โดยปกติประกันภัยรถยนต์ที่จะแถมมากับการซื้อรถยนต์นั้นมีบางส่วนที่สามารถต่อรองกับพนักงานที่ปรึกษาการขาย (เซลล์นั่นแหละ) ว่าเรามีความต้องการจะใช้บริษัทประกัน A นะ แต่ในบางรายก็มีการแจ่งกลับมาว่าได้เป็นบริษัท B หนักสุดก็รับปากว่าได้บริษัท A แต่พอไปรับรถ เอ้า ไหงเป็นบริษัท B เรียกว่าาไม่ตรงปกซะงั้น ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา แล้วพอเข้าสู่ช่วงปีที่ 2 แล้วจะต่อประกันเดิมดี หรือจะเปลี่ยนไปใช้บริษัทที่ชอบดีละ
ก่อนอื่นทันทีที่ซื้อรถทุกคัน (ป้ายแดง) ทางผู้ขายก็จะแถมประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มาให้อยู่แล้ว แต่พอผ่านไปเจ้าของรถอาจจะพยายามลดค่าใช้จ่าย ด้วยการเปลี่ยนประกันชั้นที่มีราคาถูกลง ซึ่งควรจะพิจารณาหลายๆ ปัจจัย นอกจากอายุรถ, ประวัติการขับขี่ ฯลฯ มาประกอบการตัดสินใจ ทีนี้เราจะมาลองดูอายุรถกี่ปีควรซื้อประกันแบบไหนกันก่อน
- รถใหม่หรือรถที่มีอายุ 1-2 ปี: ด้วยอายุรถที่ยังไม่เยอะ จึงควรที่จะคงซื้อประกันชั้น 1 ไว้ เพื่อที่จะได้ครอบคลุมความเสียหาย, ค่ารักษาพยาบาล ของตัวคุณและบุคคลที่ 3 เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- รถที่มีอายุ 3-5 ปี: ในรถกลุ่มนี้ ประกันชั้น 1 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็มีช่องทางลดค่าใช้จ่ายหากคุณมีประวัติที่ดี (ไม่เคลม หรือเคลมเพียงเล็กน้อย) ก็อาจจะเลือกเปลี่ยนชั้นประกัน เป็นชั้น 2, 2+ ไปจนถึง 3, 3+ ที่จะมีค่าเบี้ยที่ลดลงแต่ก็มีสัดส่วนในการครอบคลุมความเสียหายลดหลั่นลงไป
- รถที่มีอายุมากกว่า 5 ปี ขึ้นไป: เมื่อมาถึงจุดนี้ ประกันชั้น 3 หรือ 3+ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะตัวรถที่มีอายุขนาดนี้ทำให้ค่าเรียกเก็บเงินจากประกันในกรณีของอุบัติเหตุลดลง ดังนั้นการเลือกทำประกันชั้น 1 หรือประกันที่แพงเกินไปอาจไม่คุ้มค่า แต่ก็ยังคงต้องการความคุ้มครองเผื่อเกิดอุบัติเหตุเหมือนเช่นเดิม
แต่นอกจากอายุของรถแล้ว การเลือกประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ มาประกอบ เช่น
- ราคาค่าเบี้ย: ก่อนตัดสินใจว่าจะต่อประกันภัยกับเจ้าเดิม หรือเปลี่ยนบริษัท ควรทำการเปรียบเทียบราคาค่าเบี้ยเพื่อดูว่า บริษัทไหนคุ้มที่สุด แต่ก็ต้องศึกษารายละเอียดให้ดีๆ บางอย่างถูกแล้วดีก็ไม่มีจริง เพราะราคาที่ลดลงอาจต้องแลกกับความคุ้มครองที่ลดลงไปด้วย
- ความคุ้มค่า: การทำประกันกับบางบริษัทอาจมีความคุ้มค่าสูงเมื่อคุณเป็นลูกค้ามานานแล้ว, ตรวจสอบข้อเสนอความคุ้มค่าของการประกันรถยนต์ว่าครอบคลุมความเสียหายและเงื่อนไขการเรียกเก็บเงินแบบใด
- บริการหลังการขาย: การเลือกซื้อประกันก็ควรเลือกที่มีบริการหลังการขายที่ดี ทั้งในเรื่องการชดเชยความเสียหาย และการให้บริการในกรณีฉุกเฉิน
- ความเสี่ยง: ดูจากพฤติกรรมการขับขี่ ว่ามีความเสี่ยงมากหรือไม่ ใช้รถในเวลาไหนเยอะ (กลางวัน, กลางคืน)
- ค่าซ่อม: ตัวรถของคุณที่ทำประกันภัยนั้นมีราคาอะไหล่ ค่าซ่อมบำรุงแพงหรือไม่ ถ้าแพงการมีประกันภัยไว้ก็ถือว่า "มีไว้อุ่นใจกว่า"
- เงินในกระเป๋า: เงินในกระเป๋าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนจ่ายได้สบายๆ แต่บางคนมีภาระการเลือกประกันชั้นที่ถูกกว่าจึงเป็นทางเลือกทางรอด
ดังนั้น คำตอบของคำภามที่ว่า ใช้รถ SUV ปีที่ 2 แล้ว ควรต่อประกันรถชั้น 1 ไหม? ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ, สภาพของรถ และปัจจัยในกระเป็าของคุณ แคชต่ถ้ามันไม่หนักเกินไปการต่อประกันชั้น 1 จะมีความคุ้มครองที่ดีกว่าแบบอื่นๆ ถึงแม้จพมีราคาค่าเบี้ยสูงกว่าประกันชั้นอื่น ๆ และที่สำคัญที่สุดต้องดูสภาพรถและการใช้งาน ถ้ารถยังใหม่และไม่มีปัญหาใด ๆ อาจไม่จำเป็นต้องเสียเงินในการต่อประกันรถชั้น 1 แต่ถ้ารถมีปัญหาหรือคุณใช้งานรถในสภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ การต่อประกันชั้น 1 อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด นั่นเองครับ