ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

รถเอ็มพีวีที่ควรเป็นตัวเลือกสำหรับใช้ในครอบครัว ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567

icon 21 พ.ย. 67 icon 2,293
รถเอ็มพีวีที่ควรเป็นตัวเลือกสำหรับใช้ในครอบครัว ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567

รวมรถเอ็มพีวี MPV รถครอบครัว น่าใช้ 2024

นอกจากรถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีแล้ว ก็ยีงมีรถแบบเอ็มพีวี (Multi-Purpose Vehicle-MPV) เป็นรถที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากสุดถึง 7 ที่นั่ง (หรือมากกว่านั้น) ซึ่งเหมาะสำหรับเป็นรถที่ควรเลือกไว้เป็นรถที่ใช้ในครอบครัว (ใหญ่) เพราะรถมีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ซีดาน, รถยนต์แฮทช์แบ็ก ด้วยความสามารถที่รองรับการเดินทางและสัมภาระได้ดี บทความนี้จะพาไปดูว่าในตลาดรถยนต์ไทยในวันนี้มีรถเอ็มพีวีรุ่นไหนน่าสนใจกันบ้างเพื่อเป็นข้อมูลให้คุณเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ...ไปดูกันเลย!
 

เอ็มพีวี..ไฟฟ้า

 

BYD 

รุ่น : M6
ราคา : Dynamic ราคา 829,900 บาท และ Extended ราคา  929,900 บาท
 

BYD M6 ได้รับการพัฒนาให้เป็นยนตรกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว ครบครันทั้งด้านสมรรถนะ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความปลอดภัย ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลายทั้งในชีวิตประจำวันและระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวระยะไกล โดยมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุดถึง 150kW และ BYD Blade Battery ขนาด 71.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 530 กิโลเมตร และรุ่น 120 กิโลวัตต์ มาพร้อมขนาดแบตเตอรี 55.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 420 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC กว้างขวางและสะดวกสบายด้วยที่นั่ง 3 แถวที่รองรับผู้โดยสารได้ถึง 6 คน สัมผัสประสบการณ์การเดินทางได้กว้างขึ้นด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามิก (Panoramic Glass Roof) เพลิดเพลินกับเทคโนโลยีความบันเทิง หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดีย ขนาด 12.8 นิ้ว ปรับหมุนได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™  และที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย
 
 
เตรียมวางจำหน่าย 2 รุ่น คือ BYD M6 Dynamic ราคา 829,900 บาท และ BYD M6 Extended ราคา  929,900 บาท พร้อมส่งมอบให้กับผู้บริโภคชาวไทยตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2567  เป็นต้นไป
 

DENZA 

รุ่น : D9
ราคา : Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท และ Premium ราคา 1,999,000 บาท

