Mazda โต 15% สูงสุดในตลาด ขายกว่า 4 หมื่นคัน ปีนี้เตรียมส่งอีก 7 รุ่นลุยตลาด ตั้งเป้าเพิ่มอีก 10%
บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เผยถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในปี 2558 ที่ผ่านมา จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มากที่สุดถึง 5 รุ่น พร้อมกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้า ส่งผลให้ยอดขายทะลุกว่า 40,000 คัน เติบโตสูงสุดในตลาดถึง 15% ในขณะที่ปีนี้มาสด้ายังคงเดินหน้าสร้างความสำเร็จด้านยอดขาย โดยมาสด้าปีนี้เตรียมเปิดตัวรถเข้าสู่ตลาดมากถึง 7 รุ่น พร้อมงัดกลยุทธ์การตลาดมาใช้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งปี คาดว่าการแข่งขันของตลาดรถยนต์ในปีนี้จะดุเดือดมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับตลาดรถยนต์ไทยในปี 2559 นั้น ในช่วงไตรมาสแรกยังคงได้รับอิทธิพลจากภาวะเศรษฐกิจของปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่กำลังฟื้นตัว โดยจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะเป็นการเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากปีที่ผ่านมาแม้ว่ากำลังซื้อจะมีน้อยก็ตาม มาสด้ายังคงเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้จะมียอดขายทะลุถึง 8 แสนคัน อันเนื่องมาจากกำลังซื้อยังมีอยู่อีกมาก โดยเฉพาะรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์เอสยูวี ซึ่งมาสด้าได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วจากยอดการขายรถเก๋งที่สามารถก้าวขึ้นมาครองอันดับ 3 ของตลาด
ตลาดรถยนต์และสภาวะเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา พบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีความต้องการรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานอย่างครบครัน มีการค้นหาเปรียบเทียบข้อมูล ไตร่ตรองมากขึ้น ทำให้มาสด้าเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้หลากหลาย โดยเฉพาะการสื่อสารในรูปแบบดิจิตอลที่สามารถเจาะถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เมื่อพิจารณาจากยอดขายรวมของตลาด พบว่ารถยนต์ที่มีราคาตั้งแต่ 5 แสนบาทขึ้นไปจนถึงราคาที่สูงระดับ 1 ล้านบาท มียอดจองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันมีรถยนต์อีโคคาร์เข้ามาทำตลาดหลากหลายค่าย เสนอขายในราคาสบายกระเป๋า แต่กลับต้องอัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างหนักเพื่อจูงใจผู้บริโภค ทำให้เกิดภาพที่ชัดเจนว่าปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจซื้อไม่ใช่เพียงสินค้าราคาถูก หรือแคมเปญส่งเสริมการขายเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เกิดการซื้อขายในยุคปัจจุบัน คือ สินค้าที่สามารถตอบสนองได้ครบทุกความต้องการที่มาพร้อมกับราคาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่มาสด้าใช้ในการสร้างยอดในปี 2558 ที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จ
สำหรับปี 2558 ที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของมาสด้า จากยอดจำหน่ายรถยนต์รวมจำนวนทั้งสิ้น 797,000 คันโดยประมาณ เป็นยอดขายรถยนต์มาสด้าที่ทะลุเป้าถึง 39,471 คัน ซึ่งมาสด้าเป็นค่ายเดียวที่ยอดขายพุ่งขึ้นได้สูงสุดถึง 15% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายอยู่ที่ 34,326 คัน และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ตามเป้าหมาย คือ 5% โดยยอดขายในแต่ละรุ่นประจำปี 2558 มีดังนี้
- All New Mazda2 จำนวน 19,091 คัน
- New Mazda BT-50 PRO จำนวน 8,054 คัน
- All New Mazda3 จำนวน 7,143 คัน
- All New Mazda CX-5 จำนวน 3,832 คัน
- All New Mazda CX-3 จำนวน 1,321 คัน
- Mazda MX-5 จำนวน 28 คัน
- Mazda CX-9 จำนวน 2 คัน
อีกหนึ่งที่มาของความความสำเร็จของมาสด้าในปี 2558 กับการเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทยมากถึง 5 รุ่น มาสด้าก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของการขับขี่ ทำให้เกิดเป็นความแปลกใหม่และแตกต่าง ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับที่ดีอย่างคาดไม่ถึง สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของรถยนต์แต่ละเซกเมนต์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งรถยนต์ที่ได้เปิดตัวในปี 2558 ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย All New Mazda2, New Mazda BT-50 PRO, All New Mazda CX-3 และ All New Mazda MX-5
ในส่วนของสายการผลิตนั้น ในปีที่ผ่านมา มาสด้าผลิตได้ตามเป้าทั้งการขยายสายการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งขายทั้งภายในไทยและต่างประเทศ มีการเริ่มเปิดสายการผลิตทั้งเครื่องยนต์ และเกียร์อัตโนมัติ ณ โรงงานแห่งใหม่ มาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ได้อย่างราบรื่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นของมาสด้าที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิต และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของมาสด้าทั่วโลก นอกเหนือจากที่เมืองฮิโรชิมา และเมืองโฮฟุ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับมีการลงทุนในประเทศจีน และเม็กซิโก เพื่อขยายธุรกิจ และตอบรับกับยอดขายที่มาสด้าคาดว่าจะโตขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 44,000 คัน และตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 5.5% ซึ่งจะเป็นเป้าที่สูงที่สุดที่เคยมีมา สำหรับยอดรวมของตลาดรถยนต์ของไทยในปีนี้คาดว่าจะจบที่ 800,000 คัน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
