
2. หากประกันภัยที่ติดรถมาเป็นแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ เราต้องแจ้งบริษัทประกันเพื่อเปลี่ยนเงื่อนไข และอาจจะมีการปรับปรุงอัตราค่าเบี้ยประกันภัย เพราะเบี้ยประกันภัยแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ จะผันแปรกับข้อมูลของผู้ขับขี่ที่ระบุชื่อไว้ เช่น เพศ, อายุ, สถานภาพ เป็นต้น
3. กรณีที่ความคุ้มครองที่เราได้รับจากกรมธรรม์ฉบับเดิม ไม่เพียงพอกับความต้องการ อาจขอยกเลิกกรมธรรม์ฉบับเดิม เพื่อเลือกซื้อประกันภัยใหม่ได้ เช่น หากเรายังอยู่ในโหมด มือใหม่หัดขับ ถึงจะเป็นรถยนต์มือสอง แต่การซื้อประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมก็จะช่วยให้อุ่นใจได้มากกว่าค่ะ ดังนั้น หากประกันรถยนต์ที่ติดรถมา เป็นแบบประกันชั้น 2 หรือชั้น 3 ก็ไม่น่าจะตอบโจทย์นัก เราควรพิจารณาเป็นแผนประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือ 2+ ที่ให้ความคุ้มครองมากกว่าก็จะตรงกับความต้องการมากขึ้น เป็นต้น
4. ยกเลิกกรมธรรม์ประกันรถยนต์ สามารถรับเงินส่วนต่างคืนได้ โดยส่วนต่างที่ได้รับคืนจะคำนวณจากจำนวนวันที่เหลือ ซึ่งจะมีอัตราส่วนในการคืนเบี้ยประกันที่ คปภ.กำหนดไว้ ดังนี้
จำนวนวันประกันภัย % ที่ได้คืน จำนวนวันประกันภัย % ที่ได้คืน จำนวนวันประกันภัย % ที่ได้คืน 1 - 9 72 120 - 129 44 240 - 249 20 10 - 19 68 130 - 139 41 250 - 259 18 20 - 19 65 140 - 149 39 260 - 269 16 30 - 39 63 150 -159 37 270 - 279 15 40 - 49 61 160 - 169 35 280 - 289 13 50 - 59 59 170 - 179 32 290 - 299 12 60 - 69 56 180 - 189 30 300 - 309 10 70 - 79 54 190 - 199 29 310 - 319 8 80 - 89 52 200 - 209 27 320 - 329 6 90 - 99 50 210 - 219 25 330 - 339 4 100 - 109 48 220 - 229 23 340 - 349 3 110 - 119 46 230 - 239 22 350 - 359 1 360 - 366 0
- กรมธรรม์ที่นายเอกถืออยู่คุ้มครองไปแล้วเป็นเวลา 6 เดือน คงเหลือความคุ้มครองอีก 180 วันจนถึงวันที่ยกเลิกประกันรถยนต์
- ดังนั้น นายเอก จะได้รับเงินคืนคิดเป็น 30%
- เพราะฉะนั้นนายเอกจะได้รับเงินคืนเท่ากับ 21,000 x 30% = 6,300 บาท
*เงื่อนไข และมูลค่าเวนคืนเงินสดของแต่ละบริษัทประกันอาจแตกต่างกัน ควรสอบถามข้อมูลกับทางบริษัทฯ อีกครั้งก่อนยกเลิกกรมธรรม์