 
บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดตัวแบรนด์ DENZA (เดนซ่า) ยนตรกรรมพลังงานใหม่ในกลุ่มธุรกิจ BYD ที่นำเสนอนิยามใหม่ของความหรูหราให้กับทุกการเดินทาง เจาะกลุ่มผู้บริโภคในตลาดระดับบนด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยเหนือระดับ พร้อมขุมพลังของนวัตกรรมที่ตอกย้ำจุดยืนด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างเสริมโลกที่ยั่งยืนให้กับทุกคน โดยเปิดตัว DENZA D9 2 รุ่นย่อย เป็นโมเดลแรกอย่างเป็นทางการสำหรับตลาดประเทศไทย ได้แก่ DENZA D9 Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท และ DENZA D9 Premium ราคา 1,999,000 บาท จุดที่ 2 รุ่นนี้ต่างกันก็มีดังนี้
  • DENZA D9 Performance AWD แตกต่างกับ DENZA D9 Premium ตรงไหนบ้างไปดูกัน 
  • ระยะทางวิ่งในรุ่น Performance AWD อยู่ที่ 580 กิโลเมตร ส่วนรุ่น Premium 600 กิโลเมตร
  • รุ่น Performance AWD ใช้แพลตฟอร์มช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD
  • ระบบขับเคลื่อนในรุ่น Premium จะเป็นขับเคลื่อนล้อหน้า (มอเตอร์เดี่ยว) รุ่น Performance AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลา (มอเตอร์คู่)
  • พละกำลังรวมสูงสุดรุ่น Premium 230 กิโลวัตต์ แต่รุ่น Performance AWD จะอยู่ที่ 275 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุดในรุ่น Premium 360 นิวตันเมตร ส่วนรุ่น Performance AWD 470 นิวตัน-เมตร
  • อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในรุ่น Premium ภายใน 9.5 วินาที แต่รุ่น Performance AWD ภายใน 6.9 วินาที
  • รุ่น Performance AWD กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติพร้อมกระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่งกล้องมองภาพ (ติดตั้งในตัว)
  • ห้องโดยสารเพิ่มความหรูหราในการสัมผัสสำหรับรุ่น Performance AWD ด้วยเพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับแบบพรีเมียม และเพดานห้องโดยสารแบบผ้าในรุ่น Premium 
  • สำหรับรุ่น Performance AWD เสริมด้วยระบบแสดงผลบนกระจกหน้า ขนาด 12 นิ้ว (W-HUD) เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
โดยเป็นราคาพิเศษเฉพาะผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เท่านั้น และสำหรับผู้ที่จองรถ DENZA D9 Performance AWD ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 จะได้รับโฮมชาร์จเจอร์ ABB พร้อมบริการติดตั้ง
 

MG

รุ่น : MAXUS 9
ราคา : รุ่น X ราคา 2,499,000 บาท, รุ่น V ราคา 2,699,000 บาท

เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ได้แนะนำรถลักชัวรี่เอ็มพีวีไฟฟ้า (E-MPV) รุ่นแรกของแบรนด์ MG เข้าสู่ตลาดรถยนต์ไทย โดยจะรองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 ที่นั่ง ที่มีการออกแบบภายนอกและภายในที่เน้นไปที่ความหรูหราด้วย ประตูข้าง 2 ฝั่งสไลด์ด้วยไฟฟ้า, ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า กับการตกแต่งภายในสุดแสนพรีเมียมด้วยไฟ Ambient light ที่เปลี่ยนได้ถึง 64 เฉดสี, เบาะแถวที่สองแบบ VIP Captain Seat แบบเดียวกับที่นั่งชั้น First Class ในเครื่องบิน พร้อมระบบนวด, ปรับระดับอุณหภูมิ และโต๊ะที่สามารถพับเก็บได้, จอกลางแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร กับแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออน ที่ถูกจัดวางแบบ Cell-To-Pack ขนาด 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทาง 540 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จด้วยไฟกระแสตรง (DC) ในเวลาเพียง 30 นาที และชาร์จด้วยไฟกระแสสลับ (AC) ในเวลาประมาณ 8.5 ชั่วโมง มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยที่ครบครันที่สุด มาตรฐานระดับสูง ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADAS รวม มากถึง 25 ระบบ โดยได้รับมาตรฐาน 5 ดาว ทั้ง EURO NCAP และ AUSTRALIAN NCAP    

รีวิว

 

MG

รุ่น : MAXUS 7
ราคา : 1,599,900 บาท

จากนั้น เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ก็เดินหน้าแนะนำ MAXUS 7 รถเอ็มพีวีไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ต่อจาก MAXUS 9 โดยได้จัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ 2024 ที่ผ่านมา โดยจะเป็นรถขนากลางที่รองรับได้ถึง 7 ที่นั่ง โดยมีเป้าหมายตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ ด้วยความหรูหราเหนือระดับของรถในตระกูล MG MAXUS กับเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน แม้จะยังไม่มีการประกาศราคาจำหน่ายออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้เปิดรับจองสิทธ์พร้อมโปรโมชันพิเศษอยู่ในขณะนี้ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร กับแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน ที่ถูกจัดวางแบบ Cell-To-Pack ขนาด 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย IP67 (ป้องกันน้ำ และฝุ่น) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) และมีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย รองรับการชาร์จด้วยไฟกระแสตรง (DC) ในเวลาเพียง 30 นาที และชาร์จด้วยไฟกระแสสลับ (AC) ในเวลาประมาณ 8.5 ชั่วโมง ทั้งยังรองรับระบบ V2L ที่เปลี่ยนให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าระดับ 6.6 กิโลวัตต์ 
 

