Mercedes-AMG กับเรื่องราวบนเส้นทางยานยนต์กว่า 50 ปี
AMG ตัวอักษร 3 ตัว ที่เป็นชื่อของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในฐานะผู้ผลิตรถยนต์สมรรถนะสูง เคียงคู่กับแบรนด์ Mercedes-Benz มาโดยตลอดเพื่อจะมอบประสบการณ์ขับขี่ที่น่าหลงใหลให้กับผู้เป็นเจ้าของ ในปี 2017 นี้ ถือเป็นโอกาสครบรอบ 50 ปี ของ AMG ซึ่งที่ผ่านมา Mercedes-AMG ได้สร้างชื่อเสียงด้วยการเป็นผู้ผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงที่สามารถใช้งานได้บนถนน ไปจนถึงในสนามแข่งกับกีฬามอเตอร์สปอร์ต
VIDEO
ปัจจุบัน Mercedes-AMG นั้น มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาค ประเทศเยอรมนี เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของกลุ่ม Daimler AG. โดยยังคงยึดมั่นในหลักการที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด "ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ-Driving Performance" ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และนวัตกรรมที่จะมอบความโฉบเฉี่ยวและเร้าอารมณ์เรื่อยมา
"The Hammer"
ด้วยการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสรรค์สร้างยนตกรรมสมรรถนะสูงเพื่อผู้บริโภค ทำให้ Mercedes-AMG ประสบความสำเร็จอย่างมากทั่วโลก โดยรถยนต์ในตระกูล 63 ยังคงเป็นรุ่นหลักและเป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีรถสปอร์ตในตระกูล AMG GT ที่ Mercedes-AMG พัฒนาขึ้นเองทั้งหมด ในปี 2016 ก็ยังได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่อีกกว่า 10 รุ่น และตั้งแต่เดือน มกราคม 2017 Mercedes-AMG จะมีรถยนต์ให้เลือกถึง 50 รุ่น ตั้งแต่รถยนต์คอมแพกต์, เอสยูวี, คูเป้, คาบริโอเลต์ และโรดสเตอร์ โดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำอย่างเทคโนโลยีขับเคลื่อนล้อหลัง, เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ, ระบบเกียร์แบบคลัตช์คู่ หรือระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด เป็นต้น
Mercedes-AMG GT C รุ่น Edition 50 ในปี 2016 Mercsdes-AMG นำเสนอรถสปอร์ต Mercedes-AMG GT R เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรถสปอร์ตตระกูล GT อย่างเป็นทางการ พร้อมกับรถสปอร์ตโรดสเตอร์อีก 2 รุ่น คือ รุ่น GT Roadster และ GT C Roadster รวมถึงการเฉลิมฉลองปีที่ 50 ด้วยรถสปอร์ตคูเป้ในตระกูล Mercedes-AMG GT ที่เป็นรุ่นกึ่งกลางระหว่างรถสปอร์ตรุ่น Mercedes-AMG GT S และรุ่น Mercedes-AMG GT R ซึ่งเพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมและสมรรถนะที่เหนือกว่าเดิม โดยในช่วงการจำหน่ายครั้งแรก จะมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมหรืออุปกรณ์ตกแต่งที่เฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น โดยใช้ชื่อว่า Mercedes-AMG GT C รุ่น Edition 50 ที่ผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสปีที่ 50 ของ Mercedes-AMG อีกด้วย ซึ่งทำให้มีจำนวนรถสปอร์ตในพอร์ตโฟลิโอเป็นจำนวนรวมถึง 6 รุ่น
