เปิดประสบการณ์เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ กับ Mazda DNA Skyactiv Caravan 2017
MAZDA DNA SKYACTIV CARAVAN 2017 ตอกย้ำประสิทธิภาพของเทคโนโลยี SKYACTIV และระบบ G-Vectoring Control กับการเดินทางโดยรถยนต์มาสด้าที่มีดีเอ็นเอสกายแอคทีฟกว่า 10 คัน โดยมีสื่อมวลชน, ผู้บริหารมาสด้า และทีมงานกว่าร้อยชีวิต แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม สลับผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่ขับเคลื่อนไปตามเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์ เชื่อมโยงอารยธรรม บนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมโยงวัฒนธรรม 4 ประเทศ (ไทย, เวียดนาม, ลาว และพม่า)
โดยขบวนคาราวานรถยนต์
มาสด้าใช้เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ แนวตะวันออกมุ่งหน้าสู่ตะวันตก (EAST-WEST ECONOMIC CORRIDOR) เส้นทาง R2 หรือ R9 เมื่ออยู่ในประเทศลาว ที่เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออกหรือทะเลจีนใต้ กับมหาสมุทรอินเดียตะวันตก เป็นเส้นทางหลักในการเดินทางครั้งนี้ รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 2,900 กิโลเมตร ระหว่าง 20-26 มิถุนายน 2560 รวม 7 วัน
วันที่ 1 "พิษณุโลก - แม่สอด - มะละแหม่ง"
ผู้เขียนพร้อมสมาชิกคาราวาน มาสด้า ดีเอ็นเอ สกายแอคทีฟ กลุ่มสอง เดินทางมารอเปลี่ยนกลุ่มแรกที่เดินทางมาจากดานัง ประเทศเวียดนามที่พิษณุโลก โดยเริ่มออกเดินทางกันในช่วงเช้าประมาณ 9.00 น. จากโรงแรมภัทราในตัวเมืองแล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 12 ส่วนหนึ่งของเส้น R2 อันเป็นเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก มุ่งสู่เป้าหมายแรกของวันที่แม่สอด จังหวัดตาก การเดินทางครึ่งวันแรกจากพิษณุโลกวิ่งตามแนวขวางผ่านจังหวัดสุโขทัย ถนนกว้างและค่อนข้างเป็นทางตรงยาวขับกันสบายๆ ผู้เขียนนั่งใน มาสด้า 2 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ในตำแหน่งเบาะหลังก็นั่งเพลินๆ จนมาถึงปั้มปตท. ริมถนนไฮเวย์ก่อนข้ามอุทยานแห่งชาติลานสาง ราว 11.00 น. ก็เข้าแวะเติมน้ำมัน ผู้เขียนเปลี่ยนมาทำหน้าที่ขับเพื่อไปพักรับประทานอาหารกลางวันในแม่สอดก่อนข้ามแดน เส้นทางข้ามอุทยานฯ ลานสาง นับเป็นความท้าทายไม่น้อยเพราะเป็นทางขึ้น-ลงเขาที่มีโค้งซ้าย-ขวามากมาย ความตื่นเต้นไม่ใช่แค่เส้นทางแบบเดิมๆ แต่เพิ่มเติมโดยการทำทางขยายถนนสองข้างทาง โดยมีรถใหญ่วิ่งร่วมด้วย ทำให้บ่อยครั้งที่ขบวนฯ ต้องชะลอเพื่อหาจังหวะแซง และสลับทางเบี่ยงที่มีการสลับทำทาง แต่ด้วยสมรรถนะของรถมาสด้า 2 ที่พิสูจน์แล้วว่าเพียงพอต่อการพาผู้โดยสาร 3 คนพร้อมสัมภาระ บ้ายหน้าขึ้นเขา เร่งแซงรถช้า พร้อมพิชิตโค้งต่อโค้งได้อย่างไม่มีปัญหา แค่คำนวณจังหวะและระยะให้ดีก่อนเท่านั้น ขบวนฯ มาถึงร้านอาหารในแม่สอดใกล้บ่ายโมง หลังจากอิ่มกันทั่วหน้าก็เคลื่อนขบวนฯ มุ่งหน้าสะพานมิตรภาพไทย-พม่า หลังผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ขบวนคาราวาน มาสด้า ดีเอ็นเอ สกายแอคทีฟ ก็เข้าสู่เมียวดี แล้วใช้เสันทางใหม่ที่ไม่ต้องข้ามเขาสูงมากเท่าทางเดิมและใช้เวลาน้อยกว่าด้วย ขบวนฯ มาถึง ก็อกกะเร็ก (Kawkareik) แล้วมุ่งหน้าสู่มะละแหม่ง หรือ เมาะลำไย อันเป็นจุดสิ้นสุดของการเดินทางวันแรก