เอ็มพีวี..ไฮบริด

 

LEXUS

รุ่น : LM
ราคา : รุ่น 350h Executive 4-Seater ราคา 7,590,000 บาท, รุ่น 350h Executive 7-Seater ราคา 6,290,000 บาท, รุ่น 500h Executive 4-Seater ราคา 8,290,000 บาท และรุ่น 500h Executive 6-Seater ราคา 6,990,000บาท

เป็นรถเอ็มพีวีที่อยู่ในระดับหรู โดยชื่อรุ่น LM มาจากคำว่า Luxury Mover เพื่อตอบสนองให้แก่ลูกค้าที่ต้องการใช้รถเอ็มพีวี โดยจะมากับการออกแบบเจเนอเรชันใหม่ของ Lexus ทำให้ภายในมีความหรูหรา สะดวกสบายราวกับว่าอยู่ภายในห้องสวีทของโรงแรมสุดหรู ด้วยการออกแบบภายนอกใหม่ทั้งหมดด้วยแนวทางการออกแบบ Dignified Elegancy ส่วนภายในหรูหราราวกับยกห้องนั่งเล่น+ห้องทำงานมาไว้ภายในรถคันนี้ โดยจะมีทั้งรุ่น 4 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ทั้งยังออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากห้องโดยสารชั้น First class ของเครื่องบัน พร้อมผนังกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว, กระจกปรับความเข้มแสงอัจฉริยะ, หน้าจอขนาดใหญ่ 48 นิ้ว, เครื่องเสียง Mark Levinson Reference 3D Surround Sound System, Personalized Screen สามารถแยกการนำเสนอเนื้อหาแต่ละบุคคล พร้อมระบบเครื่องเสียงแบบ 2-Zone Audio System ซึ่งจะแยกระบบเสียงด้านหน้าคนขับ และด้านหลัง ทำให้สามารถรับฟังคอนเทนท์ที่แตกต่างกันได้โดยไม่มีเสียงรบกวนซึ่งกันและกัน
 
 
ในรุ่น 350h ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รหัส A25A-FXS ขนาด 2,487 ซีซี ให้กำลังรวมทั้งระบบ 246 แรงม้า (เครื่องยนต์ 188 แรงม้า แรงบิด 239 นิวตันเมตร บวกกำลังจากมอเตอร์หน้า 180 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร และมอเตอร์หลัง 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร)  กับแบตเตอรี่ Ni-MH ที่ให้แรงดันไฟฟ้า 259.2 โวลต์ ทำให้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 190 กิโลเมตร/ชั่วโมง เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 8.7 วินาที และมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 17.9 กิโลเมตร/ลิตร
 
 
ส่วน 500h ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รหัส T24A-FTS ขนาด 2,393 ซีซี ให้กำลังรวมทั้งระบบ 366 แรงม้า (เครื่องยนต์ 271 แรงม้า แรงบิด 460 นิวตันเมตร บวกกำลังจากมอเตอร์หน้า 86 แรงม้า แรงบิด 292 นิวตันเมตร และมอเตอร์หลัง 102 แรงม้า แรงบิด 168.5 นิวตันเมตร)  กับแบตเตอรี่ Ni-MH ที่ให้แรงดันไฟฟ้า 288 โวลต์ ทำให้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.9 วินาที และมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 18.2 กิโลเมตร/ลิตร
 