ไม่เพียงเท่านี้ Mercedes-AMG ยังได้พัฒนารถยนต์ไฮเปอร์คาร์ด้วยเทคโนโลยีของรถฟอร์มูล่าวัน ในปี 2017 Mercedes-AMG ได้พัฒนารถยนต์กลุ่มไฮเปอร์คาร์ที่สามารถใช้งานบนท้องถนนทั่วไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นรถไฮเปอร์คาร์รุ่นแรกที่ผลิตเพื่อจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป โดยรถยนต์รุ่นนี้มีจุดเด่นทางด้านสมรรถนะและอัตราการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม ตามแนวคิดใหม่คือ "สมรรถนะแห่งอนาคตกับเอเอ็มจี-AMG Future Performance" ผ่านการใช้นวัตกรรมระบบส่งพลังที่ใช้ในรถยนต์ฟอร์มูล่าวัน ทำให้มีแรงม้าสูงสุดกว่า 1,000 แรงม้า ขับเคลื่อนสี่ล้อ และใช้นวัตกรรมเพลาหน้าแบบระบบไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน
ผลงานที่น่าประทับใจของทีมรถแข่งที่ได้รับการสนับสนุนรถยนต์จาก Mercedes-AMG ในปี 2016 ต่างทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลแข่งขันที่ผ่านมา ด้วยชัยชนะ 18 ครั้ง และการเข้าเส้นชัยในลำดับที่นักขับจะได้ขึ้นรับรางวัลบนโพเดียมอีก 32 ครั้ง จากการใช้รถยนต์ Mercedes-AMG GT3 รุ่นใหม่เป็นรถแข่ง โดยรถยนต์รุ่นนี้ สร้างสถิติใหม่ให้กับทั้งวงการมอเตอร์สปอร์ตและทีมรถแข่ง อย่าง AMG team BLACK FALCON ในกลุ่ม P1, AMG team Motorsport ในกลุ่ม P2 และ HARIBO Racing Team-AMG ในกลุ่ม P3 ด้วยการสร้างสถิติทั้งการเข้าเส้นชัยโดยใช้เวลาน้อยที่สุด ตำแหน่งโพลโพสิชั่น การใช้เวลาต่อรอบเร็วที่สุด และการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2, 3, 4 และ 6 โดยใช้เวลาน้อยที่สุด โดยทีมที่มีคะแนนรวมสูงสุด 4 อันดับแรกในการแข่งขันรถแข่งประเภท 24 ชั่วโมงรายการ ADAC Zurich ที่สนามนูร์เบิร์กริง ต่างก็ใช้รถยนต์ Mercedes-AMG GT 3 ในการแข่งขันทั้งสิ้น
นอกจากนี้ Mercedes-AMG ยังเป็นผู้พัฒนาเครื่องยนต์วี 8 สำหรับรถยนต์นั่ง Mercedes-Benz ทุกรุ่น ซึ่งได้รับการประกอบขึ้นอย่างพิถีพิถันในเมืองอัฟฟาวเตอร์บาค ในขณะที่เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ จะประกอบขึ้นที่เมืองโคลเลดา และเครื่องยนต์ V12 จะประกอบขึ้นที่เมืองมานไฮม์ โดย Mercedes-AMG ใช้ปรัชญาการผลิตเครื่องยนต์ทุกเครื่อง แบบ "1 ช่างฝีมือต่อเครื่องยนต์ 1 เครื่อง-one man, one engine" กล่าวคือ เครื่องยนต์ของรถยนต์ Mercedes-AMG แต่ละคันจะผลิตด้วยมือและใช้ช่างฝีมือเพียง 1 คนเท่านั้นตลอดกระบวนการประกอบ และในขั้นตอนสุดท้าย ช่างฝีมือที่ประกอบเครื่องยนต์แต่ละเครื่องจะเซ็นชื่อของตนลงบนแผ่นโลหะที่ติดอยู่บนฝาครอบเครื่องยนต์เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพและมาตรฐาน
VIDEO
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ Mercedes-AMG
AMG ก่อตั้งขึ้นที่เมืองเบิร์กชตาร์ล โดยมร.ฮานส์ แวเนอร์ อาวฟเรชท์ และมร.แอร์ฮาร์ด เมลเชอร์ ในปี 1967 ด้วยการใช้โรงโม่แป้งเก่าๆ เป็นที่ตั้งของโรงปรับแต่งรถแห่งแรก พร้อมใช้ชื่อว่า "ศูนย์วิศวกรรม ออกแบบ และทดสอบเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการแข่งขัน" (engineering office and design and testing centre for the development of racing engines) ในปี 1971 AMG มีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน หลังจากที่รถยนต์ AMG 300 SEL 6.8 สีแดงชนะการแข่งขันกับรถยนต์กลุ่มเดียวกันอย่างขาดลอยในรายการรถแข่งประเภท 24 ชั่วโมงที่สนามสปา-ฟรังโกชอมป์ อีกทั้งยังสามารถทำคะแนนรวมได้เป็นอันดับ 2 ด้วย AMG พัฒนาจากผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตซาลูนและสปอร์ตคูเป้ หลังจากตั้งโรงงานที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาคในปี 1976 นวัตกรรมฝาครอบกระบอกสูบใหม่ที่มร.