ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

ถ้ามั่นใจว่าคุณคือ Bimmer ต้องไม่พลาด BMW Xpo 2017 วันที่ 7 - 10 ก.ย. นี้

ข่าว icon 1 ก.ย. 60 icon 7,386
ถ้ามั่นใจว่าคุณคือ Bimmer ต้องไม่พลาด BMW Xpo 2017 วันที่ 7 - 10 ก.ย. นี้

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย แถลงข่าวการจัดกิจกรรม BMW Xpo 2017 พร้อมเผยข้อมูลไฮไลท์สำคัญภายในงานด้วยส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะ สไตล์มอเตอร์สปอร์ตและความหรูหราบนทุกเส้นทาง ซึ่งงาน BMW Xpo 2017 จะจัดขึ้นที่ศูนย์การสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 7 - 10 กันยายน 2560 โดยไฮไลท์ภายในงานจะอยู่ที่ M4 DTM Champion Edition สุดยอดยนตรกรรมตัวแรงที่ได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง, i8 (Protonic Frozen Black Edition), หรูหราเหนือระดับไปกับ 730Ld Pure Excellence และ 740Le xDrive Pure Excellence รุ่นประกอบในประเทศที่ออกทำตลาดเป็นครั้งแรก และพลาดไม่ได้กับกิจกรรม MFANDAY 2017 ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2560 เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปี ของ BMW M ด้วยทัพรถตระกูล M หลากหลายรุ่นจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

BMW M4 DTM Champion Edition
ไฮไลท์เด็ดในงานนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก BMW M4 DTM Champion Edition สุดยอดยนตกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของ มาร์โก วิทแมนน์ ยอดนักขับชาวเยอรมัน จาก BMW Team RMG แชมป์จากการแข่งขันทัวริ่งคาร์รายการ Deutsche Tourenwagen Masters หรือ DTM ประจำปี 2016 ด้วยการคงรูปลักษณ์คล้ายกับรถแข่ง DTM ตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นลวดลายสุดคลาสสิกตามแบบฉบับของ BMW M ที่พาดผ่านเหนือตัวถังสีขาว Alpine White ไปจนถึงชิ้นส่วนคาร์บอนต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาอย่างดีเพื่อทำหน้าที่ด้านอากาศพลศาสตร์ ด้วยจำนวนผลิตเพียง 200 คันทั่วโลก

ด้วยนวัตกรรม Water Injection ทำให้ BMW M4 DTM Champion Edition พร้อมมอบสมรรถนะล้นเหลือด้วยพละกำลังสูงสุดถึง 500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร สูงกว่า M4 รุ่นมาตรฐานถึง  69 แรงม้า นี่เองที่ทำให้ M4 DTM Champion Edition สามารถเร่งความเร็วจาก 0 - 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 305 กม./ชม. อีกทั้งจากการต่อยอดการพัฒนาโครงสร้างน้ำหนักเบาของ M4 รุ่นมาตรฐาน ด้วยส่วนกระโปรงหน้า-หลัง หลังคา โครงแผงหน้าปัด และแผงใต้กันชนท้าย ที่ทำจากวัสดุพลาสติกเสริมเส้นใยคาร์บอน ในขณะที่ระบบท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ตยังมาพร้อมกับท่อเก็บเสียงที่ทำมาจากไทเทเนียมน้ำหนักเบาพิเศษอีกด้วย


ภายในห้องโดดเด่นด้วยเบาะหน้าคู่แบบ M Carbon bucket seat หุ้มด้วย Alcantara และหนังแกะเมอริโน ส่วนพื้นผิวอื่นๆ ภายในก็หุ้มด้วย Alcantara เช่นกัน รวมถึงพวงมาลัย M Sports ที่มีเครื่องหมายสีเทาที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ขณะที่เบาะหลังถูกแทนที่ด้วยโครงเหล็ก rollover bar ส่วนในด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยก็ครบครันด้วยระบบนำทางแบบ Professional ไฟหน้า LED ที่มาพร้อมระบบ BMW Selective Beam ไฟท้ายแบบ OLED ระบบควบคุมการจอดด้านหน้าและด้านหลังหรือ Park Distance Control และกระจกภายในและภายนอกที่ปรับระดับความสว่างได้อัตโนมัติ
ด้วยความพิเศษที่ทั่วโลกผลิตเพียงแค่ 200 คัน และเป็น 1 เดียวในประเทศไทย ราคาจำหน่ายจึงอยู่ที่ 13,939,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)

i8 (Protonic Frozen Black Edition)
i8 Protonic Frozen Black Editionผลิตมาในจำนวนจำกัด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์เตะตากับกระบวนการทำสี BMW Individual paint finish เฉพาะรุ่น พื้นผิวภายนอกสีดำด้าน Protonic Frozen Black พร้อมแต่งด้วยสีเทาเมทัลลิค Frozen Grey เสริมความสปอร์ตด้วยวัสดุพลาสติกเสริมเส้นใยคาร์บอน (CFRP) ด้วยเทคนิคการทำสีขั้นสูง 