MITSUBISHI

รุ่น : Xpander
ราคา : HEV ราคา 933,000 บาท และ Cross HEV ราคา 961,000 บาท

เป็นรถเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง อีกหนึ่งรุ่นที่มากับระบบไฮบริด โดย Xpander ทั้ง 2 รุ่นย่อยจะมากับขุมพลังใหม่ นั่นคือเครื่องยนต์รหัส 4A92 แบบ4 สูบ 16 วาล์ว MIVEC ขนาด 1,590 ซีซี ให้กำลัง 95 แรงม้า แรงบิด 134 นิวตันเมตร (ใน Xpander รุ่นก่อนหน้าจะเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร กำลัง 105 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร) บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร กับแบตเตอรี่ไฮบริดแบบลิเธียมไอออน ซึ่งจะใช้ระบบการทำงานแบบเดียวกับที่อยู่ใน Outlander PHEV นั่นคือจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการออกตัว, เคลื่อนที่, เร่งความเร็ว เปรียบว่ามอเตอร์ไฟฟ้าเป็นกำลังหลัก แต่เมื่อมีการเพิ่มแรงกดคันเร่งเครื่องยนต์จะเข้ามาเสริมทันที และที่ความเร็วสูงก็จะสลับการทำงานไปเรื่อย ๆ ตามสภาพการขับขี่ เรียกว่าคล้ายกันกับระบบของรถ Plug-in Hybrid (PHEV) แต่ไม่สามารถเสียบชาร์จไฟได้เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ถึง 7 รูปแบบ (Narmal, Wet, Gravel, Tarmac, Mud รวมถึง Charge และ EV-Priority) โดดเด่นด้วย Mud Mode และมี Charge mode เหมือนในรถ PHEV 

รีวิว

 

SUZUKI

รุ่น : Ertiga Smart Hybrid 
ราคา : GL ราคา 783,000 บาท ลดเหลือ 699,000 บาท, GX ราคา 839,000 บาท ลดเหลือ 765,000 บาท

สู่อิสรภาพแห่งการเดินทางที่สมาร์ท และความสมบูรณ์แบบกับยนตรกรรมจาก Suzuki กับรถยนต์เอ็มพีวีแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ กับดีไซน์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น พร้อมเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปให้เหมาะสมกับราคา (ล่าสุดมีการปรับลดราคาให้ถูกลงด้วย) เน้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครอบครัวที่ต้องการรถที่มีความประหยัด, คุ้มค่า แต่ราคาเข้าถึงได้ โดยจะมากับเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และได้เพิ่มไฟส่องสว่างในที่มืด Guide Me Light ซึ่งมี 2 ฟังก์ชั่น คือ To Home และ To Car คือ ไฟหน้ารถยังส่องสว่างให้เราเป็นไฟนำทางและยังคงใช้ครงสร้างแพลตฟอร์ม HEARTECTและโครงสร้างที่ลดเสียงรบกวนกับตัวถัง NVH และมีพื้นที่เก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะนั่งแถว 3 550 ลิตร, ความจุสูงสุด 803 ลิตร ด้านเครื่องยนต์จะเป็น K15B ขนาด 1,462 ซีซี 105 แรงม้า แรงบิด 138 นิวตันเมตร ผสานเทคโนโลยี SHVS เทคโลยีระบบสมาร์ทไฮบริดแบบใหม่ ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 12 โวลต์ ช่วยเสริมกำลังการทำงานของเครื่องยนต์มีผลทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันดีขึ้นที่ 15.9 กิโลเมตร/ลิตร (รุ่นเครื่องยนต์ 12.7 กิโลเมตร/ลิตร) ซึ่งจะประหยัดได้มากถึง 25% สำหรับการขับขี่ในเมือง ส่วนนอกเมืองจะเฉลี่ยอยู่ที่ 19.2 กิโลเมตร/ลิตร (รุ่นเครื่องยนต์ 18.5 กิโลเมตร/ลิตร) ถือว่าประหยัดมากขึ้น 4% จึงเป็นรถที่ราคาสมเหตุสมผล จับต้องได้ง่าย ไปกับคุณได้ทุกที่ สบายใจทั้งตอนซื้อและตอนขับ แน่นอน

รีวิว

 

