หลังจากที่รถยนต์ไฟฟ้าล้วน
ORA Goodcat GT ราคา 1,286,000 บาท เปิดตัวมาพร้อมกับราคาที่อาจดูสูงแต่ น้องเหมียว GT คันนี้มีออปชั่นและสมรรถนะที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่มากมาย และสิ่งหนึ่งที่รู้สึกว่าเจ้าเหมียวตัวนี้มีกำลังเพิ่มเป็น 171 พีเอส และแรงบิด สูงสุดถึง 250 นิวตัน-เมตร สเปคเคลมไว้ที่ 500 กม. แต่เมื่อชาร์จเต็มตัวเลขบนมาตรวัด 501 กม.!
เน้นแรงแต่วิ่งได้เยอะไม่แตกต่าง
ORA Goodcat GT นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่อัปเดตพลังให้แรงตามคอนเซปต์สปอร์ต และยังมาพร้อมกับระบบ Launch Control เรื่องความแรงนั้นไว้ใจได้ด้วยแรงบิดระดับนี้ ยิ่งโหมดสปอร์ตยิ่งขับสนุก เหยียบเพียงเบาๆ ก็พร้อมกระชากหัวคนขับให้ง่ายได้ทันที อันนี้ไม่ได้อวยนะครับ เพราะว่าการปรับตั้งระบบคันเร่งของโหมด Sport ต้องการเรียกพลังให้มาได้มาก มาเร็วที่สุด จึงมีอาการกระชากแรงเป็นธรรมดาครับ
ส่วนในโหมดอื่น ๆ ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก เช่น Eco ก็จะขับแบบเนิบ ๆ เรื่อย ๆ แต่หากกดคันเร่งมาก ๆ แม้จะตอบสนองช้ากว่าโหมดอื่น ๆ แต่ก็สามารถเร่งได้ทันใจเช่นกัน รวมถึงโหมด Normal ที่ขับแล้วคล้ายกับรถสันดาปมากที่สุด ตอบสนองคันเร่งเร็วกว่า Eco อีกนิดนึงครับ และในโหมด AUTO ที่ส่วนตัวไม่ค่อยรู้สึกแตกต่างมากนัก แต่เป็นโหมดที่จะคำนวณทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับการขับขี่ให้อัตโนมัติ ทั้งช้า ขับประหยัด หรือจะเร่งแซง ก็จะแปรับแปรผันตามคันเร่งและพฤติกรรมผู้ขับขี่ได้เองเลยครับ
ช่วงล่างของรุ่น
GT นับว่าให้ความแน่นหนึบเกาะไม่โยนไม่โครงตัวเลย ออกไปทางแข็งด้วยซ้ำไปสไตล์รถสปอร์ตแท้ ๆ ซึ่งส่วนตัวชอบช่วงล่างแบบนี้มาก เพราะเวลาขับเร็วหรือการเข้าทางโค้ง หรือว่าจะเปลี่ยนเลนทำได้มั่นใจมาก ๆ พวงมาลัยที่แม้จะตั้งค่าให้เป็นแบบสปรอื๖หรือว่าหนักแต่ยังเบาอยู่นั้น เมื่อบวกกับช่วงล่างนี้นับว่าลงตัวมาก ๆ ครับ ในขณะขับผ่านคอสะพานที่ความเร็วสูง ๆ เมื่อลอยขึ้นไปและยุบตัวลงมาทำได้ดีไม่จุก ไม่ร่อนและยังนิ่งอีกด้วย สามารถโยกและหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินช่วงล่างนี้เอาอยู่สบาย ๆ
ส่วนระบบเบรกที่แน่นเต็มเท้าใช้น้ำหนักไม่มากก็เบรกได้ดีและไม่ค่อยเจออาการเฟสเมื่อใช้เบรกที่ความเร็วสูง ๆ ครับ เรื่องสมรรถนะโดยรวมแล้วกล้าฟังธงได้เลยว่า ในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยตอนนี้กับราคาใกล้เคียงกันนั้น Goodcat GT นับเป็นรถที่ขับดีที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ แต่.....! ความเร็วปลายถูกตอนเอาไว้ให้เซฟฯ มอเตอร์ไฟฟ้าเพียง 156 กม./ชม. ซึ่งในการใช้งานจริงอาจมีไหลไปได้อีกนิด ๆ หน่อย ๆ ครับ แต่ก็ไม่ควรใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด แต่เน้นการใช้อัตราเร่งออกตัวหรือแซงก็เกินพอแล้วสำหรับไซน์นี้
ออปชั่นความสะดวกสบายเทียบรถหรู
สิ่งอำนวยความสะดวกสบายนั้นต้องบอกว่าเทียบเท่ารถหรูค่ายยุโรประดับ 2 - 3 ล้านบาทเลยทีเดียวครับ โดยจะขอแนะนำเพียงสิ่งที่ได้ลองใช้งานในระหว่างทดสอบและสิ่งที่มีความชอบส่วนตัวและมีประโยชน์ในการขับขี่จริง ๆ ครับ เริ่มที่เบาะคนขับมีระบบบันทึกตําแหน่งคนขับล่าสุดก่อนดับรถพร้อมระบบ Welcome seat ทำให้เข้าออกสะดวกมากสำหรับคนใหญ่ใหญ่ ๆ ที่ต้องเข้ารถในที่แคบ ๆ ติดเพียงเรื่องพวงมาลัยปรับระยะใกล้ไกลไม่ได้ ได้เพียงขึ้นหรือลงเท่านั้น ทำให้ท่านั่งสำหรับคนขายาว ๆ จะต้องโน้มตัวไปด้านหน้า หรือจำเป็นต้องเลื่อนเบาะเข้าใกล้พวงมาลัย ซึ่งก็ทำให้ขางอมากเกินไป ดีนะที่มีระบบนวด.....
