หนึ่งในความเสียหายต่อรถยนต์ที่ผู้เป็นเจ้าของไม่อยากให้เกิดนั่นก็คือ ไฟไหม้ เพราะมันคือฝันร้ายของผู้เป็นเจ้าของรถไม่ว่ารถคันนั้นจะเป็นรถยนต์เก่าที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน หรือแม้กระทั่งรถยนต์ใหม่ก็อาจจะมีความเสี่ยงที่จะเจอกับเหตุไฟไหม้นี้ได้ ซึ่งสาดหตุของไฟไหม้ในรถยนต์นั้นก็มีหลายสาเหตุ แต่ถ้าเหตุเกิดขึ้นแล้วควรทำอย่างไร และประกันภัยที่รถคันนั้นทำอยู่จะรับเคลมหรือไม่
ก่อนอื่นเรามาดูกันที่สาเหตุของการเกิดไฟไหม้ในรถยนต์นั้น เกิดจากอะไรได้บ้าง?
- เกิดจากระบบไฟฟ้าเกิดการลัดวงจร : ในรถยนต์รุ่นเก่าที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน หรือจะเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีระบบไฟฟ้าอัดแน่นเต็มคัน สาเหตุนี้ดูจะเป็นเรื่องหลัก และพบได้บ่อยที่สุดนั่นก็คือการลัดวงจรของระบบไฟฟ้าภายในรถที่อาจจะเกิดจากการสึกหรอของสายไฟหรือการติดตั้งที่ไม่ถูกต้องนั่นเอง
- ได้รับแรงกระแทกหรืออุบัติเหตุ : การได้รับแรกกระแทกจากอุบัติเหตุ ก็เป็นอีกสาเหตุ ที่ทำให้รถได้รับความเสียหายจนอาจจะทำให้เกิดการรั่วไหลของเชื้อเพลิง หรืออาจจะเป็นสารเคมี ซึ่งอาจก่อให้เกิดไฟลามไปติดวัตถุที่สามารถติดไฟได้จนทำให้เกิดเพลิงไหม้ ถึงแม้รถยนต์สมัยใหม่จะได้รับการออกแบบมาให้สามารถปกป้องส่วนต่างๆ ได้ก็ตาม แต่เมื่อเจอกับอุบัติเหตุร้ายแรงก็อาจจเกินที่ตัวรถจะรับไหวจนทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นได้
- มีการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิง : รถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อเกิดการรั่วไหล แม้ว่าจะเป็นการรั่วซึมเพียงเล็กน้อยแต่ก็มีโอกาสทำให้เกิดการเผาไหม้ขึ้นได้เมื่อเจอกับประกายไฟ ก็เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ และความเสียหายที่มิอาจประเมินค่าได้ตามมา
- เครื่องยนต์และชิ้นส่วนกลไกที่ร้อนเกินไป : เครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนกลไกอื่นๆ ที่ทำงานหนักเกินไปหรือมีการบำรุงรักษาไม่เพียงพอ ทำให้ของเหลวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือ น้ำยาหล่อเย็น มีอุณหภูมิสูงขึ้น เป็นสาเหตุให้เกิดไฟไหม้ได้
- การบำรุงรักษาที่ไม่เพียงพอ : การขาดการบำรุงรักษาอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การเกิดไฟไหม้ เช่น การสึกหรอของอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนต่างๆ การปล่อยให้เกิดความเสียหายทิ้งไว้เป็นเวลานาน ก็อาจจะทำอะไหล่ส่วนอื่นมีความเสียหายกระทบต่อๆ กัน อาจทำให้เกิดการเสียดสี และเกิดประกายไฟที่เป็นสาเหตุที่ทำให้รถไฟไหม้
- การกระทำของมนุษย์ : ไฟไหม้ในรถยนต์บางครั้งอาจเกิดจากการกระทำโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ เช่น การทิ้งบุหรี่ที่ยังไม่ดับสนิทหรือการใช้สารไวไฟอย่างไม่เหมาะสม ไปจนถึงการปรับแต่ง/ดัดแปลงที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้รถได้รับความเสียหาย และอาจมีข้อผิดพลาดในขั้นตอนการดัดแปลงที่ทำให้เกิดไฟไหม้เกิดขึ้น
- แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหาย : ถึงแม้รถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นเรื่องใหม่ แต่ก็ควรระวังเหตุที่จะทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นได้ อาจจะมาจากตัวแบตเตอรี่ที่ชำรุดเสียหาย, กระบวนการชาร์จไฟ และการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่
แล้วจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันเหตุไฟไหม้ในรถยนต์ สั่งที่สามารถทำได้ก็คือการหมั่นบำรุงรักษาเพื่อช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดเหตุไฟไหม้ วิธีแรกคือ หมั่นบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าระบบไฟฟ้าและชิ้นส่วนกลไกทั้งหมดอยู่ในสภาพดีและทำงานได้อย่างถูกต้อง และควรจัดการสารเคมีหรือวัตถุไวไฟในรถไฟด้วยความระมัดระวัง ให้มีการระบายอากาศที่ดี หรือบางทีอาจติดตั้งระบบดับเพลิง อาทิ ถังดับเพลิงขนากเล็กติดรถไว้ หรืออาจจะมีติดบ้านไว้เพื่อใช้งานเมื่อมีเหตุไฟไหม้
เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้แล้ว ในกรณีที่รถยนต์คันนั้นๆ มีประกันภัย ก็คลายกังวลได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ว่าแต่ประกันชั้นไหนที่จะให้ความคุ้มครอง ก็อยู่กับเงื่อนไขและข้อกำหนดของกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่คุณเลือกใช้ ประกันรถยนต์ทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ที่ให้ความคุ้มครอง คือ ประกันชั้น 1 ประกันชนิดนี้ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด รวมถึงความเสียหายจากไฟไหม้, การโจรกรรม, อุบัติเหตุ, น้ำท่วม และอื่นๆ หากเกิดเหตุรถไฟไหม้, ประกันชั้น 1 สามารถคุ้มครองความเสียหายนั้นได้ และประกันชั้น 2, 2+ประกันชนิดนี้จะให้ความคุ้มครองครอบคลุมไฟไหม้ และการโจรกรรมเช่นกัน แต่อาจจะมีขอบเขตความคุ้มครองที่จำกัดกว่าประกันชั้น 1 ส่วนประกันชั้นอื่นๆ นอกจากนี้อาจไม่ครอบคลุมความคุ้มครอง แต่อย่างไรก็ดีควรหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่ท่านกำลังพิจารณาซื้อ
แล้วเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้กับรถยนต์ของเราแล้ว มีขั้นตอนอะไรที่จะต้องทำบ้าง อย่างแรกก็คือควรดำเนินการอย่างรวดเร็ว และมีสติ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยมีขั้นตอนที่ควรทำเมื่อเกิดเหตุดังนี้
- ไม่ตื่นตระหนก พยายามตั้งสติกับสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด
- ถ้าเกิดเหตุในระหว่างขับขี่ ควรหยุดรถ หรือนำรถเข้าข้างทางทันที และดับเครื่องยนต์ทันทีเพื่อหยุดการไหลเวียนของเชื้อเพลิงที่อาจทำให้เกิดการลุกไหม้เพิ่มมากขึ้น
- ไม่ห่วงสัมภาระ นำทุกคนออกจากรถโดยเร็วที่สุด และย้ายไปยังที่ปลอดภัยห่างจากรถ
- โทรเรียกดับเพลิงหรือเรียกความช่วยเหลือ โดยไม่พยายามดับไฟด้วยตัวเอง (หากไม่มั่นใจ) พร้อมไม่พยายามกลับเข้าไปในรถที่กำลังลุกไหม้
- เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ให้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับสถานการณ์และตอบคำถามของพวกเขาให้ครบถ้วน
- ติดต่อบริษัทประกันภัยที่รถคันนั้นมีประกันภัยอยู่
สถานการณ์ รถไฟไหม้ เป็นเรื่องที่สามารถป้องกันได้ โดยเจ้าของรถต้องหมั่นตรวจสอบรถยนต์ของคุณโดยละเอียดอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญอย่าปล่อยให้ประกันภัยรถยนต์ของคุณขาดเพื่อให้รถของคุณได้รับความคุ้มครองอยู่เสมอ