ภายในห้องโดยสารของ i8 Protonic Frozen Black Edition โดดเด่นด้วยตะเข็บเบาะและคอนโซลกลางสีเหลืองที่ตัดกับพื้นผิวสีดำอย่างชัดเจน เน้นย้ำถึงความสปอร์ตและหรูหราที่สัมผัสได้ในทุกองศา นอกจากนี้ ยังมีการใช้ตะเข็บสีเหลืองสะดุดตาเพิ่มเติมในส่วนของบานประตูด้านใน พรมปูพื้นรถ และส่วนล่างของแผงหน้าปัด ขณะที่ผ้าบุเพดานสีดำแอนทราไซต์ สายเข็มขัดนิรภัยสีเทา คันเกียร์และปุ่มควบคุม iDrive เคลือบเซรามิก และขอบประตูด้านล่างที่สลักอักษรเป็นคำว่า "Edition" ช่วยเสริมความแตกต่างแบบเฉพาะตัว ในราคาจำหน่าย 11,839,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)

730Ld Pure Excellence
ด้วยการออกแบบอย่างแม่นยำและใส่ใจในทุกรายละเอียด พร้อมทั้งเทคโนโลยีโครงสร้างตัวถังช่วยให้ 730Ld Pure Excellence พร้อมมอบสมรรถนะและความนุ่มสบายได้อย่างดีเยี่ยม โดยเทคโนโลยี BMW EfficientLightweight ช่วยลดน้ำหนักได้สูงสุดถึง 130 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จากการใช้โครงสร้างตัวถัง Carbon Core ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในบีเอ็มดับเบิลยู i8 และการผสมผสานวัสดุพลาสติกเสริมเส้นใยคาร์บอน (CFRP) เข้ากับเหล็กกล้าและอลูมิเนียม ทำให้ตัวถังมีความแข็งแรงและมั่นคงในส่วนห้องโดยสารมากกว่ารุ่นก่อน

730Ld Pure Excellence ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ขนาด 3 ลิตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ทำงานเชื่อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เร่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ภายใน 6.2 วินาที แต่ยังคงความนุ่มสบายให้กับผู้โดยสารได้อย่างเต็มที่

ส่วนระบบ Air Flap Control จะเปิดช่องระบายอากาศโดยอัตโนมัติเมื่อตัวรถต้องการระบายความร้อน โดยนอกจากจะเพิ่มสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์ให้กับรถแล้ว ยังเสริมความสะดุดตาให้กับส่วนหน้าของรถด้วยจำนวนซี่ของไตคู่ ที่เพิ่มขึ้น ส่วนกรอบไฟหน้าขยายไปจนถึงขอบกระจังหน้า ในขณะที่ดวงไฟทรงกลมคู่อันเป็นเอกลักษณ์มีขอบบน-ล่างในทรงตัด เพื่อให้ตัวรถดูสง่างามในมาดขรึมยิ่งขึ้น

ภายในใช้หน้าจอควบคุม iDrive แบบระบบสัมผัส ซึ่งนอกจากจะสามารถควบคุมระบบต่างๆ ในแบบเดิมแล้ว ระบบสัมผัสนี้ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเลือกสั่งการและควบคุมจากการสัมผัสหน้าจอได้เช่นกันอีกหนึ่งฟังก์ชั่นใหม่ของการใช้งานร่วมกับระบบ iDrive คือ การสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ หรือ BMW Gesture Control เซ็นเซอร์ 3 มิติจะจับการเคลื่อนไหวของการสั่งงานระบบควบคุมความบันเทิงและการสื่อสาร ซึ่งใช้งานได้อย่างง่ายดาย เช่น การปรับระดับเสียง การรับหรือปฏิเสธสายเรียกเข้าโทรศัพท์ เป็นต้น จำหน่ายในราคา 5,839,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard) 

740Le xDrive Pure Excellence (รุ่นประกอบในประเทศ)                

ปัจจุบันมีรุ่นประกอบในประเทศให้กับลูกค้าด้วยสุดยอดสุนทรียะแห่งการขับขี่ ความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกล และที่สุดแห่งความหรูหราให้สัมผัสและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยโครงสร้างตัวถัง Carbon Core ที่มาคู่กับแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง จึงรักษาประสบการณ์การขับขี่อันเหนือชั้นตามแบบฉบับซีรีส์ 7 ได้อย่างไร้ที่ติ และยังยกระดับเทคโนโลยี Efficient Dynamics ให้ก้าวล้ำเหนือกว่าความสำเร็จในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่นก่อนหน้าอีกด้วย

