New GWM ORA Good Cat เจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจชาวไทยถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่จะเริ่มทำการผลิตแบบจำนวนมาก (Mass Production) จากโรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จังหวัดระยอง เพื่อส่งออกขายสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทย โดยรถยนต์รุ่นนี้เป็นรถยนต์ภายใต้แบรนด์
"ORA" ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่ออกแบบและถือกำเนิดขึ้นเพื่อสร้างกระแสความนิยมในหมู่ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชื่นชอบความเป็นเอกลักษณ์มีสไตล์ รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมากมาย ตอบโจทย์ทุกการขับขี่อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
New GWM ORA Good Cat ใหม่เปิดตัวพร้อมกับการประกอบในประเทศไทย ปรับสเปคใช้แบตเตอรี่เป็น LFP (ลิเธียมไอออน ฟอสเฟต) ทุกรุ่นมีระยะวิ่งไกลรุ่น Pro,Ultra 480 กม. และ 460 กม. ในรุ่น GT กม. ทดลองขับเส้นทาง กทม.- สระบุรีกว่า 300 กม. สบาย ๆ พละกำลงเท่าเดิมเพิ่มเติม TopSpeed 160 กม./ชม.
VIDEO
ในทริปนี้ใด้ขับรุ่น Ultra สลับกับสื่อมวลชนไปและกลับ ออกสตาร์ต จากโชว์รูม GWM ICONIC รามอินทรา กม. 7 ระดับแบตเตอรี่ 96% ถึง The barnery สระบุรี คงเหลือ 70% ระยะทาง 105 กม. และเมื่อรวมทั้งหมดประมาณ 240 กม. จนกลับจุดเริ่มต้น ระยะขับคงเหลือ 215 กม. ระดับไฟคงเหลือ 43% นับว่าใกล้เคียงกับระยะที่เคลมไว้
* โดยส่วนตัวใช้งานเจ้า Goodacat Ultra 500 เป็นประจำอยู่แล้ว จึงอาจจะเปรียบเทียบได้ชัดเจนมากขึ้น
สมรรถนะคันเร่งเนียนและนุ่มนวล
New ORA GOODCAT Ultra สัมผัสได้ถึงความสมูทของคันเร่ง การตอบสนองแบบไม่มีอาการ “ดีเลย์“ ถือว่าขับง่ายขึ้นเนียนขึ้นไม่มีการหน่วง แต่อัตราเรางกลับมาแบบนุ่ม ๆ ค่อย ๆ ไต่นะดับความเร็ว ไม่กระชากกระตุกเหมือนรุ่นก่อนหน้า ที่กดคันเร่งลึก ๆ จะกระชากกว่า อาจเกิดจากน้ำหนักแบตฯ มากขึ้นจากเดิมราว ๆ 100 กิโลกรัม เหมือนมีผู้โดยสารเพิ่ม จึงทำให้การเร่งดูแผ่ว ๆ ลงไปบ้าง แต่ก็แทบไม่รู้สึกมากนัก
คันเร่งมาไว้ขึ้น ในทุกโหมด
การตอบสนองคันเร่งทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า การตอบสนองไว้นี้ หมายถึง คันเร่งจะไม่มีอาการ ดีเลย์มากเท่ารุ่นก่อนหน้า แม้จะเป็นโหมด ECO,NORMAL หรือทุกโหมดก็ตาม มอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองอัตราเร่งทันทีที่แตะคันเร่งลงไป รุ่นเดิมเมื่อกดคันเร่งจะต้องรอการดีเลย์เล็กน้อย แล้วรถจึงเร่งไป และเมื่อยกคันเร่งจะรู้สึกว่ามีระยะรอสั้น ๆ ก่อนที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดตาม แต่ในรุ่นประกอบไทยนั้นกลับไว้ตามเท้าทั้งกดคันเร่งหรือยกออก ทำได้แบบเรียบไทม์มากขึ้นครับ
ส่วนการตอบสนองอัตราเร่งของโหมดการขับขี่แต่ละแบบนั้น ก็ตามชื่อเลย ECO เมื่อกดไปรถออกออกตัวทันที แต่มีความหน่วยให้ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วเพื่อเน้นการขับขี่แบบประหยัด ในโหมดอื่นๆ เช่น Narmal ก็จะหน่วงน้อยลง ยิ่งในโหมด Sport ก็จะเร่งได้ตามเท้าทันใจมากที่สุด ส่วนโหมด ECO+ ใหม่ที่เพิ่มใน Pro และ Ultra ก็จะเป็นการหน่วยคันเร่งให้ค่อย ๆ ขึ้นช้า ๆ และล็อคความเร็วไว้ที่ไม่เกิน 85 กม./ชั่วโมง เพื่อเป็นการประหยัดแบบสุด ๆ เข้าไปอีก (โหมดนี้ไม่สามารถเปิดขณะวิ่งความเร็วสูงเกินกว่า 50 กม./ชม. ต้องเปิดใช้ที่ความเร็วต่ำ ๆ ก่อนเสมอ) และไม่ว่าจะอยู่ในโหมดใด หากจำเป็นต้องเร่งแซงอย่างรวดเร็ว ก็เพียง "คิกส์ดาวน์" รถก็จะตอบสนองตามเท้าได้คล้าย ๆ กัน เพื่อให้แซงได้อย่างปลอดภัยครับ
อัตราเร่งไม่ดุดันเท่าเดิม!
