(First Drive) Volt City EV ขับง่าย ประหยัด คล่องตัว ตอบโจทย์ชีวิต Slow life คนเมือง

ได้ขับรถออกไปหาคาเฟ่น่ารักๆ กับขนมอร่อยๆ มันรู้สึกดีมากๆ และวันนี้เราจะออกเดินทางเที่ยวในกรุงเทพฯ กับรถยนต์เสียบปลั๊กคันนี้ Volt City EV (โวลต์ ซิตี้ อีวี) ชื่อก็บ่งบอกแล้วว่ารถไฟฟ้าคันนี้น่าจะเหมาะกับการใช้งานแบบไหน และถ้าคุณกำลังมองหารถมาเพื่อใช้งานสำรอง เป็นรถคันที่ 2 หรือ 3 ของบ้าน ใช้เดินทางไปที่ใกล้ๆ มีชิวิตประจำวันที่ค่อนข้าง Slow Life บวกกับอยากได้รถที่ไปจ่ายตลาดบ้าง ขับไปห้าง หาคาเฟ่นั่งทำงาน แทนรถน้ำมันที่ใช้อยู่ Car Guru Thailand by Checkraka.com ก็ขอพาไปทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ให้มากขึ้นกับ  Volt City EV รุ่น FOR-FOUR 

 

 

ดีไซน์น่ารักขนาดก็เล็ก มุดง่าย จอดง่าย 
เราเดินทางจากหนีความวุ่นวายจากถนนวิทยุมุ่งหน้าปักพิกัดไปยังร้านเครปน่ารักแถวฝั่งธน และด้วยเป็นรถที่เน้นเพื่อการใช้งานในเมืองซะเป็นส่วนใหญ่  Volt City EV จึงมีขนาดตัวรถที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานได้ดีในการจราจรที่แออัด หรือคนที่ชอบมีปัญหาที่จอดในห้าง ริมทาง เป็นต้น ซึ่งตัวรถของ  Volt City EV รุ่น  รุ่น FOR-FOUR ที่เรานำมาทดสอบนั้น มีความกว้าง 1,499 มม. (149.9 ซม.) ยาวเพียง 3,380 มม.  (338 ซม.) และความสูง 1,610 มม. (161 ซม.) และระยะห่างล้อที่มีขนาดเพียง 2,440 มม. (240 ซม.) ก็น้องๆ Eco Car พอได้ เล็กๆ มุดง่าย หายห่วงไม่ต้องคันใหญ่ มากไป ขับสบายๆ ไปที่ใกล้ๆ ก็เหลือเฟือ 

 

Volt City EV รุ่น FOR-FOUR คันนี้ออกแบบมาพร้อมความเรียบ หรู ไฟหน้า LED รับกับไฟเลี้ยวที่ล้อมรอบ เวลาเปิดไฟเลี้ยวหรือไฟฉุกเฉินจะกระพริบรอบวง ให้ไฟท้ายแบบ Ruby Style กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีเดียวกับรถ พร้อมกับล้อ 13 นิ้วพร้อมฝาครอบ PLUM BLOSSUM 
 

เปิดเข้ามาภายในก็รู้สึกถึงความเล่นสีทูโทน น่ารัก พร้อมออกแบบคอนโซลได้ทันสมัย กับคอนเซปต์ Fun Technology เมื่อได้ลองเข้ามานั่งประจำคนขับ ปรับเบาะให้เรียบร้อย ก็รู้สึกว่าห้องโดยสารกว้าง นั่งสบาย ตรงพื้นที่ด้านหน้าไม่มีบาร์คั่นกลางระหว่างเบาะ เพราะเกียร์แบบกดสไตล์ EV 3 ปุ่มคือ D  N  R  มีที่วางแก้วน้ำ และที่เสียบสายชารจ์ USB ให้ตรงตำแหน่งล่างซ้ายมือคนขับ พวงมาลัยกระชับมือ แบบมัลติฟังก์ชั่น แต่ปุ่มการใช้งานอาจจะยังไม่ตอบสนองเท่าที่ควร สำหรับที่นั่งตอนหลัง ผู้ชายขายาวๆ นั่งได้สบาย และเบาะหลังก็ยังพับเก็บเป็นพื้นที่วางของได้  ก็ถือว่าเน้นการเดินทางใกล้ๆ หรือไว้รับส่งลูกๆ ไปโรงเรียนก็น่าจะดีไม่น้อย

 

สำหรับระบบเอ็นเตอร์เทรนด์มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีน 7 นิ้ว รองรับ Android และ Apple Car play เน้นใช้งานทั่วไป เป็นจอแผงเดียวกับหน้าจอแสดงผลค่าต่างๆ ของรถ มีทั้งความจุแบตเตอรี่ และที่สำคัญคอยบอกระยะทางของแบตที่เราจะวิ่งได้กี่กิโลเมตรในแต่ละโหมด และหน้าจอยังแสดงผลอัตราความเร็วเป็นระบบดิจิตอลให้ด้วย 

