หากจะบอกว่าเจ้า
ฮุนได สตาร์เรีย เป็นรถตู้ ในมุมมองของหลายๆ คนก็มองว่ามัน “ใช่ค่ะ” แต่จริงๆ แล้วคอนเซ็ปต์ของ ฮุนได สตาร์เรีย คือ
รถครอบครัวอเนกประสงค์ MPV ที่ล้ำหน้าด้วยหน้าตาแห่งโลกอนาคต มันเหมือนหน้ากากตำรวจโรโบคอป นะคุณว่าไหม? แต่ก่อนที่จะคิดกันไปไกล
Car Guru by Checkraka.com จะพาทุกท่านนั่งยานแม่คันนี้ไปสัมผัสให้ลึกซึ้งว่า รถคันนี้นอกจากหน้าตาล้ำชาวบ้านไปเยอะ ฟิลลิ่งการขับ ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยี จะดีจะล้ำตามหน้าตาแค่ไหน? เพราะหากคุณคิดว่าคุณจะหารถที่กว้าง โปร่ง พับเบาะออกแคมป์ นั่งกางขาได้สบาย ระบบความปลอดภัยมีให้ไม่น้อย คุณได้อ่านรีวิวนี้ถือว่ามาถูกทางแล้ว …
สำหรับภารกิจที่เราได้รับมอบหมายให้ไปทดสอบเจ้าฮุนได สตาร์เรีย กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี ระยะทางกว่า 250 กิโลเมตร ก่อนอื่นขอแนะนำจุดเด่นภาพนอกรอบคันของรถยนต์
ฮุนได สตาร์เรีย กันอีกสักรอบ เจ้าหน้ากลมๆ ของ
ฮุนได สตาร์เรีย ตั้งแต่ชุดไฟหน้า เป็น LED มัลติรีเฟล็กเตอร์ (ไฟที่มีการหักเหของแสงทำให้สาดส่องนุ่มนวล) กระจังหน้าเรียบหรู
พร้อมไฟ Day time ฝังติดซ้าย-ขวา เส้นสายของไฟเห็นเป็นตาเล็กๆ แต่ส่วนที่ผู้เขียนชอบและทึ่งกับมันมากที่สุด ก็คือเจ้า
ไฟท้ายของ สตาร์เรียที่มาแบบ
Parametric Pixel LED เป็นดวงกลมๆ เม็ดเล็กๆ ที่ติดด้านท้ายทั้งแผง เห็นชัดแต่ไกล เวลาเปิดไฟเลี้ยวจะเห็นวิ่งเป็นเม็ดๆ เรียงกันสวยงาม
(แต่ไฟเลี้ยวอยู่ต่ำไปหน่อย ถ้ารถสูงๆ แบบรถบรรทุกอาจไม่ค่อยเห็นถ้าเราเปิดไฟเลี้ยวอยู่) และที่ชอบมากถือว่าเป็นจุดช่วยให้รถคันนี้ดูใหญ่!! นั่นคือคือกระจกบานข้างรอบคันหรือเขาเรียก
Panoramic Side Window ถือว่าเป็นจุดนำสายตาให้ความรู้สึกว่าภายในโปร่ง กว้าง (และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ค่ะ)
รถคันนี้นอกจากห้องโดยสารที่กว้าง ประตูยังสามารถเปิดขึ้น - ลง ได้ 2 ฝั่ง เพียงแค่โยกด้ามจับ 1 ที ประตูก็เปิดเองโดยอัติโนมัติ และที่ล้ำไปเลยสำหรับ พ่อบ้าน แม่บ้าน ที่หิ้วหอบ หรืออุ้มลูก ประตูสไลด์ทั้งสองข้างยังทำงานด้วยระบบไฟฟ้าสามารถเปิด-ปิดให้อัตโนมัติ แต่ต้องมี Smart Key อยู่ในระยะที่กำหนด นะเจ้าคะ เช่นเดียวกับฝาท้าย ก็จะปิดลงให้อัตโนมัติเมื่อเราอยู่ห่างออกไปตามระยะ...ฉลาดจริงๆ
หลังจากเข้าฟังคำบรรยายในช่วงเช้าก็ได้เวลาที่เราจะออกเดินทางจากจุดสตาร์ทที่ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ วิภาวดี - อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ระยะทางกว่า 250 กิโลเมตร ไม้แรกของผู้เขียนขอสัมผัสฟิลลิ่งเป็นคนนั่งก่อน ภายในของสตาร์เรียมีทั้งหมด 11 ที่นั่ง แบ่งแยก เลื่อน พับ ขยับได้หมด แต่ตอนยกหนักไปนิด และตอนปิดพับลงมาแรงไป (เด็กๆ ไม่ควรทำ) แต่เบาะทั้ง 3 แถว พับเบาะได้ 50:50 เอาที่นอนมาปูนอนได้เลยสบาย และคนตัวสูงก็ไม่มีปัญหาเรื่องขาติดเบาะ ในตำแหน่งเบาะนั้งแถว 2 ยังมีพนักแขน ช่องวางแก้วน้ำ ให้นั่งสบายๆ ม่านบังแดด และรูเสียบ USB 2 จุด (มีให้ทั้ง ซ้าย - ขวา) ในตำแหน่งนี้อีกด้วย ในเรื่องที่นั่งในห้องโดยสารให้ไปเลย 8/10 อาจจะมีที่นั่งแถว 1 ที่ไม่มีที่วางแขนซึ่งคนนั่งเดินทางไกลๆ อาจจะเมื่อยก็เป็นได้
