Toyota ปรับประมาณการตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2559 คาดยอดขายรวม 740,000 คัน ลดลง 7.5%
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2559 พร้อมปรับประมาณการตลาดรถยนต์ไทยปี 2559
มร.ทานาดะ กล่าวว่า "สืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจในประเทศไทยยังคงอยู่ในสภาวะชะลอตัวประกอบกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทำให้ตลาดรถยนต์ในครึ่งปีแรกของปี 2559 มียอดขายรวมประมาณ 367,481 คัน ลดลง 0.4% โดยตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มียอดขายเพิ่มขึ้น 7.6% ตลาดรถยนต์นั่งมียอดขายลดลง 12.6%"
สถิติการขายรถยนต์ ครึ่งแรกของปี 2559
ยอดขายปี 2559 | ปริมาณการขาย (คัน) | เปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของ 2558 |
ปริมาณการขายรวม | 367,481 คัน | -0.4% |
รถยนต์นั่ง | 128,310 คัน | -12.6% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 239,171 คัน | +7.6% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมกระบะดัดแปลง) | 192,558 คัน | +12.2% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 160,419 คัน | +2.7% |
โดยโตโยต้ามียอดขาย 109,078 คัน ลดลง 11.4 % แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 35,700 คัน ลดลง 33.0 %
รถเพื่อการพาณิชย์ 73,378 คัน เพิ่มขึ้น 5.1 % และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง
ของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 69,678 คัน เพิ่มขึ้น 8.1 % โตโยต้า ขอขอบคุณภาครัฐที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจนทำให้ตลาดรถยนต์ครึ่งปีแรกสามารถอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ครึ่งแรกของปี 2559
ปริมาณการขายโตโยต้า | 109,078 คัน | ลดลง 11.4% | ส่วนแบ่งการตลาด 29.7% |
รถยนต์นั่ง | 35,700 คัน | ลดลง 33.0% | ส่วนแบ่งการตลาด 27.8% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 73,378 คัน | เพิ่มขึ้น 5.1% | ส่วนแบ่งการตลาด 30.7% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 69,678 คัน | เพิ่มขึ้น 8.1% | ส่วนแบ่งการตลาด 36.2% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมกระบะดัดแปลง) | 54,864 คัน | ลดลง 7.6% | ส่วนแบ่งการตลาด 34.2% |
สำหรับการส่งออกในครึ่งปีแรก โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 166,299 คัน คิดเป็นมูลค่า 96,953 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 26% และมีการส่งออกชิ้นส่วน มูลค่า 31,335 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่ 128,288 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2559 มร.ทานาดะ คาดการณ์ว่า "ถึงแม้ว่าครึ่งปีหลังจะมีแรงบวกจากนโยบายของภาครัฐ การท่องเที่ยว ภาคบริการ และการลงทุนจากภาคเอกชน รวมถึงการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่จากหลายค่ายรถยนต์ จะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์ หากแต่เศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวต่อเนื่องมานาน กำลังซื้อที่จำกัด และความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก ยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว ดังนั้นแนวโน้มของตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้จะมียอดขายรวมทั้งหมดอยู่ที่ 740,000 คัน"
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2559
ปริมาณการขายรวม | 740,000 คัน
| ลดลง 7.5% |
รถยนต์นั่ง | 271,000 คัน | ลดลง 9.5% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 469,000 คัน | ลดลง 6.3% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมกระบะดัดแปลง) | 379,000 คัน | ลดลง 4.5% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 318,000 คัน | ลดลง 3.0% |
โดยโตโยต้ายังคงเป้าหมายการขายสำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้ไว้ที่ 240,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 85,000 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ 155,000 คัน และ รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 145,400 คัน และได้ปรับเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 312,000 คัน ลดลง 17% เนื่องจาก ผลกระทบของตลาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
ประมาณยอดขายรถยนต์ในประเทศของโตโยต้า ปี 2559
ปริมาณการขายรวม | 240,000 คัน | ส่วนแบ่งตลาด 32.4% |
รถยนต์นั่ง | 85,000 คัน | ส่วนแบ่งตลาด 31.4% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 155,000 คัน | ส่วนแบ่งตลาด 33.0% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมกระบะดัดแปลง) | 145,400 คัน | ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
|
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 117,000 คัน | ส่วนแบ่งตลาด 36.8%
|
มร.ทานาดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า "อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังคงต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งตลาดในประเทศและการส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์พลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในสังคมยานยนต์อนาคต ซึ่งโตโยต้าพร้อมพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยี อันจะนำไปสู่ผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ"
มร.ทานาดะ กล่าวย้ำเชื่อมั่นประเทศไทย "ผมยืนยันว่า ประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโตโยต้า และเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนตลาดของภูมิภาคนี้ โตโยต้ายังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับขีดความสามารถของคนไทยที่มีต่อการผลิตให้เป็นที่ยอมรับ และได้รับความเชื่อถือในระดับสากลทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนา ที่ปัจจุบันคนไทยเข้ามาเป็นหลักในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคนี้มากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านวิศวกรรมการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ เรายังคงมุ่งเน้นการส่งเสริมการเพิ่มใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศมากขึ้น ด้วยการพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนโตโยต้าในประเทศไทย ตลอดจนการถ่ายทอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการผลิตระดับสูง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย"
อีกทั้งในปีนี้ บริษัท สยามโตโยต้าแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด หรือ STM ซึ่งเป็นฐานการผลิตเครื่องยนต์หลักของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ทำการผลิตเครื่องยนต์ครบ 10 ล้านเครื่อง ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์ลำดับสองต่อจากโรงงานในรัฐเคนทักกี ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตครบ 10 ล้านเครื่อง นับเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของประเทศไทย ในการเป็นฐานการผลิตหลักของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย
"ถึงแม้ว่าปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความยากลำบาก โตโยต้าจะอยู่เคียงคู่กับคนไทยด้วยความเชื่อมั่นในความพร้อมและฝีมือของคนไทย โดยเราจะร่วมกันพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน"