กูรูช้าง..บุกตะลุย Autoshanghai 2023 ​ พร้อมชมรถยนต์สุดล้ำจาก BYD​

กูรูช้างได้รับเกียรติ​ร่วมเดินทางชมโรงงาน​ผลิตและประกอบรถยนต์​ BYD​ โดยค่าย BYD ที่กำลังนิยมอย่างมากในไทยอย่างรุ่น​ ATTO 3​ จนวิ่งกันเต็มถนน​ ครั้งนี้ได้เข้าชมเทคโนโลยีการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนสุดท้ายนั่นคือการทดสอบ​ Crash​ test​ กันแบบจุกจุก​กับโรงงาน 2 แห่งทั้งที่เสิ่นเจิ้นและฉางซา พร้อมเข้าชมบูธ BYD ในงาน AOTO SHANGHAI 2023 จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ณ ประเทศจีน 

 

กว่า​ 28​ ปีที่​ BYD​ พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ในประเทศจีนจนขยายฐานส่งออกทั่วโลกและไม่ได้มีแค่รถยนต์​นั่ง​ แต่ยังมีการผลิตรถบัสสาธารณะ​ รถบรรทุก​ รถโฟลค์ลิฟท์ รถที่ใช้ในอุตสาหกรรมอีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน ATTO 3 ได้รับความนิยมมากในประเทศไมย และยังมีรุ่น Dolphin ที่เปิดตัวและราคาคาดการณ์แบบว้าว 799,999 บาท ให้ได้จับจองกันอีกด้วย

 

โรงงานที่กวางโจวนับเป็น​ Head​ Office​ ใหญ่ที่สุดมีทั้งส่วนของ​ Showroom Visit สำหรับต้อนรับคณะที่เกี่ยวข้องเยี่ยมชมเทคโนดลยีต่าง ๆ  ซึ่งในอนาเขตของที่นี่ใหญ่มาก โดยมีการสร้างรถไฟฟ้าหรือ Sky shutter​ หรือ​ Monorail ใช้ขนส่งพนักงานภายในโรงงานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไปยังตึกต่าง ๆ และในโรงงาน BYD ที่นี่มีโซนบ้านพักสำหรับพนักงาน นอกจากนี้ยังโรงงานผลิตประกอบส่วนงานของผลิต​ Battery factory แบบ lithium iron phosphate (LFP)  (ซึ่งถ้าเป็นแบตเตอรี่แบบ Blad Battery นั้นจะผลิตอีกเมืองหนึ่ง) และโรงงานแห่งนี้ก็มีแลปทดสอบการชนในหลากหลายสถารณการณ์ (Crash test lab)​ ในที่เดียวอีกด้วย 

 

BYD ไม่ได้มีโรงงานแห่งเดียวแต่มีตั้งอยู่ในหลายเมืองของประเทศจีนหนึ่งนั้นที่เป้นดรงงานเก่าแก่นั่นคือ ที่เมืองฉางซา ซึ่งเป็นดรงงานประกอบชิ้นส่วนรถรุ่น D1, T3, qin plus, song​ Max​ ส่วนอีกไลน์เน้น Denza​ D9​ โดยเฉพาะรวมทั้งหมดสามารถผลิตรถได้​ 56,000 คันต่อเดือน​หรือ​ 100​ คันต่อชม.เลยทีเดียวครับ ส่วนรุ่น Dolphin เปลี่ยนไปผลิตในโรงงานแห่งอื่น 

 

BYD เป็นรถยนต์ได้รับการสนับสนุกจากรัฐบาลจีน จึงตั้งชื่อรถเป็นไปตามราชวงค์จีน เช่น ฉิน, ซ่ง, ฮั่น และถัง เป็นต้น ภายในบูธ BYD ก้จะมีรถยนต์หลายรุ่น แต่ก็ยังมีรถที่ใช้ขื่อตามสัตว์น้ำเช่น Dolphin หรือ รุ่นใหม่น้องเล็กสุด Seagull 

 

DM-i เป็นระบบซูเปอร์ไฮบริด เครื่องยนต์ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลา 7.3 วินาที และสามารถวิ่งได้ไกลสุดทั้งระบบ 1,300 กม. (NEDC) และ  DM-p เป็นสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ให้ทั้งความแรง ประหยัดและการควบคุมที่เหนือชั่นกว่า

 

IGBT 6.0 ระบบชิพที่ทันสมัย ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แม่นยำ น่าเชื่อถือและลดการศูนย์เสียพลังงานได้มากขึ้น ส่วนระบบเชื่อต่อเครือข่ายอัจฉริยะ DiLink 4.0 (5G) ทำงานรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นด้วยการใช้ 5G พร้อมกับระบบเสียงจาก Dynaudio ที่มีฟังก์ชั่น "คาราโอเกะ" เต็มรูปแบบกับระบบเสียง HIFI  

 

 

โครงสร้างแบบ e-Platform สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ระบบส่งกำลังไฟฟ้าแบบ 8 in 1 ระบบระบายความร้อนและแบตเตอรี่แบบ CTB และมีการดิสเพย์ต่าง ๆ ให้ผู้ชมบูธได้เข้าใจถึงระบบการทำงานต่าง ๆ ของรถ BYD อีกด้วยครับ

 

 

สำหรับรถยนต์ BYD ที่นำมาจัดแสดงในงาน AUTO SHANGHAI 2023 นั้นส่วนมากได้นำมาโชว์ตัวและให้สื่อได้ทดสอบแล้วในประเทศไทย จะมีแค่ Seagull ที่คาดการณ์ว่าจะมา ๆ ๆ ไทย แต่ก็ยังไม่รู้ชะตากรรมว่ามาจริงไหม เพราะ Dolphin ก้ยังไม่เริ่มจำหน่ายจริงเสียทีมีแค่ให้จองก่อนทั้งที่ราคาก็ยังไม่เคาะแบบ 100% มีเพียงราคาคาดการร์เท่านั้น และในเรื่องของการดูแลบริการหลังการขายที่ยังไม่รวดเร็วพอ เนื่องจากมียอดส่งมอบรถที่โตขึ้นเกินที่กว่าที่เตรียมตัวไว้ ซึ่งทาง BYD โดย REVER ประเทสไทยได้รับทราบถึงปัญหาและกำลังเพิ่มศักยภาพในการดูแลลูกค้าให้รวดเร็วมากขึ้น 

 

ผลกระทบจากบริการหลังการขายที่ล้าช้าจากสื่บเนื่องจากการสต๊อกทั้งอะไหล่ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่เพียงพอตามเป้าที่กำหนดไว้ก่อนหน้านั้น แต่ก็ได้ไม่ต้องกังวลครับ เพราะทาง "Rever" มั่นใจและให้คำสัญญาว่าจะรีบแก้ไขโดยเร็วที่สุด ก่อนจะขายรถรุ่นใหม่ เพื่อให้ชาวไทยได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์คุณภาพอันดับ 1 ของจีนกันอย่างสบายใจ