รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน ต่างก็ออกแบบและติดตั้งระบบเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเหลือหรือช่วยเสริมให้การขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น ทั้งระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้าพร้อมกับช่วยเบรกอัตโนมัติ (ในบางรุ่นอาจไม่มีช่วยเบรก) ระบบเตือนรถออกนอกเลนและดึงกลับ ระบบเตือนวัตถุหรือสิ่งกีดขวาง และระบบที่เริ่มนำมาใช้มากขึ้นคือ ระบบเตือนมุมอับสายด้านข้างตัวรถ ระบบต่างเหล่านี้ทำหน้าที่ช่วยเหลือหรือทำให้เคยตัวกันแน่!
คนขับต้องชำนาญและไม่ประมาทก่อน!
ผู้ขับขับต้องมีพื้นฐานความคิดก่อนว่าใช้สติ สมาธิในการขับรถ โดยในยุคก่อนที่ยังมีไม่มีระบบเหล่านี้ ผู้ขับขี่ก้ยังสามารถควบคุมรถให้ปลอดภัยได้ แม้ว่าปัจจุบันรถรุ่นใหม่จะมีเข้ามาก็ตาม พื้นฐานความปลอดภัยย่อมมาจากผู้ขับขี่อยู่ดีครับ เช่น การเคารพกฎจราจร การใช้ความระมัดระวังไม่ประมาท ความไม่เห็นแก่ตัว และเมาไม่ขับ เป็นต้น ซึ่งต่อให้มีระบบช่วยเหลือขั้นเทพอย่างไร หากผู้ขับขี่ไม่ปฏิบ้ติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มี 500 ระบบก็อาจจะช่วยไม่ได้
สร้างนิสัยประมาทโดยไม่รู้ตัว?
พื้นฐานที่ควรมีอย่าง เช่น การเปิดไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวเข้าซอย แม้มีระบบเตือนออกนอกเลนและมีการสั่นที่พวงมาลัยรวมถึงช่วยดึงกลับ แต่ถ้าผู้ขับสนใจหรือปิดระบบเอาไว้ก็เปล่าประโยชน์ นอกจากนี้เทคโนโลยีบางระบบก้อาจทำให้ผู้ขับเคยชินและเกิดความประมาทโดยไม่รู้ตัว เพราะมีระบบคอยเตือน เช่น เบรกอัตโนมัติเมื่อจะชนด้านหน้า ที่ต้องการช่วยเหลือในเหตุฉุกเฉิน แต่ให้ขณะเดียวกันผู้ขับกำลังใช้โทรศัพท์หรือไม่มีสมาธิในการมองทางขณะขับรถ และคิดว่ามีระบบนี้แล้วไม่ต้องสนใจเป็นต้นครับ
วุ่นวายกับหน้าจอเกินไป
รถยนต์รุ่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ ส่วนมากจะต้องใช้งานสั่งการผ่านหน้าจอตรงกลางหรืออาจจะที่หน้าปัด ซึ่งบางครั้งผู้ขับจำเป็นต้องเปิด-ปิดหรือสั่งการระบต่าง ๆ เมื่อใช้งาน สมาธิจึงลดน้อยลงจนต้องละสายตาจากถนนเพื่อมาจดจ่อแต่ในหน้าจอนั้น ๆ คล้ายกับการดูโทรศัพท์มือหรือแท็บเล็ต และทำให้เกิดอันตรายได้ง่ายมากขึ้น
ในบางระบบจะต้องกดเข้าไปในเมนูที่ลึก ๆ มองหารยาก และรถยนต์ใหม่ ๆ เน้นการใช้งานหรือควบคุมบนจอเดียวตามกระแสนิยม (หรือลดต้นทุน) มากกว่าจะใช้สวิตช์หรือปุ่มที่แยกออกมาเหมือนรถยนต์สมัยก่อน การใช้งานจึงยากมากขึ้น ทั้งตัวหนังสือที่มองยาก การค้นหาฟังก์ชั่นต่าง ๆ ในแต่ละหน้าของเมนู รวมถึงแสงสว่างในยามค่ำคืนที่มากเกินไป การจดจ่อในหน้าจอขณะขับขี่ก้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เสียสมาธิ และอาจเกิดอุบัติเหตุได้
การที่รวมทุกระบบไว้บนจอเดียว เน้นความล้ำอนาคต ดีไซน์สวยหรู แต่ความจริงกลับยิ่งทำให้ผู้ขับเสียสมาธิได้ง่ายมากขึ้น เมื่อต้องการปรับลมแอร์ ก็ต้องกดหลายครั้งกว่าจะถึงเมนูระบบแอร์ หรือบางรุ่นต้องการเปลี่ยนรูปแบบและโหมดการขับขี่ก็ต้องเข้าเมนูลึก ๆ กว่าจะหาเจอกลับกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุทางอ้อมของการเบี่ยงเบนความสนใจการขับขี่แทน ซึ่งรถยนต์ควรมีการออกแบบสวิตช์สั่งการพื้นฐานให้ง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ควรจะมีเพียงบางระบบที่ไม่เกี่ยวข้องในขณะขับขี่เท่านั้นที่ต้องเข้าไปกดเลือกในเมนูลึก ๆ อย่างดูระยะเข้าศูนย์ฯ เซอร์วิส เช็คแรงดันลมยาง หากสามารถแยกสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศให้ใช้งานง่ายขึ้น แยกสวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ รหือแม้แต่การควบคุมระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่าง ๆ ให้ใช้งานโดยแทบไม่ต้องละสายตาจากถนนยิ่งดีขึ้นไปอีกครับ
ในฐานนะที่มีโอกาสทดลองใช้ระบบต่าง ๆ มากมายในรถรุ่นใหม่นั้น ผู้ผลิตรถเพียงต้องการใช้เป็นตัวช่วยเหลือในเหตุฉุกเฉิน ไม่ต้องการให้ใช้เพื่อเบี่ยงเบนหรือดึงความสนใจจากการขับขี่บนถนน ผมมองว่ามีระบบดีกว่าไม่มี แต่ถ้ามีแล้วผู้ขับขี่ก็ต้องมีสมาธิเต็ม 100% ในการควบคุมรถเหมือนเดิม นอกจากนี้ผู้ขับขี่บางคนมีทักษะการควบคุมที่ดีมีความชำนาญ ระบบบางอย่างก็อาจจะทำให้เสียจังหวะในการควบคุมรถหรือการกะระที่ผิดเพี้ยนไปได้เช่นกัน
อย่างเช่น เมื่อต้องการเร่งแซงรถคันหน้าเมื่อเห็นว่ามีระยะปลอดภัย ในรถที่มีระบบเตือนและเบรกก่อนชนด้านหน้า อาจจะเห้นความเร็วของรถคันหน้าและรถเราไม่เท่ากัน ก่อให้เกิดอันตราย ระบบก็ทำการเบรกพร้อมดึงพวงมาลัยกลับและตัดกำลังเครื่องยนต์ทันที กรณีนี้หากผู้ขับขี่ระยะแซงมาอย่างดีแล้ว ก็อาจะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้จากการที่ระบบเตือนโดยไม่ตั้งใจนั่นเองครับ ผู้ขับต้องเข้าใจถึงระบบต่าง ๆ การระวัง การเผื่อระยะ ฯลฯ ของรถยนต์ที่ใช้ให้ชัดเจน
อีกหนึ่งระบบที่ควรต้องใช้ด้วยความเข้าใจคือ Adeptive Cruise Control หรือระบบควบคุมความเร็วแปรผันตามรถคันหน้า ที่ต้องระวังมาก ๆ ในการใช้งาน เนื่องจากการจราจรในเมืองไทยมักมีเหตุการณ์แทก เบียด ปาด หรือ ตัดหน้า ได้เสมอ ทำให้ระบบนี้อาจทำงานได้ไม่ดีและปลอดภัยภันนัก ึงเหมาะกับการขับขี่ทางตรงยาว ๆ ปริมาณรถน้อย ๆ ไม่จอแจมากกว่า แต่ผู้ขับขี่ต้องค่อยระมัดระวังตลอดเวลาควบคู่กับการใช้งานด้วยเช่นกันครับ
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ก็คือ ระบบที่จะเข้ามาช่วยเสริม ช่วยเหลือ หรือว่าสนับสนุกการขับขี่ ไม่ใช่ระบบขับขี่หรือใช้งานโดยผู้ขับไม่ต้องขับขี่ อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่รถยนต์ก็ต้องเป็นผู้ควบคุมทุก ๆ อย่างของรถด้วยตัวเอง และอย่าลืมควบคุมสมาธิของตัวเองในขณะขับขี่ด้วยครับ