Maserati เผยแผนส่ง Levante SUV พรีเมียม รุกตลาด ไตรมาส 3 มาแน่ !
บริษัท เอ็มไพร์ มอเตอร์ สปอร์ต จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มาเซอร์ราติอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เผยการดำเนินธุรกิจในปี 2558 ที่ผ่านมา หลังจากเปิดตัวรถยนต์ Maserati Ghibli (มาเซอร์ราติ กิบลี) ในปี 2557 ส่งผลให้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี และมีฐานลูกค้าในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น และเป็นกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้น โดยปีนี้เตรียมรุกตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ SUV สมรรถนะสูง ระดับพรีเมียม "Maserati Levante (มาเซอร์ราติ เลแวนเต)"
คุณพรศริน เมธีวัชรานนท์ กรรมการผู้จัดการ เผยว่าตลาดรถยนต์นำเข้าในประเทศไทยไตรมาสแรกปี 2559 นี้ ในช่วงไตรมาสแรกได้รับอิทธิพลจากภาวะเศรษฐกิจของปีที่ผ่านมาและประกอบกับตลาดโลกที่ผันผวน จึงถือเป็นช่วงที่กำลังฟื้นตัว จนช่วงเดือนเมษายนถึงจะคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้ และจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้การแข่งขันในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมยังมีตลอด โดยเฉพาะเซกเมนต์ของรถยนต์อเนกประสงค์ SUV ที่สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานอย่างครบครันของพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ในปีนี้ทางมาเซอร์ราติพร้อมแล้วที่จะตีตลาดในเซกเมนต์นี้
Maserati Levante (มาเซอร์ราติ เลแวนเต) รถยนต์อเนกประสงค์ SUV สมรรถนะสูง พร้อมตีตลาดในเซกเมนต์ระดับพรีเมียมนับเป็นรุ่นแรกของทางมาเซอร์ราติ ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากรถต้นแบบ SUV ของค่าย Maserati Kubang (มาเซอร์ราติ คูบัง) มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ส่วนหน้า เพิ่มความเด่นชัดของกระจังหน้า และชุดไฟหน้าแบบใหม่จากรถต้นแบบ แต่ยังคงสไตล์และความงามสง่าผ่านเส้นโค้งอันแข็งแกร่งด้านข้างตัวถังตามแบบฉบับ
Maserati Levante เปิดตัวระดับโลกอย่างเปิดทางการครั้งแรกที่งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2016 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ในปีนี้จึงเป็นปีที่ทางมาเซอร์ราติมีความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ตคูเป้ Maserati GranTurismo (มาเซอร์ราติ แกรนทูริสโม) และรุ่นเปิดประทุน Maserati Grancabrio (มาเซอร์ราติ แกรนคาบริโอ) รถซาลูนหรู Maserati Quattroporte (มาเซอร์ราติ ควอตโตรปอร์เต้) และรถสปอร์ตซีดาน Maserati Ghibli (มาเซอร์ราติ กิบลี) ตลอดจนรถยนต์อเนกประสงค์ SUV ที่ทางบริษัทแม่เพิ่งเปิดตัวไป Maserati Levante (มาเซอร์ราติ เลแวนเต) ในปีนี้จึงเป็นปีที่เราได้วางแผนกลยุทธ์ในการเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ เจาะตลาดลูกค้าสำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ SUV โดยแผนการเปิดตัวในประเทศไทยสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับลูกค้ากลุ่มแรกที่จะได้ชมการเปิดตัวรถมาเซอร์ราติ เลแวนเต จะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปี คาดว่ารถรุ่นนี้จะส่งผลให้ยอดขายมาเซอร์ราติในประเทศไทยโตขึ้น 30% จากปีที่ผ่านมา ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่เปิดตัวมาเซอร์ราติ รุ่นกิบลี
สำหรับปี 2558 ที่ผ่านมานั้น ทางบริษัทฯ ได้มีการจัดตั้งกลุ่มชมรมมาเซอร์ราติคลับ (Maserati Club Thailand - MCT) อย่างเป็นทางการขึ้นในประเทศไทย โดยมีคุณจุลพยัพ ศรีกาญจนา เป็นประธานชมรม วัตถุประสงค์เพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้รถได้มาพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมพิเศษร่วมกัน กลุ่มลูกค้าผู้ใช้รถที่มากขึ้นและหลากหลายทำให้เราสามารถจัดกิจกรรมในส่วนนี้ ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อแทนคำขอบคุณสำหรับลูกค้า ในปีนี้เราจึงมีการวางแผนที่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ ด้านการบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคลด้วยความหรูหราเหนือระดับ จากความร่วมมือของพันธมิตรต่างๆ ของเรา
