"PTG" ตั้งเป้ารายได้ปี 58 โตต่อเนื่อง รุกเปิดให้บริการ LPG เต็มสูบ
"พีทีจี" ตั้งเป้าปี 2558 รายได้เพิ่มขึ้น 20% เปิดนโยบายรุกธุรกิจ "พลังงานครบวงจร" ประเดิมตลาดก๊าซ แอลพีจี ลุยเปิดสถานีก๊าซ แอลพีจี ให้บริการ 30 สถานีในปี 58 คาดปีนี้เปิดสถานีบริการน้ำมัน "พีที" ครบ 1,200 สถานี ขึ้นแท่นเบอร์ 2 จำนวนสถานีมากที่สุด
ในส่วนของผลการดำเนินงานของไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา และทั้งปีนั้น ตัวเลขอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งคาดว่าการเติบโตในปีนี้จะยังคงรักษาระดับไว้ไม่ให้ต่ำกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลง แต่เนื่องจากค่าการตลาดยังอยู่ในระดับดี จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมายังคงน่าพอใจ ประกอบกับในปีนี้จะมีการเพิ่มในส่วนของการให้บริการของสถานีก๊าซ แอลพีจี เสริมเข้ามาด้วย รายได้โดยรวมของบริษัทที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ยังคงเป็นในส่วนของการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีให้บริการเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้จะมีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากสถานีให้บริการก๊าซ แอลพีจี โดยทางบริษัทฯเตรียมรุกตลาดก๊าซแอลพีจีอย่างเต็มตัว เนื่องจากเป็นแผนของบริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจครอบคลุมในส่วนของพลังงานแบบครบวงจร โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการสถานีก๊าซแอลพีจี จำนวน 30 สาขา ภายในปี 2558
"นโยบายการเปิดสถานีให้บริการก๊าซ แอลพีจี นั้นเราดำเนินนโยบายหรือโมเดลเช่นเดียวกันกับการเปิดสถานีให้บริการน้ำมันโดยทางบริษัทฯ เน้นการเช่าเข้าไปปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของสถานีบริการ ทำให้ใช้งบการลงทุนไม่มากคาดว่างบที่ใช้ลงทุนเบื้องต้นสถานีละประมาณ 5-7 ล้านบาท โดยจะมีผลให้การเปิดสถานีให้บริการก๊าซ แอลพีจี สามารถทำได้รวดเร็วมากขึ้น นอกจากนั้นการหาทำเลที่ตั้งสถานีบริการจะคำนึงถึงความคุ้มค่ามากที่สุดเพื่อรองรับรถยนต์ที่มีการใช้ก๊าซ แอลพีจี"
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของสถานีให้บริการน้ำมัน "พีที" คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการครบ 1,000 สถานี ในเดือนเมษายน 2558 นี้ และภายในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มการเปิดให้บริการสถานีน้ำมันเป็น 1,200 แห่ง ส่งผลให้ "พีทีจี" มีสถานีบริการน้ำมันมากขึ้นเป็นอันดับที่ 2 ในส่วนของสมาชิกบัตร "พีที แม็กซ์ การ์ด" สิ้นปี 2557 มีสมาชิกกว่า 2.4 ล้านราย และคาดว่าในปีนี้น่าจะมีผู้ให้ความสนใจสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มมากขึ้น จากการให้บริการที่ครอบคลุมทั้งสถานีให้บริการน้ำมันและสถานีให้บริการ ก๊าซ แอลพีจี คาดว่าจำนวนสมาชิกบัตร "พีที แม็กซ์ การ์ด" สิ้นปี 2558 จะมีประมาณ 3.6 ล้านราย
นายพิทักษ์กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการอุตสาหกรรมปาล์ม คอมเพล็กซ์ (Palm Complex) ล่าสุดทางพีทีจี ได้ร่วมลงนามกับพันธมิตร 2 ราย ได้แก่ กลุ่มบริษัท ท่าฉางอุตสาหกรรม หรือ TCG และ บริษัท อาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด เพื่อจัดตั้ง บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 872 ล้านบาทนั้น พีทีจีถือหุ้น 40% กลุ่มบริษัทท่าฉางฯ 50% และอาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา 10% ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโครงการดังกล่าวในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
"ทั้งหมดเป็นเพียงโครงการในระยะเริ่มต้น ที่เราจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะอันใกล้ แต่ในอนาคต บริษัทฯ ยังมีแผนงานที่อยู่ในขั้นตอนการศึกษาข้อมูลอีกมาก เพื่อเป็นการมองหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานอย่างรอบด้าน เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่เราไม่เพียงต้องการเป็นผู้นำในด้านธุรกิจปิโตรเลียม เพราะเราต้องการเป็นผู้นำในด้านพลังงานในทุกรูปแบบ"