
รีวิว All new Honda CR-V e:HEV รุ่น ES ขับเคลื่อนล้อหน้ากับราคา 1,589,000 บาท แพงไปไหม มีออปชั่นครบเทียบรุ่น RS หรือไม่ และรุ่น ES นี้ จะตอบสนองการใช้งานได้มากน้อยแค่ไหน มาไขข้อสงสัยให้ชัด ๆ และคุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายหรือไม่? ต้องดูครับ
.jpg)
All Honda CR-V e:HEV ES นับเป็นรถอเนกปนะสงค์แบบ 5 ที่นั่ง เนื่องจากเป็นระบบฟูลไฮบริดจึงมีแบตเตอรี่อยู่ส่วนท้าย ทำให้ไม่สามารถติดตั้งเบาะแถวที่ 3 ได้ CR-V ที่เป็นไฮบริดทั้งหมดจึงกลายเป็นรถ 5 ที่นั่งเท่านั้น โดยระบบฟูลไฮบริดหรือ e:HEV ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบยซิน 4 สูบ 16 วาล์ว 2.0 ลิตร Direct injection Atkinson-Cycle ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พลังรวมทั้งระบบ 207 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร ทำหน้าที่เป็นชุดปั่นไฟกลับเข้าแบตเตอรี่และมอเตอร์ขับเคลื่อน ระบบเกียร์ E-CVT ขับเคลื่อล้อหน้า พร้อมโหมด 3 การขับขี่ ECON, NORMAL และ SPORT
.jpg)
ภายนอกภายใน
Honda CR-V ใหม่ถือว่าออกแบบได้สวยลงตัวและมีความเป็นยุโรปมาก ๆ โดยเฉพาะส่วนหน้ายาวและท้ายที่มีความยาวมากขึ้น เหมือนกับถูกยืดตัวออก ทำให้ดูสมส่วนลงตัว แต่ใครจะมองว่าเหมือนหรือดูคล้ายอะไรนั้นคงจะห้ามยากนะครับ มาต่อที่ไฟหน้าแบบ Full-LED พร้อมระบบเปิด-ปิดกับรับบเปิด-ไฟสูงต่ำอัตโนมัติและไฟตัดหมอก LED กระจังหน้าสีดำแบบ Piano Black
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
หลังคาพาโนรามิกรูฟ บนกระจกบังลมหน้าติดตั้งระบบตรวจจับความปลอดภัย HONDASENSING กระจกมองข้างมีกล้องจับภาพรอบทิศทาง ล้ออัลลอย 18 นิ้ว สีดำเงา สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกและปลายท่อคู่ (หลอก) ส่วนไฟท้าย Full LED รูปทรงแบบตัว "แอล" และลายในช่องไฟก็เป็นตัว "แอล" เรียงติดกัน ไฟถอยก็เป็น LED อีกด้วย ทำให้สวยและดูทันสมัยมากขึ้น
.jpg)
.jpg)
สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close) เสาอากาศครีบฉลาม
.jpg)
.jpg)
ภายในหรูหรามากกว่ารุ่นก่อนหน้าเหมือนยกคอนโซลหน้า พวงมาลัย หัวเกียร์จาก CIVIC e:HEV มายังไงอย่างงั้น แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยให้เข้ากับรถอเนกประสงค์เรือธงคันหรุมากขึ้น พวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและระบบครุซคอนโทรล มาตรวัดแบบจอสี TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ที่เลือกรูปแบบการแสดงได้ 4 แบบย่อย ๆ เช่น แบบมาตรวัดกลม 2 ฝั่ง หรือจะเท่ ๆ แบบมาตรวัดเครื่องบินก็ได้ และตกแต่งด้วยแผงลายไม้อันหรูหรา