สิ่งที่ทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่และมียอดจำหน่ายทะลุเป้าในปีที่ผ่านมานั้น เกิดจากความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์มาสด้า นอกจากนี้ยังรวมถึงการยกระดับคุณภาพของโชว์รูมและศูนย์บริการ การพัฒนาศักยภาพของพนักงานในทุกๆ หน่วยที่ได้มาตรฐานการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย
อีกหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญ คือ จากนโยบายการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งคิดตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO
2) แทนการคิดตามความจุกระบอกสูบ ส่งผลให้ราคารถยนต์ของมาสด้าในปี 2559 มีการปรับทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง หรือบางรุ่นมาสด้ารับภาระบางส่วนแทนลูกค้า พร้อมมอบความคุ้มค่าให้ลูกค้าเพิ่มเติมด้วยการเพิ่มอุปกรณ์เสริม โดยมีราคาของแต่ละรุ่น ดังนี้
- All New Mazda 2 : ได้ประกาศปรับราคาใหม่ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยปรับลดลง 21,000 บาท หลังจากที่รถยนต์รุ่นนี้เข้าร่วมโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลระยะที่ 2 หรือ โครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ที่มีข้อกำหนดทั้งเรื่องสมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อม และมาตรฐานด้านความปลอดภัย จากเดิมที่มีอัตราภาษีที่ 17% ลดลงเหลือ 14% เนื่องจากมีอัตราการปล่อยไอเสียต่ำกว่า 100 กรัม/กิโลเมตร ส่งผลให้ราคาขายรถยนต์รุ่นนี้โดยรวมปรับลดลงทุกรุ่น
- New Mazda BT-50 PRO : แม้ว่าอัตราภาษีใหม่ของรถปิกอัพจะมีการปรับขึ้นในบางรุ่นรูปแบบตัวถัง พร้อมกับการนำเอาเกณฑ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้เพื่อกำหนดอัตราภาษีใหม่ มาสด้ายังคงยืนยันที่จะจำหน่ายในราคาเดิมโดยไม่มีการปรับขึ้นหรือปรับลงแต่อย่างใดในทุกรุ่น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถปิกอัพได้ง่ายขึ้น
- All New Mazda CX-5 : ในขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคาใหม่ โดยการประกาศราคาใหม่จะมาพร้อมกับการเปิดตัวรุ่นใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้
- All New Mazda CX-3 : มาสด้ายืนยันจำหน่ายในราคาเดิมตั้งแต่ในช่วงการเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา พร้อมรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E85 และผ่านเกณฑ์การปล่อยไอเสียตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ช่วยให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์ที่โฉบเฉี่ยวในราคาที่จับต้องได้
- All New Mazda 3 : มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยปรับเพิ่มเพียง 5,000-14,000 บาท แต่ทางมาสด้าได้เพิ่มความคุ้มค่าด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ไม่เพียงสามารถช่วยเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกเหนือไปจากการรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E85 อีกด้วย นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบประหยัดน้ำมัน i-Stop เพิ่มกล้องมองหลัง (Rear View Camera) ระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) ตั้งแต่ในรุ่น 2.0C เป็นต้นไป และเปลี่ยนสีเบาะนั่งและแผงประตูในรุ่น 2.0SP จากสีครีม-ดำ เป็นสีดำ เพิ่มอารมณ์สปอร์ต
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า สำหรับในปีนี้ มาสด้าเตรียมเปิดตัวและเผยโฉมใหม่มากถึง 7 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการให้มากยิ่งขึ้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเจาะกลุ่มลูกค้าสำหรับรถยนต์นั่งในทุกรุ่นในปีที่ผ่านมา ในปีนี้มาสด้าได้วางแผนกลยุทธ์ในการเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยมุ่งสื่อสาร 4 Key Pillars อันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า ประกอบไปด้วย เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ, โคโดะ ดีไซน์, MZD Connect และ i-ACTIVSENSE และการสร้าง Brand Loyalty ด้วยการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ
ในส่วนของงานบริการหลังการขายนั้น มาสด้าได้เปิดโครงการศูนย์กลางอะไหล่ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน พร้อมพัฒนาบริการหลังการขายที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศ มีมาตรฐานที่ดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเรา มาสด้าจะไม่ใช่เพียงแค่แบรนด์ที่ลูกค้าเลือก แต่จะแบรนด์ที่ลูกค้ารัก และแนะนำให้กับคนที่ลูกค้ารักต่อไปอีกด้วย และจะขยายใหญ่จนกลายเป็น "สังคมคนรักมาสด้า" ขนาดใหญ่
ความสำเร็จที่กล่าวมาข้างต้น มาสด้าจะไม่ลืมที่จะตอบแทนสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม โดยจะเน้นการทำกิจกรรมเพื่อสังคมให้มากยิ่งขึ้น โดยจะมุ่งเน้นให้ให้ความรู้ ถ่ายทอดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในด้านการใช้รถยนต์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมการจราจรของประเทศไทย
ทั้งหมดที่ผู้บริหารมาสด้าได้กล่าวมาในวันนี้ คือ ยุทธศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อนครั้งสำคัญของมาสด้าที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป เพื่อต่อยอดความสำเร็จ และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดไป