มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดสนามทดสอบรถยนต์ในประเทศไทย แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีเปิดสนามทดสอบรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย นับเป็นสนามทดสอบรถยนต์แห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น ตามแผนงานเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาในประเทศไทย พร้อมเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันของผลิตภัณฑ์มิตซูบิชิ เพื่อตลาดประเทศไทย กลุ่มอาเซียน และตลาดอื่นๆ ทั่วโลก โดยมีนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มร.ชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มร.ริวโกะ นาคาโอะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น รับผิดชอบส่วนงานกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมด้วย มร. โมะริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นประธานในพิธีเปิดสนามทดสอบรถดังกล่าว ณ อ. ศรีราชา จ.ชลบุรี
สนามทดสอบรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ก่อสร้างบนพื้นที่ 95 ไร่ (ประมาณ 152,000 ตร.ม.) แบ่งการทดสอบออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ สนามทดสอบอเนกประสงค์ การทดสอบเสียงรบกวน-การสั่นสะเทือน-ความกระด้าง (Noise / Vibration / Harshness หรือ NVH) การทดสอบเชิงวิเคราะห์ และ สนามขับขี่รูปวงรีความยาว 1,500 เมตร นอกจากนี้ยังมีการจำลองพื้นผิวถนนรูปแบบต่างๆ เพื่อการทดสอบด้านความรู้สึกในการขับขี่ ขณะที่ฟังก์ชันการทดสอบเชิงวิเคราะห์นั้น มีรูปแบบเดียวกับสนามทดสอบรถของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ผลการทดสอบของทั้งสองที่มีมาตรฐานเดียวกัน
สนามทดสอบรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส แห่งใหม่ในประเทศไทยนี้ สามารถทำการทดสอบได้หลายรูปแบบ รวมถึงการประเมินประสิทธิภาพในการขับขี่ที่หลากหลาย การตรวจสอบความสามารถในการใช้งานจริง การทดสอบสำหรับพื้นที่เขตร้อน ในระหว่างฤดูหนาวที่ประเทศญี่ปุ่น การเพิ่มขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนา การตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทั้งในช่วงการเตรียมการผลิต และการพัฒนาการผลิต การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาคุณภาพของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย ทั้งรุ่นไมเนอร์เชนจ์ (Minor Change) และรุ่นใหม่ (Model Change) และด้วยทำเลอันเป็นจุดยุทธศาสตร์ และองค์ประกอบที่เหมาะสม สนามทดสอบรถยนต์แห่งนี้ จะถูกใช้เพื่อการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น สำหรับจำหน่ายในประเทศไทย และการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน และตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ตอกย้ำถึงความสำคัญของประเทศไทยในฐานะแกนหลักของกลุ่มประเทศอาเซียน