บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวแนะนำรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุด "All New Fortuner ... New Legend Of the Pride" ยนตรกรรมแห่งความภาคภูมิ เริ่มแนะนำเจเนอเรชั่นที่ 1 ในปี พ.ศ. 2548 ภายใต้โครงการ "IMV: Innovative International Multi-Purpose Vehicle" และสามารถสร้างปรากฏการณ์ เป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ประเภท PPV ในประเทศไทย และในตลาดต่างประเทศ "ทีมวิศวกรโตโยต้าได้สร้างสรรค์
All New Fortuner ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบและพัฒนา ภายใต้แนวคิด
"ยนตกรรมอเนกประสงค์ตัวจริง ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมความมั่นใจในทุกการขับขี่" (The True SUV with Style & Confidence) เพื่อให้ All New Fortuner เป็นนิยามใหม่ของ
"ความแกร่ง" ด้วยการขยายเฟรมให้ใหญ่ขึ้น พัฒนาช่วงล่างแบบ 4 ลิงก์ เครื่องยนต์ใหม่ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพแห่งการขับขี่แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาพถนน รวมถึงกำหนดนิยามใหม่แห่ง
"ดีไซน์" ด้วยการออกแบบที่หรูหรา ล้ำสมัย ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะ 3 เส้นสายแห่งดีไซน์ (3 Iconic Lines) อันเป็นเอกลักษณ์แห่งความภาคภูมิของฟอร์จูนเนอร์ใหม่"
บ่งบอกความเป็นคุณอย่างเหนือใคร เริ่มด้วยไฟหน้า Bi-Beam LED โปรเจคเตอร์ กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์โฉบเฉี่ยว เสารับสัญญาณวิทยุดีไซน์ล้ำแบบ Shark Fin กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว และระบบ Welcome Light ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ล้ออัลลอยด์ 18 นิ้ว ราวหลังคา และไฟท้าย LED แบบ Light Guiding
New Legend Of Design นิยามใหม่แห่งดีไซน์ ด้วยดีไซน์ใหม่ของรถอเนกประสงค์แห่งอนาคตกับรูปลักษณ์แห่งความแข็งแกร่ง ดุดันและทรงพลัง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์กับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและพริ้วไหว ทั้งภายในและภายนอก
สะดวกสบายด้วยประตูท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Power Back Door with Jam Protection) พร้อมระบบการจดจำตำแหน่งของการเปิด-ปิด ประตูอัตโนมัติ เบาะนั่งที่พับและปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระตามรูปแบบการใช้งาน แบบ L-Space ปรับพับได้หลากหลาย ตอบไลฟ์สไตล์เต็มระดับ ที่รองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ แบบ Tumble & Space-Up ปรับพับเบาะเพื่ออรรถประโยชน์ในการใช้สอยสูงสุด
พร้อมรองรับของที่มีขนาดที่หลากหลาย แบบ Rear Space ปรับพับเบาะแถว 3 เพื่อตอบสนองความสะดวกสบายทั้งผู้โดยสาร และการบรรทุกของได้อย่างลงตัว ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสไฟฟ้า DC 12V และกระแสไฟฟ้า AC 220V และช่องเก็บของแบบ Cool Box
เครื่องยนต์ใหม่!