SUZUKI

รุ่น : XL7 Hybrid
ราคา : 825,000 บาท ลดหลือ 799,000 บาท

อีกหนึ่งเอ็มพีวีไฮบริดที่คั้มค่าคุ้มราคา ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายกว่าด้วยขุมพลังไฮบริด ที่ให้การประหยัดน้ำมัน พร้อมไปหับครอบครัวคุณในทุกเานทาง ด้วยเบาะที่นั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งแตกต่างจากรุ่นเดิมเล็กน้อยสำหรับภายนอกจะมากับกระจังหน้าใหม่, โครเมียมคาดท้ายใหม่สูงขึ้น ส่วนภายจะมีหน้าปัดใหม่ดีไซน์ไฮบริด และจอแสดงผลกลาง 4.2 นิ้ว จอกลางขนาด 10.1 นิ้ว รองรับ Mirror Link IOS, Android และ AppleCarPlay และ Android Auto มีพื้นที่เก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะนั่งแถว 3 550 ลิตร, ความจุสูงสุด 803 ลิตร ด้านเครื่องยนต์ที่ถูกเพิ่มเติมระบบไฮบริด ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG เข้ามาทำหน้าที่เสริมแรง เครื่องยนต์ K15B ให้กำลัง 105 แรงม้า แรงบิด 138 นิวตันเมตร ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 12 โวลต์ (ขนาดใหญ่กว่าในที่อยู่ใน Ertiga เล็กน้อย) และด้วยห้องโดยสารที่สะดวกสบายสบาย, ช่วงล่างแน่นหนึบ, ระบบความบันเทิงครบถ้วน ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ให้ความคุ้มค่ากับลูกค้าที่ต้องการขยับไซส์รถให้ใหญ่ขึ้นตามขนาดครอบครัว 

รีวิว

 

เอ็มพีวี..เครื่องยนต์สันดาป

HYUNDAI

รุ่น : Stargazer-X 
ราคา : X 7 ที่นั่ง ราคา 929,000 บาท, X ราคา 939,000 บาท และ X 6 ที่นั่ง ราคา 949,000 บาท

เป็นรถมินิเอ็มพีวีจาก Hyundai โดย ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย)ตั้งเป้าว่าจะเป็นรุ่นที่มาสานต่อความสำเร็จของ Stargazer ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูดุดันกว่ารุ่นเดิม รองรับผู้โดยสารได้ 6-7 ที่นั่ง ที่ตั้งเป้าสานต่อความสำเร็จของ Stargazer ที่เปิดไปแล้วในไทย โดย Stargazer X ไม่เพียงแต่มีภาพลักษณ์ที่ดุดันขึ้นจากรุ่นเดิม ด้วยอุปกรณ์พิเศษเฉพาะรุ่น เช่นกระจังหน้าดีไซน์ใหม่, กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่, ซุ้มล้อดีไซน์ใหม่, ราวหลังคา และ ล้ออัลลอยสีทูโทนดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว ภายในห้องโดยสารก็ถูกตกแต่งใหม่เช่นกันด้วยเบาะหุ้มหนังสีดำตกแต่งด้วยแถบสีแดง และผ้าหลังคาแบบเฉพาะรุ่น และยังมีเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold, เซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง และดิสก์เบรกหลัง ซึ่งติดตั้งมาให้เป็นครั้งแรก มั่นใจในการขับขี่ไปกับ Hyundai SmartSense และขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เอ็มพีไอ สมาร์ทสตรีม ขนาด 1.5 ลิตร (1,497 ซีซี)  ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของความประหยัดและการตอบสนองที่ว่องไว กับกำลัง 115 แรงม้า แรงบิด 144 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ IVT (Intelligent Transmission Variable) ทั้งยังรองรับการปรับแต่งรูปแบบการขับขี่ให้ตรงกับความต้องการของคุณ ซึ่งมีให้เลือก 4 รูปแบบ ประกอบด้วย Normal, Eco, Sport และ Smart แต่ถ้ายังไม่ถูกใจก็ยังมีรุ่น Stargazer, Staria  และ H-1 Elite FE ให้เป็นทางเลือกด้วย
 

KIA 

รุ่น : Carnival
ราคา : LX ราคา 1,892,000 บาท, EX ราคา 2,234,000 บาท, SXL ราคา 2,594,000 บาท และ SXL Luxury ราคา 2,990,00 บาท  