เมลเชอร์ คิดค้นนั้น ใช้ในรถยนต์ Mercedes-Benz S-Class รุ่น AMG และรุ่นซาลูน ตั้งแต่ปี 1986 ก่อนจะเริ่มใช้กับ E-Class Coupe รหัสตัวถัง W 124 ในปีต่อมา ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ มีกำลังถึง 265 กิโลวัตต์ (360 แรงม้า) จึงได้รับสมญาว่า "The Hammer" จากสื่อมวลชนด้านรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา ในปี 1988 AMG เป็นผู้ผลิตรถยนต์ Mercedes-Benz 190 E สำหรับการแข่งขัน และยังเป็นทีมงานผู้ดูแลทีมที่ใช้รถยนต์รุ่นดังกล่าวในการแข่งขันรายการเยอรมัน ทัวริ่ง คาร์ แชมเปียนชิฟ (DTM) ด้วย AMG ตกลงร่วมมือกับ Mercedes-Benz ในปี 1990 โดย AMG เริ่มต้นเป็นผู้พัฒนาและผลิตรถแบบสปอร์ตของ Mercedes-Benz ตั้งแต่ปี 1991 รถยนต์รุ่นแรกที่ AMG ผลิตร่วมกับกลุ่มบริษัท Daimler-Benz (ชื่อในขณะนั้น) คือรุ่น C 36 AMG ซึ่งวางจำหน่ายในปี 1993 ด้วยยอดขายสูงถึง 5,000 คันเมื่อนับถึงปี 1997 ถือเป็นรถยนต์ของ AMG ที่ขายดีที่สุดในขณะนั้น นอกจากนี้รถยนต์รุ่นนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นรถเซฟตี้คาร์อย่างเป็นทางการรุ่นแรกของการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวันในปี 1996 อีกด้วย รถยนต์รุ่น C 32 AMG ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2001 นั้นใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่พัฒนาขึ้นใหม่ร่วมกับเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร V6 พร้อม Super charger นอกจากนี้ยังมีระบบสัมผัสอันเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้ตามใจปรารถนา รถสปอร์ต Mercedes-Benz SLS AMG ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2009 ถือเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกที่ Mercedes-AMG พัฒนาขึ้นโดยไม่อาศัยทีมงานภายนอกบริษัทเลย ซึ่งรถรุ่นนี้ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์พิเศษมากมาย ทั้งเสียงเครื่องยนต์อัน โดดเด่น สมรรถนะที่เหนือใคร และประตูที่ออกแบบเป็นทรงปีกนกนางนวล ในปี 2011 AMG ผลิตรถแข่งรุ่นแรกของบริษัทฯ คือรถยนต์รุ่น SLS AMG GT 3 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ตลาดรถสปอร์ตที่มีสมรรถนะสูงเทียบเท่ารถแข่งของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในปี 2014 Mercedes-AMG ยังตอกย้ำภาพความเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลก ด้วยการนำเสนอรถสปอร์ตระดับเรือธงตระกูล Mercedes-AMG GT ที่พัฒนามาจากรากฐานของรถสปอร์ตตระกูล SLS ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นรถสปอร์ตตระกูลที่ 2 ที่พัฒนาโดย Mercedes-AMG ทั้งหมด แนวคิดต่างๆ ทั้งการวางเครื่องยนต์ให้อยู่บริเวณตอนกลางของตัวรถ (mid-engine concept) เพลาส่งกำลังแบบใหม่ รวมทั้งโครงสร้างตัวถังที่ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักนั้นเป็นผลจากความตั้งใจของทีมวิศวกรที่ต้องการขับ เน้นประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจที่สุด Mercedes-AMG จัดจำหน่ายรถยนต์ได้กว่า 70,000 คันในปี 2015 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ซึ่งตัวเลขนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ให้กว้างขึ้น ด้วยการนำเสนอคอมแพคสมรรถนะสูงตระกูล 43 รวมถึงรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น AMG ทั้งในตระกูล C-Class, เอสยูวี และคอมแพค Mercedes-AMG ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปี 2017 ด้วยสถิติยอดขายเกือบ 100,000 คัน ในปีก่อนหน้า