งจะมีผลสรุปออกมาอย่างไรนั้นคงต้องติดตามกันให้ดี