สำหรับ Carnival เป็นยนตกรรมรุ่นเรือธงของ KIA โดยเป็นเจนเนอเรชันที่ 4 ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 5-7 คน โดยเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ในกลุ่มเอ็มพีวี โดยเปิดตัว SXL Luxury เป็นรุ่นล่าสุดที่จะเข้ามาเสริมทัพไลน์อัป ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยผสานการออกแบบให้เป็นอ็มพีวีที่มีดีไซน์ภายนอกดีเยี่ยมแต่ให้ความรู้สึกเหมือนรถยนต์เอสยูวีเกรดพรีเมียม กับการออกแบบภายในพร้อมให้ทั้งความผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความบันเทิงที่เชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล Smartstream ขนาด 2,151 ซีซี ให้กำลัง 202 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร (ขับเคลื่อนล้อหน้า) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมด Mamual ที่พร้อมเรียกกำลังใช้ได้ในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่กว้าง ในรุ่น SXL Luxury จะได้ล้อ อัลลอยขนาด 19 นิ้ว ส่วนรุ่นอื่น ๆ จะได้ขนาด 18 นิ้ว และระบบความปลอดภัยที่แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย

รีวิว

 

MERCEDS-BENZ 

รุ่น : V-CLASS
ราคา : V 250 d Exclusive ราคา 5,400,000 บาท 

เป็นรถอเนกประสงค์ 3 แถว 7 ที่นั่งที่ทาง Mercedes-Benz จัดให้อยู่ในกลุ่มเอ็มพีวี ที่ได้รับการออกแบบที่ชัดเจนตามถาษาการออกแบบของแบรนด์ได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนภายในนั้นทันสมัย และกว้างขวางให้การเดินทางอย่างสะดวกสบาย ด้วยที่นั่งแบบหรูหรา พร้อมฟังก์ชันต่าง ๆ ที่จะทำให้คุณสะดวกสบายตลอดการเดินทาง และขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ (1,950 ซีซี) ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในระยะเวลาเฉลี่ย 9.6 วินาที ทั้งยังทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 205 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-TRONIC PLUS) ที่มีจุดเด่นในการรักษาระดับการทำงานของรอบเครื่องยนต์ให้ต่ำ และช่วยให้จังหวะการเร่งเครื่องมีความต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น เหมาะกับการขับขี่ในทุกสภาพถนน
 

MERVEDES-BENZ

รุ่น : V-CLASS
ราคา : Vito 119 Tourer Select  ราคา 3,100,000 บาท

เป็นอีกหนึ่งในรถยนต์อเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี ขนาด 11 ที่นั่ง ของ Mercedes-Benz ที่พร้อมตอบสนองทุกช่วงเวลาในทุกเส้นทาง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ (1,950 ซีซี) เจเนอเรชันล่าสุดที่ให้กำลังมากขึ้นทว่าให้อัตราสิ้นเปลืองที่ลดลง กับชุดเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่ 9.6 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 205 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายนอกยังคงสไตล์ V-Class ส่วนดีไซน์ภายในมีห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับระบบต่าง ๆ ที่มีมาให้ 
 

TOYOTA

รุ่น : Innova Zenix 
ราคา : HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท, HEV Premium ราคา 1,479,000 บาท 

เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ระดับพรีเมียมในกลุ่มเอ็มพีวีของโตโยต้า เติมเต็มทุกการเดินทางด้วยโครงสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA (Toyota New Global Architecture) พร้อมช่วงล่างใหม่ และพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ให้การควบคุมรถที่แม่นยำ มั่นใจทุกสภาพถนน กับดีไซน์ใหม่ทั้งคันทั้งภายนอก และภายใน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร ใหม่ล่าสุด รหัส M20A-FXS (1,987 ซีซี) ให้กำลัง 152 แรงม้า แรงบิด 188 นิวตันเมตร ที่ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 83 กิโลวัตต์ แรงบิด 206 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดราย เมื่อรวมกันจะให้กำลัง 186 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ e-CVT ทำให้ประหยัดน้ำมันถึง 21.3 กิโลเมตร/ลิตรพร้อมความปลอดภัยเหนือระดับด้วย Toyota  Safety Sense เจเนอเรชันที่ 3 และระบบอื่น ๆ อีกมากมาย
 

TOYOTA

รุ่น : Veloz 
ราคา : Smart ราคา 795,000 บาท, Premium ราคา 875,000 บาท

รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง อีกหนึ่งรุ่นจาก Toyota ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งคัน ทั้งโครงสร้างตัวถัง, การออกแบบภายนอก และภายในใหม่หมด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รหัส 2NR-VE (1,496 ซีซี) ให้กำลังแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 106 แรงม้า (จากเดิม 103 แรงม้า) แรงบิด 138 นิวตันเมตร (จากเดิม 134 นิวตันเมตร) โดยหันเครื่องยนต์มาวางขวาง และเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าแทนล้อหลังแบบรุ่นก่อนหน้า ใช้ชุดเกียร์ CVT พร้อม Sequential Shift และเลือกเปลี่ยนเกียร์ +/- ได้ที่คันเกียร์ ให้ความประหยัดที่ 17.9 กิโลเมตร/ลิตร นอกจากนี้ยังมีความสะดวกสบาย, ปลอดภัย และความคุ้มค่า พร้อมออปชันสมราคา

รีวิว

 
 

TOYOTA

รุ่น : Alphard และ Velfire
ราคา : Velfire ราคา 4,279,000 บาท, Alphard 2.5 HEV ราคา 4,129,000 บาท และ Alphard 2.5 HEV Luxury ราคา 4,499,000 บาท

เป็นรถในกลุ่มเอ็มพีวีสุดหรุหราระดับ LUXURY 7 ที่นั่ง ที่ให้ห้องโดยสารระดับ First Class หรือ Pride Of Excellence โดยจะเป็นรุ่นที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 2.5 ลิตร (2,487 ซีซี) รหัส A25A-FXS จาก Camry นับเป็นระบบไฮบริดรุ่นล่าสุด ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 238 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 134 กิโลวัตต์ แรงบิด 270 นิวตันเมตร กำลังรวมทั้งระบบจะได้กำลัง 250 แรงม้า กับแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดราย พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เทคโนโลยี E-Four ใหม่ในทุกรุ่นย่อย ให้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 17.9 กิโลเมตร/ลิตร และโครงสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA มั่นใจกว่าด้วยความปลอดภัยเหนือระดับ Toyota  Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ในทุกรุ่นย่อย ให้ทุกการขับเคลื่อนเต็มไปด้วยสมรรถนะที่ดีเยี่ยมและนุ่มนวลเป็นที่สุดแห่งสุนทรียะในทุกการเดินทาง 

รีวิว


และนี้คือเหล่ารถเอ็มพีวีสำหรับทุกครอบครัวที่ควรเป็นตัวเลือก ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 ขึ้นอยู่กับว่าครอบครัวของคุณชื่นชอบรุ่นไหน และงบประมาณเท่าไรที่ครอบครัวคุณคู่ควร 
 

 
หมายเหตุ :
  • ราคาที่ระบุข้างต้นเป็นการค้นหาข้อมูลมาจากเว็บไซต์ของรถยนต์แต่ละแบรนด์นั้น ๆ ณ วันที่ทำบทความ ดังนั้นราคาดังกล่าวจึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และโปรดสอบถาม หรือตรวจสอบราคาล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายที่เกี่ยวข้องสำหรับรุ่นนั้นๆ อีกครั้ง
  • ข้อมูลสินค้าที่จัดอันดับข้างต้นนี้เป็นข้อมูลสินค้า ณ เดือนตุลาคม 2567 และเมื่อเวลาผ่านไปลำดับเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับข้อมูลสินค้าที่เปลี่ยนไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง รถเอ็มพีวี รถครอบครัว
CAR GURU
เขียนโดย วโรดม อิ้วลันตา CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)