ระหว่างทางจากก็อกกะเร็กสู่เมาะลำไยนั้น ถนนค่อนข้างแย่ เป็นเลนสวนที่ไม่มีไหล่ทางและมักมีรถใหญ่สวนมาเป็นระยะ ได้ทราบว่าเส้นทางนี้คือ เส้นทางหลักทางเดียวที่ไป-มาระหว่าง ย่างกุ้งกับเมียวดี การขับบนถนนเส้นนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะป้ายบอกทางราชการไม่มีให้เห็นเลย นานๆ จะเห็นป้ายบอกชื่อเมืองพร้อมระยะทางเป็นภาษาพม่า โชคดีที่ทีมงานผู้จัดได้มาดูทางไว้ก่อนแล้ว ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างรวบรัดและถูกต้อง ถ้าใครคิดว่าอยากเดินทางด้วยรถส่วนตัวเข้ามาขับเที่ยวในพม่าบ้าง ผู้เขียนได้ทราบว่าเป็นไปได้ยากมาก โดยเฉพาะการข้ามแดนด้วยรถเข้ามาพักหลายวัน เพราะต้องขอวีซ่า (ถ้านั่งเครื่องบินไม่ต้อง) และทำเรื่องผ่านหน่วยงานราชการ ขบวนฯ มาถึงโรงแรมชื่อ Ngwe Moe ราวหกโมงครึ่ง รวมระยะทางราว 411 กม. บริเวณโรงแรมอยู่ใกล้แม่น้ำสาละวิน บรรยากาศรอบโรงแรมดูเป็นพื้นที่ตากอากาศ แต่เงียบสงบมากผู้คนที่มาพักเท่าที่เห็นเป็นคนพม่าเองอาจมากจากเมืองอื่นและก็มีญี่ปุ่นบ้าง แต่ฝรั่งไม่มีให้เห็นเลยนับตั้งแต่ข้ามจากไทยมา หลังถึงโรงแรมที่พัก รับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยก็แยกย้านพักผ่อนเพื่อเตรียมออกเดินทางกันต่อในเช้าวันรุ่งขึ้น
ความวุ่นวายที่หน้าด่านแม่สอด แต่ขบวนฯ ที่นำทางโดยทีมทรานเอเชีย ใช้เวลาตรงนี้ไม่นาน เส้นทางใหม่จากเมียวดีสู่มะละแหม่ง ย่นเวลาไปได้มาก แต่สภาพเส้นทางก็ยังไม่ดีเท่าไหร่อย่างที่เห็น เส้นทางถ้าไม่มีผู้นำทางยากมากที่จะไปได้ถูก เพราะแทบไม่มีป้านภาษาอังกฤษกำกับ ชาวบ้านในตัวเมืองมะละแหม่งออกมายืนมองฝูงมาสด้าสกายแอคทีฟ ยามเย็นที่แม่น้ำสาละวินหน้าโรงแรมที่พัก ทั้งถนนและในแม่น้ำสะละวินดูเงียบสงบ ปราศจากความวุ่นวาย โรงแรมที่เราออกเสียงไม่เป็น จัดอยู่ในระดับ 2 ดาว ที่สะอาดและดีพอ มุมห้องได้เห็นแม่น้ำชัดเจน วันที่ 2 "เมืองมะละแหม่ง - ย่างกุ้ง"
การเดินทางในวันที่สองขบวน คาราวาน มาสด้า ดีเอ็นเอ สกายแอคทีฟ ออกเดินทางจากโรงแรมตอน 8.30 น. เป้าหมายแรกคือ เมืองหงสาวดี แต่ระหว่างทางขบวนฯ แวะเติมน้ำมันก่อนเข้าจังหวัดสะเทิม และขับผ่านสะพานอันเป็นจุดพักถ่ายรูป จากนั้นมุ่งหน้าเข้าหงสาวดีเพื่อพักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Kyaw Swa ที่นับว่ามีรสชาติอาหารถูกปากเป็นมื้อแรกนับตั้งแต่อยู่ในพม่า เพราะเป็นระดับภัตตาคารมีทัวร์ลงและมีขายของฝากสารพัดอย่าง หลังจากอิ่มขบวนฯ ก็พากันไปชมพระราชวังบุเรงนอง อันเป็นแลนด์มาร์คของหงสาวดี พร้อมถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน หลังจากนั้นก็เคลื่อนขบวนยิงยาวสู่ย่างกุ้ง เมื่อเริ่มเข้าเขตเมืองย่างกุ้งฝนก็เทกระหน่ำจนแทบมองทางไม่เห็นในบางช่วง แต่พอเข้าตัวเมืองก็หยุด ความแตกต่างที่ผู้เขียนสัมผัสได้คือ ความเจริญของตัวเมือง มีอาคารสูงมากมาย แหล่งช้อปปิ้งทันสมัย ร้านกาแฟเก๋ๆ และนักท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะคนไทย ขบวนคาราวานจบทริปวันนี้ที่โรงแรมโนโวเทล แม็กซ์ ที่เวลา 17.10 รวมระยะทางราว 305 กม. พร้อมกับรอให้กลุ่มสามมาสลับขับต่อในวันรุ่งขึ้น