การเร่งออกตัวและแซงนั้น รู้สึกถึงความ "หนืด" และนุ่มนวล อากรกระชากลดลงจากรุ่นก่อนหน้านี้ และช่วงความเร็วกลาง ๆ ถึงปลายจะขึ้นแบบไต่ระดับความเร็วช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ อาการชุดน้อยลง คาดว่าเป็นเพราะน้ำหนักแบตฯ ที่เพิ่มมา ทำให้เหมือนมีน้ำหนักบรรทุกมากขึ้น ในขณะที่กำลังและความแข็งโช้คกับสปริงเท่าเดิม ส่งผลให้การเร่งเหมือน "รถมีน้ำหนักถ่วงเล็กน้อย"
ช่วงล่างปรับสปริงยาวขึ้น...แต่นุ่มนวลกว่า....นิดหน่อย
ส่วนระบบช่วงล่างก็แตกต่างไม่มาก จากรุ่นก่อนหน้าที่จะออกแนวแข็ง เด้ง กระโดด ตึงตัง แต่ใน
New GWM ORA Good Cat ใหม่ กลับมีบางจังหวะที่นุ่มสบายกว่า ไม่เขย่าเท่ารุ่นเดิม และเมื่อขับผ่านถนนขรุขระ คอสะพานต่าง ๆ มีความนุ่มนวลกว่า (แบบไม่ตั้งใจหรือเปล่า) ซึ่งระบบช่วงล่างที่มีการปรับปรุงเพียง
"เพิ่มความสูงของสปริงรับน้ำหนัก" เพื่อให้รองรับแบตฯ ที่หนักขึ้น และให้ความสูงใต้ท้องรถลงมาเท่าเดิม ไม่ต่ำเกินไป จึงมีส่วนช่วยให้ช่วงล่างนุ่มขึ้น และยังคงความแข็งแน่นหนึบบ้าง แต่เมื่อลองขับเข้าโค้งจับอาการรถ เอียงหรือเอนมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอยู่บ้างครับ
ระบบจ่ายไฟใช้ภายนอก V2L นับว่าใช้ได้คุ้มค่ามาก จ่ายกำลังไฟถึง 3,300 W ในกิจกรรมนี้มีการจัดแสดงการใช้งานเครื่องไฟฟ้าให้ดูกับแบบจริงจัง ดดยมีตั้งแต่ ตู้แอมปฺ กี่ต้าร์ คีย์บอรด์ พัดลม ตู้แช่น้ำเย็น ลำโพงบลูทูธ รวมกำลังไฟกว่า 2,000 W แบบสบาย ๆ โดยที่ใช้ไฟจากเจ้าแมว GT มีไฟในแบตฯ อยู่ 90% ที่ผ่านการใช้งานกิจกรรมนี้มา 2 วันกว่า ๆ ถือว่าจ่ายไฟได้เยอะแถมประหยัดแบตฯ อีกด้วยครับ
ทริปนี้ได้ขับเพียงรุ่น ULTRA เท่านั้น รุ่น GT อาจจะมีการนำมาทดสอบเพิ่มเติมในโอกาสต่อไปครับ
ความปลอดภัย ADAS เท่าเดิม ระบบความปลอดภัย ฟังก์ชันต่าง ๆ เปลี่ยนไม่เยอะ ยังมี เช่น สวิตช์เบรกมือไฟฟ้าและเลือกโหมดขับขี่อยู่บนหน้าจอแทน หรือการเพิ่มโหลด ECO+ ในรุ่น Pro/Ultra กับ Individual ในรุ่น GT ที่ปรับค่าคันเร่ง การหน่วง และความเร็วสูงสุดได้แบบละเอียดขึ้น ยังคงระบบความปลอดภัยต่าง ๆ มากมาย คือ
ระบบอัปเกรดระบบผ่านออนไลน์ (FOTA) ระบบดังกล่าวมาพร้อมกับความสามารถในการอัปเกรดเฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง และระบบการขับขี่อัจฉริยะต่าง ๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่น ๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย ระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ สามารถควบคุมการใช้งานฟังก์ชันได้ตลอดเวลาด้วยเสียง รวมถึงควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซันรูฟ ระบบนำทาง และมัลติมีเดีย เพื่อลดความเสี่ยงในการขับขี่ และมอบความปลอดภัยอย่างไร้กังวล การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล เป็นระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการท างานบางฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถยนต์รวมไปถึงการสร้างระบบความปลอดภัยให้กับรถยนต์ ฟังก์ชันด้านการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า เช่น ระบบตรวจสอบสถานะปริมาณแบตเตอรี่ ระบบตรวจสอบสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ ระบบตรวจสอบระยะทางวิ่งคงเหลือ และระบบช่วยเตือนเมื่อแบตเตอรี่ 12V ต่ำ ฟังก์ชันด้านการใช้งานที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหารถยนต์ และการสั่งปิดหน้าต่าง ฟังก์ชันด้านความปลอดภัยที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และการแสดงผลการตั้งค่าต่าง ๆ ของรถยนต์ ระบบความบันเทิงแบบมัลติมีเดีย