 

คันเล็กๆ แต่ระบบความปลอดภัยก็มีมาให้อุ่นใจ โครงรถที่มีการออกแบบวัสดุแบบมาตรฐาน เสริมตัวถังหนา 1.8 mm อีกทั้งยังระบบความปลอดภัยอื่นๆ เช่น ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TMPS) มีระบบป้องกันเบรกล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก EBD และขึ้นทางชันได้ 25%  ขับไปช้าหน่อย แต่ก็เอาอยู่ แถมมีกล้องมองหลังกับเซนเซอร์ขณะถอยให้ด้วย ไม่เบานะคันแค่เนี่ย 

สำหรับการชาร์จไฟ  Volt City EV จะเป็นการชาร์จแบบไฟ AC หรือชาร์จกับไฟบ้าน โดยการเสียบปลั๊กเท่านั้น อาจจะลำบากสักนิดเวลาเดินทางเพราะการชาร์จแบบนี้จะใช้เวลานาน 5-6 ชม. ไม่รองรับการชาร์จ Fast Charging หรือการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรงได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องคำนวนการเดินทางของคุณให้ดี  

 

สำหรับ Volt City EV รุ่น FOR-FOUR  นั้นติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหลัง ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 46 แรงม้า และแรงบิด 102 นิวตันเมตร จ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ลิเทียม ฟอสเฟต ขนาดความจุ 16.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ระยะทางวิ่งสูงสุดในโหมด ECO ได้ระยะทางสูงสุด 200 กม. และ โหมด Sport วิ่งได้ระยะทาง 135 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 5.5-6 ชั่วโมง

ชนิดมอเตอร์ไฟฟ้า : มอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร
ชนิดแบตเตอรี่ : ลิเทียม ไอออนฟอตเฟต
กำลังสูงสุด : 34 kw / 46 HP
แรงบิดสูงสุด : 102 นิวตันเมตร
กำลังไฟฟ้า : 16.5 kW-h
ความเร็วสูงสุด : 105 km/h (ค่าจากโรงงาน)

 

 

ราคา  Volt City EV มี 2 รุ่นคือ 
For-Two (รถ 3 ประตู 2 ที่นั่ง )
    - FOR – Two Classic : 325,000.-
    - FOR – Two TOP : 355,000.-
For-Four (รถ 5 ประตู 4 ที่นั่ง)
    - FOR – Four Classic : 380,000.-
    - FOR – Four TOP :  420,000.-

 

สรุปหลังขับ 

ถ้าคุณมีจุดประสงค์ในการเลือกรถคันที่  2 3 4  เน้นขับในเมือง เป็นหลักและคำนวนดีแล้วว่าวันนึงคุณเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวไม่เกิน 200 กม. ถือว่า รถยนต์ไฟฟ้าก็อาจเป็นทางเลือกดีๆ ให้คุณตัดสินใจได้ไม่ยาก  สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเสียบปลั๊ก Volt EV วิ่งได้ทั้งหมด 200 โล (โหมด ECO) โหมด Sport ได้ 135 โล เอ่อดีนะเหมาะกับคนกรุงเทพฯ รถติดสบายๆ มุดอย่างเดียวเพราะเล็กระทัดรัด ซอกแซกง่าย เข้าซอยรถสวนไม่ต้องกลัวเบียด จอดง่ายไม่ขวางทางใครตอนเร่งมีหน่วงบ้าง แต่พอตีนกลางมาลื่นๆ สบายๆ  แอร์เย็นๆ ปรับความแรงได้ 3 ระดับ ไม่มีปรับอุณหภูมิ ก็ถือว่าไม่ต้องซีเรียส เพราะย้ำแล้วว่าไปแค่ใกล้ๆ ให้พอใช้งานในแต่ละวัน

 

รถขับง่ายเข้าเกียร์ก็แค่กดปุ่ม เหมาะกับเป็นรถขับใกล้ๆ มือใหม่หัดขับก็ลองได้ เพราะรถไม่ได้ปรู๊ดปร๊าดจนน่าตกใจ กล้องถอยหลังชัดมาก ทดลองขับในเมืองรถติดทั้งวันลากยาวเกือบเย็น แบตยังเหลือๆ ไปต่อได้เกือบร้อยกิโล ไม่ได้หมดเร็วอย่างที่กังวล แถมผู้เขียนก็ยังชาร์จแบตโทรศัพท์ไปด้วย ส่วนความเร็วสูงสุดลองแตะแล้วผู้เขียนทำได้ 63 กม./ชม. ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ อากาศ สภาพถนน และหลายๆ ปัจจัย นะจ๊ะ และที่สำคัญเขาก็จัดไฟแนนซ์ได้นะ ใครชอบก็สามารถสอบถามโชว์รูมใกล้บ้าน หรือเข้าไปที่เฟซบุ๊ค VOLT City EV  ติดต่อสอบถามและไปทดลองขับได้เลย