MASERATI LEVANTE (มาเซอร์ราติ เลแวนเต) เปิดตัวในงาน เจนีวา อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 86 (Geneva International Motor Show) เป็นสถานที่เปิดตัว เลแวนเต เอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 100 ปีของมาเซอร์ราติ
ในอดีต รถยนต์หลากหลายรุ่นของมาเซอร์ราติ ได้ถูกกำหนดชื่อขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากชื่อของกระแสลม เลแวนเต ก็เช่นเดียวกัน เป็นชื่อของกระแสลมร้อนในเมดิเตอร์เรเนียนที่เปลี่ยนสภาพจากลมที่พัดเอื่อยมาสู่กระแสลมที่มีความรุนแรงได้ในทันทีทันใด สะท้อนถึงการเปลี่ยนบุคลิกจากรถสปอร์ตก้าวเข้ามาสู่รถประเภทเอสยูวีเป็นครั้งแรกของมาเซอร์ราติ
เลแวนเต เป็นการเสริมไลน์การผลิตให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ เพิ่มความหลากหลายให้กับแบรนด์มาเซอร์ราติ จากรุ่น Quattroporte (ควอตโตรปอร์เต้), Ghibli (กิบลี), GranTurismo (แกรนทูริสโม) และ Grancabrio (แกรนคาบริโอ) เข้ามาสู่การครอบคลุมตลาดเอสยูวีหรูในระดับโลก ดีไซน์, ความหรูหรา, สง่างาม และ สมรรถนะ คือแนวทางหลักในการอธิบายถึงบุคลิกของมาเซอร์ราติ รุ่นใหม่ ออกแบบโดยคำจำกัดความของสไตล์อิตาเลียน โดยมีเอกลักษณ์การออกแบบของมาเซอร์ราติเป็นหลัก
การตกแต่งภายในห้องโดยสารรังสรรค์ขึ้นมาโดยใช้วัสดุคุณภาพสูง ให้ความละเอียดอ่อนต่อการสัมผัส นอกจากนี้ยังมีออปชั่นให้เลือกเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น หนังแท้คุณภาพพรีเมียม ไปจนถึงผ้าไหมแบบ Ermenegildo Zegna ที่ผลิตขึ้นที่ Trivero โรงงานหัตถกรรมขนแกะ Zegna ด้วยกรรมวิธีที่ได้รับการจดทะเบียนสิทธิบัตรมาเป็นพิเศษ
การออกแบบภายในรถที่เน้นถึงความกว้างขวาง ประกอบไปด้วย ซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามิค ผสมผสานกับเส้นสายภายนอกรถที่ปราดเปรียวราวกับเป็นสปอร์ตคูเป้ สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศจึงมีค่าเพียง 0.31 ซึ่งถือว่าดีที่สุดในบรรดารถคลาสเดียวกัน
MASERATI LEVANTE (มาเซอร์ราติ เลแวนเต) ใช้พื้นฐานทางสถาปัตยกรรมของควอตโตรปอร์เต้และกิบลี ผสมผสานเข้ากับความประณีต เป็นจุดขายที่สำคัญในการเข้าสู่ตลาดเอสยูวีหรูเป็นครั้งแรกของมาเซอร์ราติ ด้วยเทคโนโลยีของเลแวนเต ออกแบบมาเพื่อการใช้สมรรถนะอย่างสมบูรณ์แบบทั้งบนทางเรียบและออฟโรด ระบบรองรับที่ออกแบบมาอย่างเหนือชั้นประกอบไปด้วยดับเบิลวิชโบนที่ด้านหน้า และมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง ทำงานประสานกับโช้กอัพที่ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า แอร์สปริงทั้ง 4 จุดสามารถปรับระดับการทำงานให้สอดคล้องกับการขับขี่ได้ถึง 5 ระดับด้วยกัน (รวมการปรับเพิ่มอีก 1 ระดับในขณะจอดรถ) ปัจจัยเหล่านี้จะมีส่วนสำคัญต่อการควบคุมบังคับรถให้เป็นไปด้วยดี
เลแวนเต ถูกออกแบบให้เป็นรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำที่สุดในคลาส มีความสมดุลระหว่างการกระจายน้ำหนัก หน้า:หลัง ได้อย่างยอดเยี่ยมในสัดส่วน 50:50 แชสซีส์มีการปรับให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งาน ระบบกลไกที่สามารถล็อคเฟืองท้ายโดยอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมาให้กับเลแวนเตทุกคัน ในขณะที่ทำการขับขี่บนทางเรียบ เลแวนเตจะมีสมรรถนะในการขับเคลื่อนและอารมณ์สปอร์ตในการควบคุมรถเฉกเช่นเดียวกับรถทุกรุ่นในสายพันธุ์มาเซอร์ราติ
การปรับตำแหน่งตัวรถให้สูงขึ้นจากพื้นจะมีประโยชน์อย่างมากในขณะใช้งานบนเส้นทางแบบออฟ-โรด โดยยังคงความนุ่มนวลเหนือรถคู่แข่งทุกคัน และเมื่อเราเซทความสูงตัวรถจากพื้นดินให้อยู่ในระดับต่ำสุด เอสยูวีคันนี้จะแสดงสมรรถนะในการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมราวกับรถสปอร์ต
