การซื้อ
ประกันรถยนต์ ถือเป็นการซื้อความคุ้มครอง เพื่อช่วยบรรเทาความสูญเสีย หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถ ทั้งที่เกิดแก่รถยนต์ บุคคลผู้ใช้รถ รวมถึงบุคคลภายนอก ซึ่งการ
ประกันรถยนต์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การประกันรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และการประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (
สามารถดูรายละเอียดของประกันรถยนต์แต่ละแบบเพิ่มเติมได้ที่นี่) โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงประกันภาคสมัครใจ หรือประกันรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3 ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้วนั่นแหละค่ะ ว่าถ้าหากเรามีงบจำกัด เราควรเลือกประกันรถยนต์แบบไหนดี และมีปัจจัยอะไรบ้างที่ควรพิจารณาประกอบการตัดสินใจ
ก่อนอื่นเราควรศึกษาข้อมูลก่อนว่าประกันภัยแบบไหน คุ้มครองอะไรบ้าง
เมื่อทราบขอบเขตความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันภัยรถยนต์ชั้นต่างๆ แล้ว เรามาดูกันค่ะ ว่าถ้าเรามีงบจำกัด เราจะเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์โดยที่ควรดูจากอะไรบ้าง ดังนี้
1. เลือกชั้นประกันที่จำเป็น : โดยเราอาจกำหนดความต้องการประกันภัยให้ชัดเจน ว่าเราต้องการความคุ้มครองที่รวมถึงความรับผิดชอบต่อรถยนต์ บุคคลภายนอก หรือคุ้มครองเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งชั้นประกันที่เลือกก็ควรจะต้องสอดคล้องกับความต้องการนั้นๆ ในกรณีที่มีงบจำกัด เมื่อพิจารณาแล้วอาจเลือกชั้นประกันที่ครอบคลุม เช่น อาจเลือกกรมธรรม์ประกันรถยนต์ประเภท 2+ ที่ถึงแม้จะให้ความคุ้มครองน้อยกว่าการประกันรถยนต์ประเภท 1 และประเภท 2 แต่บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น และยังให้ความคุ้มครองสำหรับบุคคลภายนอก ซึ่งก็จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายลงได้ เป็นต้น
2. เปรียบเทียบราคา : หากต้องการซื้อประกันรถยนต์ ควรเริ่มค้นหา และเปรียบเทียบราคาของประกันรถยนต์จากบริษัทประกันต่างๆ เพื่อหาชั้นประกันที่เหมาะสม และคุ้มค่าที่สุดตามงบประมาณของเรา และอย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครอง และข้อยกเว้นของแต่ละแผนให้ดีก่อนตัดสินใจด้วยนะคะ
3. เลือกบริการเสริมเฉพาะที่จำเป็น : บางบริษัทประกันอาจมีการเสนอบริการเสริมเพิ่มเติม เช่น บริการช่วยเหลือถนน หรือความคุ้มครองทรัพย์สินภายในรถยนต์ เราสามารถพิจารณาว่าบริการเสริมดังกล่าวมีความจำเป็นหรือไม่ โดยหากเลือกไม่รับบริการเสริมอาจช่วยให้คุณประหยัดค่าเบี้ยประกันลงได้
4. ลดความเสี่ยงในการขับขี่ : การลดความเสี่ยงทางการขับขี่อาจช่วยลดเบี้ยประกันรถยนต์ได้ เช่น การปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างปลอดภัย และรักษาประวัติการขับขี่ที่ดี รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์เสริมในรถยนต์ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านความปลอดภัย เช่น กล้องติดรถยนต์ เซ็นเซอร์ต่างๆ เป็นต้น
5. ปรึกษา หรือขอคำแนะนำจากตัวแทน : ในกรณีที่เราไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกกรมธรรม์แบบไหนที่จะเหมาะสม เราอาจขอคำปรึกษาจากตัวแทนประกันภัย ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกประกันภัยที่เหมาะสมในงบประมาณของเราได้
การจะเลือกซื้อประกันรถยนต์เราสามารถเลือกซื้อประกันตามกำลังทุนทรัพย์ที่เรามี และตามประเภทความคุ้มครองที่เรายอมรับได้ เพื่อคุ้มครองกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด ทั้งต่อตนเอง ทรัพย์สิน หรือบุคคลอื่นที่จะได้รับผลกระทบด้วยนั้น ก็จะช่วยสร้างความอุ่นใจ เพราะเมื่อถึงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุจริงๆ อย่างน้อยก็ยังมีกรมธรรม์ประกันภัยที่คอยซัพพอร์ตในเรื่องความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้นะคะ :)