ช่วงเวลาที่เหลือสมาชิกกลุ่มสองก็มีโอกาสได้ไปแวะชมและไหว้พระที่เจดีย์ชเวดากองเพื่อความเป็นสิริมงคลในการมาเยือนย่างกุ้ง โดยนั่งรถบัสจากโรงแรมไปไม่นาน หลังจากอิ่มเอมกับความงามของเจดีย์และได้เห็นศรัทธาของผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามากราบไหว้และสวดมนต์กันมากมาย ผู้เขียนรู้สึกว่านี่คือ การปิดทริปของเราอย่างแท้จริง ขอขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับการเชิญทีมงานเช็คราคา.คอม ไปร่วมประสบการณ์ มาสด้า ดีเอ็นเอ สกายแอคทีฟ คาราวาน ครั้งนี้ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า รถยนต์มาสด้ามีคุณภาพและสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ขนาดรถขนาดเล็กอย่างมาสด้า 2 ยังสามารถบุกตะลุยจากดานัง - พิษณุโลก - ย่างกุ้ง - กรุงเทพฯ ได้โดยไร้ปัญหาใดๆ และจบทริปโดยสวัสดิภาพ
การเดินทางสู่ย่างกุ้งในวันนี้ ต้องผ่านหลายเมือง รวมทั้งฝนที่เราเจอเกือบตลอดทาง ร้านสะดวกซื้อตามทางที่ผ่าน นับว่าสะดวกจริงๆ ฝนกับธรรมชาติสองข้างทางเป็นความน่ารื่นรมณ์อย่างหนึ่งระหว่างการเดินทาง สะพานข้ามแม่น้ำสะโตง ไม่สูงมากแต่ยาวอยู่พอสมควร เส้นทางระหว่างเมืองในพม่า ในน้ำมีปลาในนามีข้าวจริงๆ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราตื่นเต้นกับการขับได้มากที่สุด เข้าสู่ตัวเมืองหงสาวดี ฝนพักให้เราได้เห็นชีวิตในเมืองกันชัด ร้านอาหารที่รับคนไทยเป็นประจำ แต่ถ้ามาเองก็คงไม่รู้อยู่ดี พระราชวังกัมโพชธานี หรือพระราชวังแห่งเมืองหงสาวดี (พะโค) ของพระเจ้าบุเรงนอง ที่เดิมถูกเผาจนเหลือแต่ซาก ในปี พ.ศ. 2533 รัฐบาลพม่าได้ขุดค้นพบซากของพระราชวังที่เหลือเพียงแค่ตอไม้ จึงให้สร้างพระราชวังจำลองขึ้นใหม่ พร้อมฉาบด้วยสีทองทั้งหลัง ฝนกลับมาทักทายเราอีกครั้งก่อนเข้าย่างกุ้ง แต่ก็ไม่ได้สร้างอุปสรรคให้กับมาสด้าที่เพียบพร้อมด้วยระบบช่วยเหลืออันทันสมัยแต่อย่างใด เป็นการจบทริปพร้อมกับสายฝน ขบวนคาราวานฯ เดินทางกันมา 2 วัน ด้วยรถมาสด้าหลายรุ่น ผ่านทุกเส้นทางได้แบบไร้ปัญหา แม้เรื่องยางรั่วก็ไม่มี
มาสด้ากับเทคโนโลยีใหม่ SKYACTIV - Vehicle Dynamics พร้อมกับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ (G-Vectoring Control : GVC) ซึ่งเป็นการต่อยอดจากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ช่วยผสานการทำงานของรถยนต์ทั้งคัน ทั้งเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง รวมไปจนถึงระบบช่วงล่าง ที่สอดประสานการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่จำหน่ายอยู่ โดยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่มีอยู่ในรถยนต์มาสด้ารุ่นต่างๆ กันเริ่มจาก