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
หัวเกียร์หุ่มหนังที่ฐานเกียร์ที่เป็นวัสดุดำด้านไม่สะท้อนตาเวลาเจอแดดส่องตรง ๆ และมีปุ่มปรับโหมดขับขี่, ปุ่มระบบเบรกไฟฟ้าและ Auto hold ส่วนด้านในมีช่องวางของและอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบเครื่องเสียงความบังเทิงจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และรองรับ Android Auto ต้องเสียบสาย พร้อมรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ในรุ่น ES นี้ยังเป็นลำโพงธรรมดาที่ให้พลังเสียงออกกลาง ๆ และแหลม มีทุ้ม ๆ บ้าง แต่ไม่เยอะมาก แม้จะยังไม่ใช้ระบบ BOSE เหมือนในรุ่น RS แต่ก็พอฟังได้สบาย ๆ ครับ
.jpg)
.jpg)
.jpg)
บนมาตรวัดยังสามารถเลือกดูระยะทาง A/B อัตราสิ้นเปลือง โฟว์ชาร์จการทำงานของระบบ Fully Hybrid และแสดงสถานะความปลอดภัยเมื่อใช้งาน HondaSENSING เช่น ระบบ Adeptive Cruise control ระบบเตือนและรักษารถในอยู่ในเลยดึงกลับ เป็นต้น
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ในส่วนจอความบันเทิงตรงกลางยังมีลูกเล่นมากมายเช่นเดิมนั่นคือ แสดงการทำงานระบบฟูลไอบริด ตั้งค่าต่าง ๆ ตั้งภาพพื้นหลังและสามารถเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนเพื่อโหลดภาพถ่ายเข้าไปเป็นพื้นหลังได้อีกด้วยครับ
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกปรับอุณหภูมิซ้ายและขวา มีช่องลมตอนหลัง เย็นฉ่ำทั้งคันแม้แดดแรงและหลังคาแก้วก็ยังเย็นสบาย ช่องวางแก้วน้ำ 2 ใบคอนโซลกลาง ที่ข้างประตู้ก็สามารถวางแก้วหรือขวดน้ำได้ และผู้โดยสารตอนหลังก้มีที่วางแก้ว 2 ตำแหน่งเมื่อกางเท้าแขนลงมา และยังมีข้างแผงประตูอีกด้วย
.jpg)
.jpg)
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมระบบดันหลัง และบันทึกได้ 2 ตำแหน่ง ชุดควบคุมกระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน เบาะข้างคนขับก็ปรับไฟฟ้า แต่ไม่มีบันทึก ส่วนแผงประตุที่เท้าแขนฝั่งซ้ายก็มีปุ่มเปิด-ปิดล็อคประตูมาให้เช่นเดิม
.jpg)
.jpg)
เบาะตอนหลังขนาดใหญ่นั่งสบายเต็มตัว ปรับเอนได้ 3 ระดับ และพับแบน (เกือบราบ) เพื่อขนของได้สะใจ แต่จุดที่ยังคาใจคือ เมื่อต้องการพับเบาะเพื่อจะนั่ง เบาะกลับตั้งตรงจนนั่งลำบาก ต้องคอยปรับเอนเพิ่มเติมอีกครั้ง เรียกว่าพับกลับคืนไม่ได้ในทีเดียว ต้องปรับเอนอีกรอบ แต่อาจจะทำเอาไว้เพื่อใครต้องการขนสิ่งของลักษณะกล่องเหลี่ยม ๆ ขนาดใหญ่ที่ต้องปรับเอนเบาะมาด้านหน้ามาก ๆ ดังนั้นท่านั่งก็จะคล้ายกับรถกระบะแค็ปเลยครับ
.jpg)
