หากคิดจะซื้อรถ นอกจากเรื่องยี่ห้อ รุ่นรถ ราคา สเปกรถแล้ว เรื่องของความคุ้มครองก็เป็นอีกเรื่องที่ควรให้ความสำคัญค่ะ และเมื่อพูดถึงการทำประกันรถยนต์ ก็จะมี พ.ร.บ.รถยนต์ ที่จะถูกนำเสนอควบคู่กันเสมอ หลายคนอาจเคยสงสัยว่า เมื่อซื้อ พ.ร.บ. แล้วทำไมต้องซื้อประกันรถยนต์อีก ต้องบอกเลยว่าทั้งประกันรถยนต์ และ พ.ร.บ. รถยนต์ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนค่ะ เพราะมีวัตถุประสงค์ และความคุ้มครองที่แตกต่างกัน วันนี้…เราจะมาสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้
พ.ร.บ.รถยนต์ (ประกันภัยภาคบังคับ)
พ.ร.บ. รถยนต์ คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ โดยมีกฎหมายบังคับให้รถยนต์ทุกคันจำเป็นต้องทำประกันตัวนี้ พ.ร.บ. รถยนต์ มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น (ไม่รวมการรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของคู่กรณี) และไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ของผู้ทำประกัน
หมายเหตุ :
- ผู้ขับขี่ที่กระทำละเมิด (ฝ่ายผิด) จะได้รับแค่ ความคุ้มครอง ค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น
- ผู้ประสบภัย หมายรวมถึง ผู้ขับขี่ที่ถูกละเมิด ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก
- จำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น (ตามตารางข้อ 1) เป็นส่วนหนึ่งของจำนวนเงินคุ้มครองผู้ประสบภัย (ตามตารางข้อ 2)
ประกันรถยนต์ (ประกันภัยภาคสมัครใจ)
ประกันรถยนต์ เป็นประกันภัยภาคสมัครใจ ที่เสนอโดยบริษัทประกันภัยเอกชน มีความคุ้มครองที่กว้างกว่า พ.ร.บ. เป็นการประกันภัยเพื่อคุ้มครองความสูญเสียหรือเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถ ทั้งความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดแก่ รถยนต์ หรือความเสียหายที่รถยนต์ได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมทั้งบุคคลที่โดยสารอยู่ในรถยนต์ เป็นการเลือกซื้อความคุ้มครองประกันภัยตามความต้องการของผู้ซื้อโดยไม่มีผู้ใดบังคับ ซึ่งประกันรถยนต์ภาคสมัครใจนี้จะรับผิดชอบต่อความเสียหายส่วนที่เกินจากความรับผิดชอบของประกันรถยนต์ภาคบังคับ
ทั้งนี้ ในส่วนของจำนวนเงินที่คุ้มครองจะขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เลือก และเบี้ยประกันที่จ่ายไป
สรุปแล้ว ความแตกต่างระหว่าง พ.ร.บ. รถยนต์ และประกันรถยนต์ ที่ชัดเจนเลยคือ เรื่องของความคุ้มครองค่ะ ในส่วนของประกันภัย พ.ร.บ. รถยนต์ จะให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัย หมายถึง ประชาชนทุกคนที่ประสบภัยจากรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คนเดินเท้า หากได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถก็จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. นี้เท่านั้น ซึ่งหากเรามีแต่ พ.ร.บ. รถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่จะต้องรับภาระในส่วนของค่าซ่อมรถเองทั้งหมด
ดังนั้น สำหรับผู้ใช้รถทุกคน นอกจากต้องมีประกันภัย พ.ร.บ. ควรต้องเลือกซื้อประกันรถยนต์เพิ่มเติม เพื่อป้องกันความเสี่ยงภัยที่จะเกิดขึ้นทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น และรถยนต์ที่คุณรักด้วยนะคะ