ในวันแรกสื่อมวลชนจะได้ทดลองสมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร 177 แรงม้า แรงบิด 431 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่เลือกใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และยังได้ทดลองนั่ง เพื่อสัมผัสความสะดวกสบายของห้องโดยสาร โดยเฉพาะช่วงล่างที่รับการพัฒนาเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่แต่ยังให้นุ่มนวลมากขึ้น ขับสนุกนั่งสบายทุกการเดินทาง
ในช่วงที่ผู้เขียนได้ทำการทดสอบ อัตราการประหยัดทำได้ราวๆ 12.8 กม./ลิตร บวกลบรถติด เหยียบไป 150-160 (เร่งบ้าง ผ่อนคันเร่งบ้าง มีขึ้นเขา ลงทางชัน ครบทุกรส) กับรถไซส์ขนาดนี้ถือว่าประหยัดเอาเรื่อง เครื่องดีเซล 2.2 ลิตร 177 แรงม้า แรงบิดที่ 431 นิวตันเมตร เกียร์ 8 สปีด ขับแล้วรู้สึกไม่เหนื่อย อัตราเร่งดี ตีนต้นไหลได้สบายๆ ออกแรงลากหน่อยตามสไตล์เครื่องดีเซล ตีนกลางมาลื่นๆ เกียร์สมูทเปลี่ยนฉับไว แถมมี Paddle Shifter ให้เพิ่ม - ลด ได้ตามสภาพถนน พวงมาลัยเบาคอนโทรลง่าย นึกว่าจะเทอะทะ แต่ไม่! เบาะคนขับปรับ12 ทิศทาง แบบไฟฟ้าพร้อมดันหลัง ตัวเบรกดีไม่กระชากหัวทิ่ม มานิ่มๆ ไม่ไหล เข้าโค้งไม่ส่ายเกาะถนนดีถือว่าเซทช่วงล่างมาดีมาก นั่งท้ายไม่รู้สึกโคลงเคลง หลับสบายไปเลยตลอดทาง
ในเรื่องของระบบความปลอดภัยที่ได้ติดตั้งในสตาร์เรีย ที่มีมากมายเพื่อรองรับครอบครัว และการเดินทางไกลถือว่าเป็นระบบมาตรฐานตัวช่วยที่ดีไม่ว่าจะเป็น
• ระบบช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Forward Collision Avoidance Assist
• ระบบช่วยเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา Blind-Spot Collision-Avoidance Assist
• ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ Rear Cross-traffic Collision Avoidance Assist
• ระบบช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยก Forward Collision-Avoidance Assist Junction Turning Function
• ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ Driving Attention Warning
• ระบบป้องกันการออกจากรถเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง Safe Exit Assist ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาจากฮุนได โดยสัญญาณเตือนจะดังขึ้นเพื่อป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถอีกคันกำลังวิ่งผ่าน
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist
• ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน Lane Following Assist
• ระบบแจ้งเตือนผู้โดยสารด้านหลัง Rear Occupant Alert