เครื่องยนต์ของ 740Le xDrive Pure Excellence ให้กำลัง 258 แรงม้า ด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower จึงนับเป็นขุมพลัง 4 สูบที่ทรงพลังที่สุดของ BMW ส่วนระบบขับขี่แบบไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 113 แรงม้า ตอบสนองในเสี้ยววินาที เมื่อทำงานร่วมกันจะมอบกำลังสูงถึง 326 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร หากขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 41 กม. ช่วยเสริมการเกาะถนนด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อรักษาการควบคุมรถและความคล่องตัวไว้ได้อย่างครบถ้วนแม้ในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงไม่ว่าในสภาวะอากาศหรือสภาพถนนใด ด้วยการจ่ายพลังงานที่สมบูรณ์แบบทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.3 วินาที  โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 47.6 กม./ลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 ก./กม. เมื่อขับขี่ในโหมดไฟฟ้าจะทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 140 กม./ชม. 

740Le xDrive Pure Excellence ยังมาพร้อมกับสวิตช์ปรับโหมดขับขี่ที่ออกแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งติดตั้งอยู่บนคอนโซล ผู้ขับขี่สามารถกดปุ่มเพื่อเลือกโหมดการขับขี่ที่มุ่งเน้นความปราดเปรียว ความนุ่มสบาย หรือความประหยัดได้ตามใจชอบ สวิตช์ปรับโหมดดังกล่าวยังเสนออีกหนึ่งทางเลือกด้วยโหมด ADAPTIVE ซึ่งสามารถตอบสนองต่อสไตล์การขับขี่และสภาพเส้นทางได้อย่างชาญฉลาด ทั้งนี้ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงกับเต้าเสียบที่บ้านได้เต็มภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ระบบการชาร์จไฟที่บ้านภายใต้ BMW 360 ELECTRIC ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อคงไว้ซึ่งความปลอดภัยใช้งานสะดวก และความรวดเร็วสูงสุด ในขณะที่แท่นชาร์จ BMW i Wallbox สามารถชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงได้ในอัตรา 3.5 กิโลวัตต์ จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 40 นาที โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 6,339,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
ทั้งนี้ 740Le xDrive Pure Excellence และ 730Ld Pure Excellence ยังมอบมาตรฐานอันเหนือชั้นด้วยไฟหน้า Adaptive LED กุญแจ BMW Display Key ระบบนำทางแบบ Professional และระบบปฏิบัติการ iDrive ที่รวมถึงฟังก์ชั่นทัชสกรีนบนหน้าจอ และ BMW Gesture Control การสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ บริเวณห้องโดยสารด้านหน้าและด้านหลังมาพร้อมกับเบาะนั่งที่สะดวกสบายด้วยระบบระบายอากาศในเบาะและฟังก์ชั่นนวดเพื่อสุขภาพ และฟังก์ชั่นในการปรับเบาะให้อุ่นได้ ทั้งยังเติมเต็มที่สุดแห่งความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารด้านหลังด้วยเบาะที่นั่ง Executive Lounge Seating และหลังคากระจกแบบ  Sky Lounge Panorama
ข้อเสนอพิเศษในงาน BMW Xpo 2017 (สำหรับรถยนต์ใหม่จาก BMW เท่านั้น)
  • ลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นที่เข้าร่วมรายการ* ภายในงาน BMW Xpo 2017 พร้อมด้วยแพ็คเกจบริการ BSI Ultimate ที่มอบระยะเวลาการบำรุงรักษาฟรี 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 5 ปีโดยไม่จำกัดระยะทาง โดยมีกำหนดส่งมอบรถไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2560 จะได้รับการขยายระยะเวลาโปรแกรม BSI ครอบคลุมการบำรุงรักษาฟรี 6 ปี / 120,000 กิโลเมตร พร้อมรับประกัน 6 ปีแบบไม่จำกัดระยะทาง
หมายเหตุ
* ข้อเสนอการขยายเวลาในโครงการ BSI และการรับประกันนี้ ไม่ครอบคลุมรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล i และ M
** สำหรับลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์ใหม่และวางเงินมัดจำภายในงาน BMW Xpo 2017 โดยมีกำหนดส่งมอบรถภายในวันที่ 30 กันยายน 2560 เท่านั้น
อย่าลืม BMW Xpo 2017 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 - 10 กันยายน 2560 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถ้าชื่นชอบใน BMW ต้องไม่พลาด

แท็กที่เกี่ยวข้อง

bmw บีเอ็มดับเบิลยู bmw xpo 2017 bimmer แฟนบีเอ็มดับเบิลยู

ข่าวและอีเว้นท์รถยนต์ล่าสุด




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)