เครื่องยนต์ GD Efficient Boost ขีดสุดพลังแรงล่าสุด ภายใต้แนวคิด "Efficient Boost" ลดการสูญเสียความร้อน และแรงเสียดทานของเครื่องยนต์ ให้แรงบิดสูงสุดในรอบกว้าง Flat Torque พร้อมประหยัดเป็นเยี่ยมในทุกการเดินทาง เงียบ และสั่นสะเทือนน้อยกว่า ตอบรับทุกการขับขี่ในทุกรูปแบบเต็มสมรรถนะ
เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร (เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด) ให้กำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ (177 แรงม้า) ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร (เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด / เกียร์ธรรมดา 6 สปีด) กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที
เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร Dual VVT-i (เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด) กำลังสูงสุด 122 กิโลวัตต์ (166 แรงม้า) ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
VN Turbo ทะยานล้ำเหนือขีดจำกัด ด้วยระบบเทอร์โบแปรผันใหม่ ออกแบบให้ขนาดเล็กลงแต่แรงขึ้น พร้อมระบบควบคุมการ เปิด-ปิด ครีบปรับแรงดันอากาศด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแม่นยำสูงสุด ส่งกำลังให้แรงต่อเนื่องทุกความเร็วรอบ
ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop & Start System) ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วขณะ และจะสตาร์ทเครื่องยนต์ขึ้นใหม่ โดยอัตโนมัติเมื่อแตะคันเร่ง และขณะที่เครื่องยนต์หยุดทำงาน เครื่องปรับอากาศจะยังคงส่งลมเย็นอย่างต่อเนื่อง
ระบบขับเคลื่อนซิกม่าโฟร์ (Sigma 4) สัมผัสนิยามใหม่ของระบบขับเคลื่อน ไปกับเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่ให้คุณเลือกโหมดการขับขี่ได้ดั่งใจ ด้วยโหมด H2, H4, L4 ผสานการทำงานร่วมกับระบบ DAC และ A-TRC ที่จะเอาชนะทุกความท้าทาย ก้าวข้ามอุปสรรคแห่งการเดินทาง (ระบบขับเคลื่อนซิกม่าโฟร์มีเฉพาะรุ่น 2.8V ขับเคลื่อน 4 ล้อ)
- H2 ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ สำหรับสภาพถนนปกติ ช่วยให้ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม
- H4 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับสภาพถนนเปียกลื่นและลูกรัง เพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ เกาะถนน และความปลอดภัย
- L4 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับเส้นทางวิบาก และเส้นทางที่ต้องการกำลังขับเคลื่อนสูง
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control) ระบบการควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติขณะขับลงทางชัน ช่วยควบคุมความเร็วรถให้คงที่ ป้องกันไม่ให้รถลื่นไถลลงเนินอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องแตะเบรก
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟ A-TRC (Active Traction Control) เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ว่าล้อใดเริ่มสูญเสียแรงขับเคลื่อน ขณะวิ่งผ่านพื้นผิวลื่น ระบบจะลดแรงขับที่ส่งไปล้อนั้น เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี และเพิ่มแรงขับไปยังล้อที่เหลือ
ระบบกันสะเทือนหน้าและหลัง
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนหลังแบบโฟร์ลิงค์คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลและการทรงตัวที่ดีเยี่ยม
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control) ระบบจะเพิ่มแรงดันเบรกไปยังล้อทั้ง 4 อัตโนมัติ ป้องกันรถไหลในจังหวะออกตัว บนทางลาดชัน เพื่อความมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่
- ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control)
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)
- ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System)
- ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution)
- ไฟส่องสว่างตอนกลางวันแบบ LED (Daytime Running Light)
- ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- กล้องมองหลัง
- เซ็นเซอร์กะระยะการถอยหลัง (เฉพาะรุ่น 2.4G MT)
- ภายในห้องโดยสารมาพร้อมถุงลมนิรภัยรอบคันคือ คู่ด้านหน้า, ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง, ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง และเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง ครบรอบคัน
ราคาโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ มี 3 แบบตัวถังให้เลือกและอีก 5 รุ่นย่อย พร้อมราคาดังนี้
- 2.8V 4WD AT ราคา 1,599,000 บาท
- 2.8V 2WD AT ราคา 1,529,000 บาท
- 2.7V 2WD AT ราคา 1,449,000 บาท
- 2.4V 2WD AT ราคา 1,369,000 บาท
- 2.4G 2WD MT ราคา 1,199,000 บาท
นอกจากนี้ โตโยต้า ยังได้เริ่มจัดกิจกรรมเปิดตัว
All New Fortuner ที่โชว์รูมโตโยต้า 435 แห่งทั่วประเทศ ในวันที่ 17-19 กรกฎาคมนี้ ซึ่งได้จัดเตรียมรถทดลองขับไว้ให้ลูกค้าทุกท่านได้ขับขี่กันอย่างทั่วถึง พร้อมกิจกรรม Road Show ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้าให้สัมผัสและทดลองขับ All New Fortuner ในเดือนสิงหาคม-ตุลาคม
All New Fortuner มีให้เลือกถึง 5 แบบ และมีสีให้เลือกทั้งสิ้น 7 สี โดยเป็นสีใหม่ด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีน้ำตาล Phantom Brown และสีน้ำเงิน Nebula Blue ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1,199,000 บาท พร้อมเป้าหมายการขายที่ 2,600 คัน/เดือน
สอบถามเพิ่มเติม 02-386-2000 หรือต่างจังหวัดโทรฟรี 1800-238-444 หรือที่
www.toyota.co.th