นอกเหนือจากระบบความปลอดภัยทั้งหมด สตาร์เรียได้ติดตั้งแอร์แบคไว้ทั้งหมด 6 ตำแหน่ง และทุกที่นั่งติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด
ฮุนได สตาร์เรีย มีให้เลือกในแบบ 11 ที่นั่ง 2 รุ่น สีภายนอก 3 สีคือ - สีดำ เอบิส แบล็ค สีเทา สตีล กราไฟต์ และสีเงิน ชิมเมอร์ริ่ง ซิลเวอร์ สีภายในมีให้เลือก 2 สีคือ สีดำ-เบจ และสีดำ ส่วนราคาในรุ่น SEL อยู่ที่ 1,999,000 บาท รุ่น S อยู่ที่ 1,729,000 บาท
ส่วนกิจกรรม ในทริปนี้เป็นการเดินทางในรูปแบบไลฟ์สไตล์เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับและสัมผัสภายในห้องโดยสารของรถ ซึ่งทางฮุนไดก็ได้พาสื่อมวลชน เยี่ยมชมสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก นั่นก็คือ เส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ไทย - พม่า ช่องเขาขาด โดยจะเป็นการเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม ทันสมัย เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลออสเตรเลีย สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้ที่ได้เสียชีวิตไปในครั้งนั้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เพียงแต่จะจัดแสดงเรื่องราวรวมถึงภาพยนตร์ที่ให้ข้อมูลในอดีต ในส่วนด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ยังได้ปรับแต่งพื้นที่ให้สามารถเดิมชมร่องรอยของทางรถไฟเดิม ไม่ว่าจะเป็นไม้หมอนหรือเหล็กสกัดจากบริเวณช่องเขาขาดไปถึงสถานีหินตก ที่ถูกสร้างด้วยมือของทหารเชลยศึกชาวอังกฤษ ออสเตรเลีย และฮอลันดา
ช่องเขาขาด เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มก่อสร้างและตัดช่องเขาเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ 2486 จากคำบอกเล่าของเฉลยศึกผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ ได้เล่าถึงความยากลำบากและการใช้งานอย่างทารุณเพราะต้องทำงานในสภาพอากาศที่ร้อน ขาดน้ำและอาหาร และการทำงานช่วงกลางคืนด้วยแสงไฟจากคบเพลิงและกองเพลิงทำให้สะท้อนเห็นเงาของเชลยศึก ทำให้ที่แห่งนี้ได้ถูกขนานนามว่า “ช่องไฟนรก” และเป็นจารึกไว้ในความทรงจำผ่านพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
บทสรุป โดยรวมแล้วถือว่าเป็นรถครอบครัวที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องพละกำลังอัตราเร่งดี ประหยัดมากกว่าที่คิด ภายในห้องโดยสาร ระบบเอ็นเตอร์เทนต่างๆ ขนาดตัวรถที่ดูคล่องแคล่ว พื้นที่ห้องโดยสารกว้าง เบาะปรับเลื่อนง่าย โดยใช้ความสูงและมุมมองกระจกบานใหญ่ทำให้รถดูกว้าง นั่งสบายขึ้น ระบบความปลอดภัยมีให้ครบครัน ในภาพรวมของ ฮุนได สตาร์เรียรุ่นนี้ หมิวขอให้คะแนน 8/10 ไปเลยค่ะ ผู้หญิงขับง่าย ผู้ชายขับสบาย.. พูดคำเดียวว่าใครชอบก็จัดไป
“STARIA” รุ่น SEL ราคา 1.999 ล้านบาท รุ่น S 1.729 ล้านบาท (ปล.การให้คะแนนเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น)