SKYACTIV-D คือเครื่องยนต์ดีเซลที่เผาไหม้สะอาดเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดที่สามารถผ่านข้อกำหนดมาตรฐานไอเสียโลก โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งปฏิกิริยาที่มีราคาสูงเพื่อลดไอเสีย ที่ให้แรงบิดสูง ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสกายแอคทีฟเบนซิน
SKYACTIV-G คือเครื่องยนต์เบนซินแบบไดเร็คอินเจ็คชั่น ที่ให้ประสิทธิภาพสูง เจนเนอเรชั่นใหม่ที่เป็นนวัตกรรมชิ้นเอกของวงการยานยนต์โลก นับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีอัตราแรงอัดอากาศในการเผาไหม้สูงที่สุดของโลก คืออัตรา 14:1 โดยที่เครื่องยนต์ไม่เกิดอาการน็อค เผาไหม้สมบูรณ์ ให้แรงม้าและแรงบิดสูง พร้อมประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
SKYACTIV-Drive ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 Speed คือ ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเจนเนอเรชั่นใหม่ที่ส่งถ่ายแรงบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมแบบอิเล็กทรอนิกส์ แม่นยำ ราบรื่น ต่อเนื่อง และประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว ซึ่งทั้งสองเครื่องยนต์ช่วยรักษามลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย รวมจุดแข็งของเกียร์อัตโนมัติได้ครบทุกประการ ในส่วนของโครงสร้างตัวถัง
SKYACTIV-Body ที่ถูกพัฒนาเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็นลง เป็นโครงสร้างที่คงความแข็งแกร่ง เสถียร และให้ความปลอดภัยสูงสุดจากแรงปะทะรอบทิศทางผลิตจากเหล็กกล้าที่ทนแรงดึงสูง เหนียว แข็งแกร่ง มีน้ำหนักเบา อีกทั้งยังช่วยลดแรงกระเทือนจากพื้นถนนควบคู่ไปกับการกระจายแรงปะทะที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ และองค์ประกอบสุดท้ายที่สำคัญกับช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ
SKYACTIV-Chassis คือ แชสซีส์เจเนอเรชั่นใหม่ ที่ให้ประสิทธิภาพสูง มีน้ำหนักเบา แต่ให้สมดุลที่สมบูรณ์แบบของทั้งการควบคุมการขับขี่ที่สะดวกสบายและปลอดภัยสูงสุด ที่คล่องตัวด้วยระบบช่วงล่างที่เกาะถนนมั่นคง พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่เป็นตัวช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ซึ่งส่งผลโดยตรงในเรื่องของความปลอดภัย
และเมื่อทั้ง 4 หัวใจหลักของมาสด้าเริ่มสอดผสานการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เกิดสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลัง ให้สัมผัสการขับขี่อย่างมีเอกลักษณ์ของมาสด้า นั่นคือ อารมณ์สปอร์ตที่ให้ความสนุก เร้าใจ สนุกทุกการขับขี่
ทั้งหมดคือ ดีเอ็นเอ สกายแอคทีฟสายพันธุ์ล่าสุด ซึ่งติดตั้งในรถมาสด้ารุ่นปัจจุบันปี 2017 ได้แก่ มาสด้า2, มาสด้า3, มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 และใน มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 รุ่นปี 2017 ที่กำลังจะเปิดตัวในปีนี้ โดย 3 รุ่นแรกจะใช้ในการขับเคลื่อนคาราวานทริปนี้