บนเพดานตอนหน้ามีไฟเก๋ง LED กล่องใส่แว่นตา กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ที่บังแดดพร้อมกระจกส่องทั้ง 2 ฝั่งแต่เป็นไฟสีส้มธรรมดา ส่วนตอนหลังมีไฟ LED 2 ตำแหน่ง และในส่วนหลังคาแก้วนั้นเมื่อเปิดสุดจะยาวจนถึงผู้โดยสารตอนหลัง แต่ก็ไม่มีผลกระทบกับแสงแดดมากนักยังมีส่วนหลังคาทึบในช่วงศีรษะ ทำให้ไม่ร้อนหัวเวลาเปิดม่านบังหลังคา
.jpg)
สมรรถนะและทดลองขับ
All new CR-V ใหม่ คันใหญ่ยาวขึ้น แม้จะดูใช้งานลำบาก แต่เมื่อขับแล้วกลับสะดวกสบายคล่องตัว น้ำหนักพวสงมาลัยที่เบา ควบคุมง่ายในความเร็วต่ำ และความเร็วสูงก็ให้ความหนืดกำลังดี มุมมองด้านหน้าโปร่งสบายตา มองง่ายแม้รถจะสูง กระจกมองข้างขนาดใหญ่มองได้ชัดเจนแต่ไกล ช่วยให้ดูรถที่กำลังขับมาข้าง ๆ ได้แม่นยำมากขึ้น กระจกมองหลังกว้างด้วยส่วนกระจกหลังที่มีขนาดใหญ่โปร่งทำให้มองง่ายไม่บังและลดมุมอับสายตาได้เยอะ
.jpg)
.jpg)
.jpg)
เมื่อนั่งขับขี่ตัวเบาะนั่งสบายแอบแน่นกระชับลำตัวแต่ก็ไม้อึดอัด แต่อาจจะต้องปรับเบาะและพวงมาลัยใกล้-ไกล-ขึ้น-ลงให้เข้าที่กับแต่ละบุคคล ซึ่งส่วนตัวผมนั้นยอมรับว่าปรับอยู่หลายครั้งกว่าจะลงตัวและนั่งสบายที่สุด แป้นคันร่งและเบรกอาจมีระยะสูง-ต่ำมากหน่อย แต่ยังดีที่มีความห่างพอสมควร จึงไม่ลำบากเวลาจะยกปลายเท้าเปลี่ยนจากคันเร่งมาที่แป้นเบรก
.jpg)
น้ำหนักคันเร่งตอบสนองไวมาก และตัวระบบเครื่องยนต์ไฮบริดก็เร่งได้ทันใจตามระยะที่กดคันเร่งทันทีเนื่องจากการทำงานของ Fully Hybrid ของฮอนด้านั้นจะเน้นการใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวเริ่มต้นเสมอ ก่อนที่เครื่องยนต์จะเริ่มเข้ามาช่วเสริมกำลัง แต่ถ้าต้องการกำลังมาก ๆ หรือกดคันเร่งแบบ "คิกดาวน์" ก็จะทำงานร่วมกัยเพื่อให้ได้กำลังสูงสุดจากแรงม้าราว ๆ 200 กว่าตัว และแรงบิดที่ 335 นิวตันเมตร
.jpg)
ดังนั้นการขับเจ้ารถถังคันใหญ่ CR-V ใหม่นี้จะสนุก มันและเร่งทันใจมาก ๆ ต่างจากรถยนต์ไฮบริดทั่วไป เพราะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนก่อน จึงมีอาการรอรอบน้อยและสามารถตอบสนองตามคันเร่งได้ทันทีเลยครับ แต่ว่าแม้จะเร่งได้ทันใจ ก็ไม่ถึงกับแรงเหมือนรถสปอรื์ต ยอมรับว่าขุมพลังนี้เมื่อมาอยู่ใน CR-V ก็จะมีความอืดกว่าใน CIVIC e:HEV ครับ แต่ก็แรงกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร แน่นอน เผลอๆ อาจจะขับสนุกกว่ารุ่นดีเซลที่เคยมีก็ได้ครับ
.jpg)
ระบบช่วงล่างที่เน้นความสบายนุ่มนวลและไม่โยนไม่โคลงเวลาเข้าโค้ง และยังควบคุมทิศทางได้แม่นยำ เกาะหนึบมั่นใจ พวงมาลัยคมกระชับ และยังมีวงเลี้ยวที่แคบมากเพียง 5.5 เมตร แคบกว่าใน CIVIC e:HEV RS ที่มีวงเลี้ยว 5.7 เมตร ด้วยซ้ำไปครับ
อัตราสิ้นเปลืองน่าประทับใจ