เบาะมีระบบนวดที่ต้องบอกว่าช่วยผ่อนคลายได้เยอะในระหว่างขับขี่ทางไกลหรือนั่งในรถนาน ๆ ถัดมาเป็นการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนที่รวดเร็วมาก ๆ แค่เชื่อมต่อ USB ก็ขึ้นทันทีไม่ถามไม่ต้องขออนุญาตอะไรเลยทำให้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังมี ที่วางแก้วน้ำ กล่องใส่ของคอนโซลกลางขนาดใหญ่ แท่นชาร์จไร้สาย ระบบกล้องมองรอบคันที่เพิ่มมุมมองด้านข้างบริเวณล้อหน้าซ้ายและขวาเมื่อเปิดไฟเลี้ยวนับว่าดีสำหรับการเลี้ยวในที่แคบและมองไม่เห็นขอบด้านข้าง ๆ และกล้องในมุมด้านบนที่ช่วยให้การถอยจอดหรือเดินทางหน้าจอดใกล้ขอบทางง่ายขึ้น
ระบบช่วยจอดที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มือใหม่สบายใจจอดได้ทั้งแบบขนานริมถนน จอดเข้าช่องแบบตรงและเข้าช่องจอดแบบเฉียง และยังมีระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติจําเส้นทางระยะ 50 เมตรล่าสุดที่ขับมาใน เกียร์ D ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. แต่ส่วนตัวเแล้วไม่ค่อยได้ใช้งานเพราะมีขั้นตอนเยอะ และจะช้ากว่าการถอยหลังจอดเองครับ
ที่ต้องปรับตัวในการขับ Goodcat GT
ต้องฝึกใช้คันเร่งและเบรกให้เข้าใจธรรมชาติของน้องแมว และฝึกใช้คำสั่งเสียงสั่งการทำงานต่าง ๆ แทนการเข้าเมนูหน้าจอที่อาจใช้ยากเข้าหลายจอ ควรมีปุ่มหรือสวิตช์เพิ่มเติมขึ้นมากให้กดได้ทันทีเช่น การตั้งค่าเปิด-ปิดระบบตัวช่วยระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบต่างเหล่านี้ (มีในรถไฟฟ้าหลายรุ่น) ยังไม่เหมาะกับสภาพการจราจรในไทย เพราะเมื่อมีรถเบียดรถแทรกหรือต้องการแค่เบี่ยงหลบหลุม ฝาท่อ ตลอดจนเบี่ยงหลบการทำถนน กั้นแบริเออร์แนวก่อสร้างรถไฟฟ้า ระบบจะคอยดึงกลับตลอดเวลาทำให้ผู้ขับต้องคอยสู้และขืนตลอด ดังนั้นหากขับขี่ในการจราจรหนาแน่นจึงจำเป็นต้องปิด และบนหน้าจอก็ควรมีสวิตช์ให้เห็นง่าย ๆ ชัดเจนเพื่อเวลาขับขี่ไม่จำเป็นต้องมองหน้าจอครับ
สวิตช์เกียร์หมุนที่เป็นแบบฟรีตลอดทำให้พอปรับตำแหน่งเกียร์แล้วเหมือนกับว่ายังไม่ตรงตำแหน่งสักทีต้องคอยมองตลอดเวลาครับ เพราะเคยเจอจังหวะถอยหลังเสร็จแล้วปรับเดินหน้าจาก R-D แล้วไม่ค่อยเปลี่ยนตามเรียกว่าเกือบจะถอยต่อไปชนสิ่งของเลยครับ
กระจกมองหลังปรับลดแสงด้วยมือและใบปัดน้ำฝนหลังไม่มี เวลาฝนตกมีละอองน้ำกระเด็นขึ้นมามองยากแทบไม่เห็น ต้องใช้กระจกมองข้างเป็นหลัก และอีกอย่างที่จำเป็นเช่น การจดจำค่าใช้งานต่าง ๆ ที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ เพราะจะต้องเข้าเมนูไปตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่ดับและสตาร์ตใหม่ ทำให้ยุ่งยากและเสียเวลาพอสมควรครับ
