ครั้งแรกกับการเปิดตลาดรถกระบะไฟฟ้าในประเทศไทย
แบรนด์ RIDDARA คือ เจ้าแรกที่ประเดิมจำหน่ายด้วยรุ่น RD6 แบ่ง 4 รุ่นย่อยครอบคลุมตามความต้องการ โดยเริ่มจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ 2 รุ่น กับ 4 ล้อ อีก 2 รุ่นพร้อมความจุแบตเตอรี่ ดังนี้
โดยความโดดเด่นและแตกต่างเริ่มจากรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 200 กิโลวัตต์ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ 7.3 วินาที ระยะทางที่วิ่งได้ไกลสุด (NEDC) ขึ้นกับความจุแบตเตอรี่ 63 kWh วิ่้งได้ 373 กม. ใช้ล้อขนาด 17 นิ้ว ยาง 235/65 ส่วนความจุแบตเตอรี่ 73 kWh 461 กม.ใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว ยาง 235/60 ทำความเร็วสูงสุดได้ 185 กม./ชม. เท่ากัน ขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD 73 kWh ให้กำลังสูงสุด 315 กิโลวัตต์ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ 4.5 วินาที ระยะทางที่วิ่งได้ไกลสุด (NEDC) 424 กม. และรุ่นท็อป 4WD 86 kWh ใช้แบตเตอรี่ต่างออกไปเป็น Ternary Lithium ระยะทางที่วิ่งได้ไกลสุด (NEDC) 455 กม. ทั้ง 2 รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ต่างเคลมทำความเร็วสูงสุดไว้เท่ากันที่ 190 กม./ชม.
นอกจากนี้โหมดการขับขี่ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อมี 3 โหมด คือ Eco,Comfort และ Sport ขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มี 7 โหมด คือ Sand, Mud, Off-road, Wading, Economy, Comfort และ Sport ด้านภายในห้องโดยสารทุกรุ่นเว้นรุ่นเริ่มต้นจะโดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดที่ใหญ่กว่าที่ 14.6 นิ้ว
สำหรับรุ่นเริ่มต้น RD6-2WD 63 kWh จะเป็นรุ่นที่มีเน้นเรื่องสเปคการขับเคลื่อนอย่างเดียว ตัดออปชั่น สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบช่วยเหลือ เซฟตี้ต่างๆ ไปค่อนข้างมาก ซึ่งแลกกับราคาเริ่มต้นไม่ถึง 9 แสนบาท อาจเหมาะกับการใช้งานในหน่วยงาน องค์กร ที่เน้นเรื่องมลพิษเป็นพิเศษ
ส่วน 3 รุ่นบน เน้นความเป็นกระบะไฟฟ้าอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์แบบ Outdoor หรือกลุ่มที่เน้นกิจกรรมมีของเล่น อุปกรณ์ สัมภาระติดรถขนาดใหญ่ ในแบบที่เอสยูวี EV ทั่วไปให้ไม่ได้ ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกใหม่ของคนที่อยากได้รถกระบะไฟฟ้าขนอุปกรณ์หรือแคมป์ปิ้งแบบไม่สร้างมลพิษจอดได้นานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นและเสียงเครื่องยนต์ทำงานรบกวน
ล่าสุดกับการเปิดตัวครบทุกไลน์อัพพร้อมเปิดราคาเริ่มต้น 899,000 บาท ทำให้มีตัวเลือกใหม่ที่แตกต่างออกไปและเน้นเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ส่วนรุ่นท็อปขับเคลื่อน 4 ล้อ
RIDDARA-RD6-4WD 86 kWh ราคาบนสุด 1,299,000 บาท ก็อยู่ในระดับราคาเดียวกับรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4WD ดับเบิ้ลแค็บ รุ่นท็อปที่ส่วนใหญ่เน้นเรื่องการลุยเส้นทางออฟโร้ด และขับทางไกล แต่
RIDDARA ตอบโจทย์การใช้งานที่ต่างออกไป ไม่มีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์และกลิ่นไอเสีย เพราะเป็นพลังงานไฟฟ้า 100% ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ท่องเที่ยว แค้มปิ้ง ใกล้ชิดธรรมชาติ นอกจากนี้งานออกแบบภายนอกและภายในตัวรถนับว่าสวยงามลงตัวฉีกหนีคู่แข่งในตลาดรถกระบะด้วยกันได้ชัดเจน ส่วนวัสดุที่ใช้ งานประกอบได้มาตรฐาน ซึ่งจุดนี้น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่หลายคนรออยู่ สนใจดูรถได้ที่โชว์รูม ตัวแทนจำหน่าย RIDDARA ใกล้บ้าน โดยรถพร้อมส่งมอบในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ (เฉพาะรุ่น
RIDDARA-RD6-4WD 86 kWh )