MASERATI LEVANTE (มาเซอร์ราติ เลแวนเต) ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 สูบ ทวิน-เทอร์โบ โดยมีให้เลือก 2 ระดับ คือ 350 และ 430 แรงม้า ซึ่งยังไม่มีแผนการเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 สูบ เทอร์โบ 275 แรงม้า จะเริ่มเข้ามาในไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป โดยรถทุกคันจะได้รับการติดตั้ง Q4 หรือ ระบบ All- Wheel Drive อัจฉริยะ ซึ่งจะถ่ายทอดกำลังสู่ทั้ง 4 ล้อ ความเหมาะสม ส่งผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และ Start&Stop เพื่อการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างคุ้มค่า
สมรรถนะ MASERATI LEVANTE (มาเซอร์ราติ เลแวนเต)
- รุ่น เลแวนเต เอส (430 แรงม้า) มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียง 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 264 กม./ชม. อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน NEDC-cycle โดยเฉลี่ยทำได้ 10.9 ลิตร/100 กม. หรือ 9.2 กม./ลิตร และมีปริมาณไอเสีย 253 กรัม/กม.
- เลแวนเต (350 แรงม้า) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลา 6.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 251 กม./ชม. อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน NEDC-cycle โดยเฉลี่ยทำได้ 10.7 ลิตร/100 กม. หรือ 9.3 กม./ลิตร และมีปริมาณไอเสีย 249 กรัม/กม.
- เลแวนเต เครื่องยนต์ดีเซล (275 แรงม้า) มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียง 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยทำได้ 7.2 ลิตร/100 กม. หรือ 13.9 กม./ลิตร และมีปริมาณไอเสีย 189 กรัม/กม.
อุปกรณ์ในการสื่อสารบนแผงหน้าปัดอยู่ในระบบ Maserati Touch Control ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในรถ บนหน้าจอแบบความละเอียดสูงขนาด 8.4 นิ้ว สั่งงานแบบสัมผัสหน้าจอ ซึ่งจะคอยควบคุมระบบปรับอากาศในส่วนกลางทั้งหมด
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่หลากหลายหน้าที่มีความก้าวหน้าทันสมัย รวมไปถึงอุปกรณ์ adaptive cruise control และระบบ Start&Stop แบบอัตโนมัติ, ระบบการเตือนก่อนที่จะเกิดการชน, ระบบช่วยเบรกโดยอัตโนมัติ และระบบการเตือนเมื่อรถวิ่งออกนอกเส้นทางของตนเอง นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ระบบการเตือนมุมบอดเมื่อจะมีการแซง, ระบบกล้องมองภาพรอบคันรถ, ระบบเปิดฝาท้ายควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า
เลแวนเต แบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 2 แพคเกจ คือ Luxury-Package และ Sport-Pack แบ่งตามสไตล์การตกแต่งรถและอุปกรณ์ทางเทคนิคที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามา การตกแต่งภายในและภายนอกรถตอบสนองตามบุคลิกของลูกค้าเป็นหลัก
อุปกรณ์ที่ติดตั้งเข้ามาในรถเอสยูวีรุ่นใหม่นี้เน้นคุณภาพสูงและลักษณะการใช้งานที่กว้างกว่าเดิม รวมไปถึงพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายรถ, อุปกรณ์ที่ให้ประโยชน์ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน และอุปกรณ์เสริมเพื่อตอบสนองการใช้งานแบบพิเศษ เช่น การลากจูงรถบ้าน หรือเทรลเลอร์
มาเซอร์ราติ เลแวนเต สร้างในโรงงาน Mirafiori (มิราฟิโอริ) ในเมือง Turin (ตูริน) ที่สมบูรณ์แบบและทันสมัย รถคันแรกได้ผ่านสายการผลิตออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีแผนที่จะเปิดตัวในแถบยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตามมาด้วยประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย และราคาที่ต้องรอการยืนยันจากทางผู้ผลิตในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้ และแฟนมาเซอร์ราติเตรียมพบกับกิจกรรมที่อัดแน่นและโรดโชว์ทั่วประเทศในปีนี้เพื่อให้ได้สัมผัสรถยนต์มาเซอร์ราติทุกรุ่นอย่างใกล้ชิด