ระยะทางที่เคลมไว้ 500 กม.ต่อการชาร์จที่ค่อนข้างแม่นยำและใกล้เคียง เพราะเมื่อชาร์จเต็ม 100% ระยะทางบนมาตรวัดอยู่ที่ 501 กม. แถมมาอีก 1 แบบงง ๆ และเมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ ระดับแบตเตอรี่ลดลงอยู่ที่ 37% ระยะทางที่วิ่งได้คงเหลือคือ 145 กม. ถือว่าระยะทางที่ใช้ไปจริง ๆ คือ 356 กม. (โดยประมาณ) ขึ้นกับสภาพการจราจรและการขับขี่แต่ละบุคคลด้วยครับ สรุปว่าแม้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น และขับในสไตล์ซิ่ง ๆ สลับปกติบ้าง ระยะทางก้จะใกล้เคียงเดิมมาก ๆ แต่สุดท้ายการใช้งานจริงก็ยังต้องหักลบเผื่อระยะทางออกไปราว ๆ 50 - 80 กม. เพื่อให้เหลือแบตเตอรี่ในระดับที่ปลอดภัยที่ไม่ต่ำกว่า 30% เพื่อยืดอายุการใช้งานให้น้องแมวยาวนานขึ้นครับ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟฟ้าจากที่เดินทางไปบางแสนจากกทม.ย่านรามอินทรา-วัชรพล ไปกลับรวมกว่า 227 กม. ก่อนเดินทางชาร์จไฟไว้ 95% ระยะทางวิ่งได้บนจอ 476 กม. เมื่อกลับเข้าเขตกทม. และแวะชาร์จไฟฟ้าที่ EVstation ถนนสุขาภิบาล 5 แบตเตอรี่คงเหลือ 37% กับระยะทาง 150 กม. (ลืมถ่ายรูปเอาไว้) เป็นเงิน 155.59 บาท เท่ากับว่าทริปนี้วิ่งไป 227 กม. รวมจอดรอจอดนั่งเล่นในรถอีกหน่อยจ่ายเพียง 155.59 เท่านั้น!! คุ้มเวอร์มาก
หมายเหตุ ไปถึงก่อนเวลาจอง จึงชาร์จครั้งแรกสิบกว่านาที ตู้ตัด และทำการชาร์จใหม่อีกครั้ง และหยุดชาร์จที่ 80% ได้ระยะทาง 400 กม. พอดิบพอดี
ส่วนสายชาร์จฉุกเฉินนั้นใช้งานง่าย แต่ต้องเสียบตรงกับเต้ารับเท่านั้น หรือปลั๊กพ่วงต้องมีขนาดรองกำลังไฟฟ้าได้ดี และมิเตอร์ไฟฟ้าควรเกิน 15/45 แอมป์ขึ้นไป ระยะทางเวลาในการใช้ชาร์จราว ๆ 8 ชม. แล้วแต่ว่าเหลือไฟในแบตเตอรี่เท่าไหร่
สรุป Goodcat GT น่าใช้ไหมราคานี้
หากคุณต้องการขับรถยนต์ไฟฟ้าสไตล์สปอร์ตที่ให้สมรรถนะเทียบเท่ารถสปอร์ตหรู ออปชั่นจัดเต็ม ระบบความปลอดภัยเกินตัว วิ่งได้ระยะทางมากไม่แตกต่างจากสเปคที่ระบุ แถมด้วยความน่ารักสดใสที่ใคร ๆ เห็นต้องทักว่า "รถอะไรน่ารักจัง"
ORA Goodcat GT นับเป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามไปเลยครับ แต่ถ้าต้องการรถครอบครัวหรือ ไม่ชอบความสปอร์ตในแบบเด้ง ๆ แน่น ๆ หนึบ แนะนำให้ย้อนกลับไปดูรุ่น
400 PRO หรือ
500 ULTRA ก็ย่อมได้ครับ