รองรับ Apple CarPlay และ Siri รองรับ Android Auto และ Google Assistant รองรับแอปพลิเคชันเพลง เช่น JOOX ระบบนำทางระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย เพื่อช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า โดยรถจะลดความเร็วลงและหยุดตามคันหน้า และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวหลังจากเบรกภายใน 3 วินาที รถจะเคลื่อนตัวตามคันข้างหน้าอัตโนมัติและควบคุมระยะห่างการติดตามให้อยู่ในระยะที่ปลอดภัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำโดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดและรถเคลื่อนตัวได้ช้า ระบบจะควบคุมให้รถติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ระบบนี้ถือเป็นหนึ่งในระบบที่ดีที่สุดในระดับ L2+ ที่มาพร้อมระบบการตรวจจับคนเดินถนนและทางแยก โดยสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถและคนเดินถนนได้แบบเรียลไทม์ รวมทั้งยังมีสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่า (MEB) เมื่อระบบช่วยจอดรถยนต์และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำทำงาน จะมีเรดาร์ตรวจพบสิ่งกีดขวางที่หยุดนิ่งในเส้นทางการถอยหลังและมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการจราจรมีการเปลี่ยนแปลงและมีความชุลมุน เพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุโดยความเร็วขณะถอยจะต้องไม่เกิน 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยเพื่อบังคับให้รถอยู่ในเลน โดยจะระบุเส้นแบ่งเลนถนนผ่านกล้องที่กระจกหน้ารถเมื่อคนขับเบี่ยงเลนโดยไม่รู้ตัว และเมื่อระบบตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่มีลักษณะการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนด้วยเสียง ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบจะแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน เมื่อรถเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะส่งเสียงเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่มีเวลาตอบสนองมากขึ้น ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบจะช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) หากระบบตรวจสอบแล้วพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลน ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดความเสี่ยงในการชน (เฉพาะรุ่น ULTRA และ GT) ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะในระหว่างการแซง และจะประคองรถให้กลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ การเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent cornering) เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องระบบจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้อัตโนมัติ ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อรถออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงาน เพื่อป้องกันการถอยหลัง ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) รถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) รถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดล้อหนึ่งลดลง กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 เมกะพิกเซล โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถในแบบ “เฮลิคอปเตอร์” และเปิดการทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อรถมีความเร็วต่ำกว่า 15 หรือ30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP)
ระบบจะใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง (เฉพาะรุ่น ULTRA และ GT)
ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA&RCTB) ระบบจะมีเซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อรถกำลังถอยหลังออกจากช่องจอด เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจร และส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน (เฉพาะรุ่น ULTRA และ GT) ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive Safety) โครงสร้างตัวถัง ทำมาจากเหล็กกล้า IronBone™ ที่มีความแข็งแรงสูง 65% และเหล็กเทอร์โมฟอร์ม 18 ชิ้น ซึ่งสามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อปกป้องผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่ถุงลมนิรภัยทำงาน สัญญาณเตือนอันตรายจะทำงาน ประตูจะถูกปลดล็อก และรถจะโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน และสามารถส่งตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือได้ ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยในระดับ Good จาก China Insurance Research Institute (C-IASI) ระบบโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน เมื่อผู้ขับขี่เจ็บป่วยกะทันหันหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน ให้แตะที่ปุ่มเพื่อติดต่อกับหน่วยงานในการช่วยเหลือ หรือในกรณีที่ถุงลมนิรภัยระเบิด ผู้ประสบภัยหมดสติ ระบบจะติดต่อเบอร์ฉุกเฉินอัตโนมัติ
สรุปความคุ้มค่า
สรุปภาพรวมจากคนใช้งานจริง Goodacat ULtra 500 อยู่ ขอสรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า ในแมวรุ่นใหม่นี้ บอกเลยว่าคุ้มค่ามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น PRO ที่เดิมวิ่งได้ 400 กม. ในรุ่นใหม่เพิ่มเป็น 480 กม. ต่อชาร์จ ส่วนในรุ่น Ultra 500 แม้ระยะทางจะลดลง แต่ราคาก็ถูกลงจากเดิมแบบสมน้ำสนเนื้อ!!!
สมรรถนะการขับขี่ควบคุมง่ายขึ้นคันเร่งไม่กระชากมากทำให้ควบคุมง่าย ออกตัวนุ่มนวลกว่าเดิม พวงมาลัยที่ปรับได้ 4 ทิศทาง ทำให้ชีวิตเปลี่ยนท่านั่งสบายและลงตัวมากขึ้น จากเดิมปรับได้ 2 ทิศทางเพียงขึ้นลงเท่านั้น ไฟกระจกส่องหน้าแบบฟรุ้งฟริ้งพร้อมรูปหัวแมว เก๋น่ารัก ยกมาจากรุ่น GT เลย นอกจากนี้ระยะทางที่วิ่งได้ก็ใกล้เคียงที่ตั้งเอาไว้ บวก-ลบ ไม่เกิน 80 กม. หมดกังวลเรื่องการใช้งานได้มากขึ้น
ก้านเปลี่ยนเกียร์เกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ด้านข้างพวงมาลัยเปลี่ยนง่ายกว่าเดิม ที่เป็นแบบหมุนและไม่มีล็อกใช้งานยากกว่า ส่วนเรื่องระบบความปลอดภัยที่เต็มคันเทียบเท่ารถญี่ปุ่นหรือยุโรปที่ค่าตัวสูง ๆ แต่น้องแมวจัดให้ครบถ้วนแบบไม่กั๊ก ระบบชาร์จไร้สายเพิ่มกำลังเป็น 50W จากเดิมเพียง 15W
สุดท้ายอย่าลืมประเมินความพร้อมในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ความต้องการที่แท้จริง และลักษณะการใช้งานในชีวิตประจำวันว่า ว่าสะดวกและรับได้กับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าล้วนหรือไม่? หากตรงกับใจคุณหรือเปิดใจในรถยนต์(จีน)ไฟฟ้า บอกเลยว่า "New ORA Goodcat เหมาะสมกับราคาที่ต้องจ่ายแน่นอนครับ"