เมอร์เซเดส-เบนซ์ ฉลองครบรอบ 110 ปี ในประเทศไทย พร้อมเปิดสายการผลิต C 300 BlueTEC HYBRID
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ฉลองครบรอบ 110 ปี ในประเทศไทย จัดงาน The Endless Journey of Silver Star โชว์ศักยภาพผู้นำอันดับหนึ่งด้านนวัตกรรมยานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม โดยเชิญแขกผู้มีเกียรติ พร้อมสื่อมวลชน เยี่ยมชมกระบวนการประกอบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในสายการผลิต
C 300 BlueTEC HYBRID เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมเตรียมรุกตลาดรถหรูปี 2558 หลังทุ่มงบกว่า 650 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตรถยนต์ประกอบภายในประเทศ ณ โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ หรือ TAAP จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อรองรับความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้น
มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "นับจากปีพ.ศ. 2448 ที่ได้มีการส่งมอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์คันแรกให้กับสำนักพระราชวังในประเทศไทย จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลากว่า 110 ปีแล้ว บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ในการนำเสนอ "สิ่งที่ดีที่สุด" ให้กับผู้บริโภคชาวไทยเสมอมา ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ คงความเป็นผู้นำตลาดรถพรีเมียมในไทยต่อเนื่อง 14 ปี โดยเฉพาะนวัตกรรมยานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทแรกที่นำเทคโนโลยีดีเซลไฮบริดเข้ามาทำตลาดในไทย โดยบริษัทฯ เริ่มดำเนินการผลิตรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีดีเซลไฮบริดในไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2556 ในสายการผลิต E-Class และเริ่มสายการผลิต S-Class ในปีต่อมา"
"ในโอกาสครบรอบ 110 ปี ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ดำเนินการเปิดสายการผลิตรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C 300 BlueTEC HYBRID เพื่อตอกย้ำการไม่หยุดนิ่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในความมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ให้กับผู้บริโภคทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต อีกทั้งยังเป็นการเติมเต็มกลุ่มรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดในตระกูล Contemporary Luxury ได้อย่างครบครันทั้ง C-E-S และบริษัทฯ ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 650 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิต โดยให้ความสำคัญกับการผลิตรถยนต์ดีเซลไฮบริด เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน และลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การขยายกำลังการผลิตยังได้ความร่วมมือที่ดีจากบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด โดยเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มานาน ด้วยบทบาทของผู้ประกอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายใต้มาตรฐานคุณภาพการประกอบรถยนต์จากเดมเลอร์ เอจี ประเทศเยอรมนี" มร.ไมเคิล กล่าว
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นแบรนด์รถหรูเพียงแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่ประกอบรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดภายในประเทศครบทั้ง 3 ขั้นตอนหลัก ตั้งแต่การประกอบโครงสร้างตัวถังรถ (Body shop) ประกอบด้วยชิ้นส่วนเหล็กชนิดพิเศษและอลูมิเนียม เพื่อความแข็งแรงและน้ำหนักเบา, การทำสี (Paint) ตามมาตรฐานการทำสีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และการประกอบขั้นสุดท้าย (Final Assembly) ด้วยความพิถีพิถัน โดยมีการใช้เทคโนโลยีดีเซลไฮบริด และใช้อะไหล่ที่ผลิตในประเทศมากกว่า 40% ภายใต้มาตรฐานคุณภาพการประกอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จากบริษัท เดมเลอร์ เอจี ประเทศเยอรมนี จึงคาดว่า C 300 BlueTEC HYBRID จะพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนเมษายนนี้
มร.มาร์ทิน ชูลซ์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "The NEW C-Class BlueTEC HYBRID นับเป็นยนตรกรรมในตระกูล C-Class ที่เข้ามาเติมเต็มกลุ่มรถยนต์ดีเซลไฮบริด Contemporary Luxury ให้ครบครันมากขึ้น โดยมี 2 รุ่นคือ C 300 BlueTEC HYBRID Exclusive และ C 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic"
The NEW C-CLASS BlueTEC HYBRID
C 300 BlueTEC HYBRID Exclusive เครื่องยนต์ดีเซล แถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2,143 ซีซีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที และกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 27 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันแมตร ที่ 1,600-1,800 รอบต่อนาที และจากมอเตอร์ไฟฟ้า 250 นิวตันเมตร ราคา 2,840,000 บาท
C 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic เครื่องยนต์ดีเซล แถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2,143 ซีซี กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที และกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 27 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันแมตร ที่ 1,600-1,800 รอบต่อนาที และจากมอเตอร์ไฟฟ้า 250 นิวตันเมตร ราคา 3,090,000 บาท