อัตราสิ้นเปลืองจากโรงงาน 20.8 กม./ลิตร ถือว่าใกล้เคียง และในบางครั้งที่มีสภาพจราจรแตกต่างกันไป อาจทำได้ถึง 21 กม./ลิตร ซึ่งหลังจากที่ใช้งานมา 5 วัน ทั้งขับขี่ในเมือง เจอรถติดวันฝนตกหนักและขับออกต่างวจังหวัด ได้ค่าเฉลี่ยนทั่วไปที่ 15 - 19 กม./ลิตร นับว่าดีมากสำหรับรถระดับนี้ครับ ซึ่งจากที่นำมาทดสอบนั้น แม้ว่าจะจอดแช่ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองบนมาตรวัดยังไม่เคยต่ำกว่า 14 กม./ลิตรเลยด้วยซ้ำ แถมรองรับน้ำมันได้ถึง E85 อีกด้วย ขอยืนยันว่า "ประหยัดเวอร์" เกินคาดไว้จริง ๆ ครับ
.jpg)
.jpg)
.jpg)
HondaSENSING สมูทนุ่มนวลแม่นยำเช่นเคย
ระบบความปลอดภัย HondaSENSING ยังทำงานได้ครบถ้วนและนุ่มนวลเช่นเดิม อย่างระบบเตือนพร้อมเบรกอัตโนมัติที่จะมีการแจ้งเตือนในระยะไกล ๆ ก่อนหากตรวจจับตรวจได้ว่าความเร็วคันด้านหน้าช้ากว่า ระบบก้เตือน และถ้าคนขับยังไม่มีการตอบสนองเมื่อถึงระยะสุดท้ายก้จะเบรกให้ทันที
.jpg)
ส่วนระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลนที่สามารถควบคุมทิศทางรถให้อยู่ตรงกลาง โดยไม่มีอาการส่ายไปมา และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมดึงกลับก็ทำงานได้ฉับไวและไม่กระชากอีกด้วย โดยรวมแล้วระบบทำงานได้สมูทและนุ่มนวลกว่าระบบเดียวกันในรถหลาย ๆ รุ่นที่เคยทดลองมาครับ
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ของใหม่! นอกจากนี้ยังมี "กล้องมองรอบคัน" มาตามคำเรียกร้อง! และปรับมุมมองได้หลายแบบอีกด้วย แถมคมชัดมาก แต่สำหรับภาพจากกล้องแสดงภาพด้านข้างแบบเดิมนั้นก็ยังไม่คมชัดเท่าไหร่ แตก็ดีขึ้นกว่าในรุ่นก่อนหน้า แถมด้วยเซ็นต์เซอร์กะระยะ หน้า 2 หลัง 2 รวมเป็น 4 จุด เพื่อความมั่นใจและระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน ช่วยหน่วงหรือชะลอความเร็วให้ช้าลงเพื่อความปลอดภัย และยังมีระบบไฟส่องด้านข้างขณะหักเลี้ยวอีกด้วย
.jpg)
สรุปความคุ้มค่ากับราคา 1,589,000 บาท
Honda CR-V e:HEV ES ยอมรับว่าราคานี้อาจดูสูง แต่ถ้าคำนวนดูจากรุ่นก่อนหน้านี้ก็ต่างกันไม่มากระหว่าง 1.4 - 1.6 ล้านบาท แต่ในรุ่นนี้ได้ความใหม่ทั้งคัน เทคโนโลยีครบถ้วน แถมได้ความแรงขับสนุกและประหยัดแบบไฮบริด แม้ในรุ่น ES จะขับเคลื่อนล้อหน้า แต่ถ้าใช้งานทั่วไปในเมืองนอกเมืองและไม่เน้นชุดแต่ง RS หรือว่ากุญแจแบบการ์ด หรือล้ออัลลอย 19 นิ้วและละก็ CR-V e:HEV ES ก็เป็นรุ่นที่น่า เสียเงินมากที่สุดครับ นอกจากนี้ยังรับประกันระบบไฮบริดกับแบตเตอรี่ไปอีก 10 ปี
.jpg)

เขียนโดย
สินธนุ จำปีศรี
CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่