First Drive ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก e:HEV ใหม่ พลังสปอร์ตไฮบริด i-MMD
หลังจากเปิดตัวพร้อมจำหน่ายไปเมื่อ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ก็ได้เชิญ
ทีมงานคาร์กูรู / เช็คราคา.คอม มาสัมผัสรูปลักษณ์พร้อมสมรรถนะของ
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ด้วยการขับแบบ Free Run เน้นอิสระเสมือนการใช้งานจริง เพื่อสัมผัสกับเทคโนโลยีฟูลไฮบริด ของฮอนด้า ที่มี
ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD ใหม่ล่าสุด ว่าสามารถตอบสนองสถานะการขับที่แตกต่างอย่างชาญฉลาดได้ดีแค่ไหน พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับ
ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ช่วยเสริมด้านความปลอดภัยระหว่างขับในหลายๆ ด้าน นอกเหนือไปจากเรื่องสมรรถนะการขับและเทคโนโลยีฟูลไฮบริดแล้ว ซีตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ยังโดดเด่นด้วยความเป็นสปอร์ตแฮทช์แบ็กกับชุดแต่ง RS รอบคัน
สำหรับการขับทดสอบครั้งนี้มีเวลาให้เพียง2-3 ชม. เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ต้องระวังเรื่องไวรัส ดังนั้นทีมงานคาร์กูรู / เช็คราคา.คอม จึงขอขับเข้าพื้นที่ชั้นในเมืองจริงๆ เพราะน่าจะสะท้อนการใช้งานได้ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด ทั้งการงานของระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD และฮอนด้า เซนส์ซิ่ง งานนี้เราจึงเลือกพื้นที่เยาวราช เจริญกรุง บางรัก ที่มีการจราจรพลุ่กพล่าน ทำให้ต้องขับชะลอหยุด และเลี้ยวเข้า-ออกซอยแคบบ่อย
เมื่อมองว่าการขับช่วงเวลาสั้นๆ ให้ได้ความใกล้ชิดกับการทำงานของระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD ในฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ก็ต้องขับเข้าเมืองให้เหมือนการใช้งานจริงกันไปเลย ทันทีที่ผู้เขียนรับรถปรับที่นั่ง พวงมาลัยให้ถนัดเหมาะกับสรีระ 171 ซม. ผิดหวังนิดหน่อยที่เบาะคนขับปรับมือ เพราะคอนโซลเต็มไปด้วยความทันสมัยจอทัชสกรีน พวงมาลัยฟังก์ชัน ปุ่มปรับระบบช่วยเหลือต่างๆ รวมทั้งเบาะผ้าด้วย แต่ก็เหมือนกับรุ่นตัวถังซีดาน ราคารถแปดแสนถูกเทมาให้กับระบบฟูลไฮบริดที่ทำงานเหมือนกับในฮอนด้า แอคคอร์ด ผู้เขียนขับออกจากอาคารภิรัชทาวเวอร์ ไบเทคบางนา ไปตามถนนสุขุมวิทเลาะเลี้ยวเปลี่ยนเลนได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ก็ต้องเปิดไฟเลี้ยวก่อนทุกครั้งที่เปลี่ยนเลนเพราะเปิดระบบช่วยควบคุมรถให้อย่ในช่องเอาไว้ (LKAS) ตัวรถตอบสนองการเร่งได้อย่างทันใจ การเบาเบรกชะลอและเร่งออกตัวบ่อยๆสังเกตุได้ว่าบางจังหวะก็เป็นมอเตอร์ทำงานอย่างเดียว บางครั้งที่ติดปล่อยรอบเดินเบานานๆ ก็มีเครื่องยนต์ทำงานร่วมด้วย การเบรกชะลอนับเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยคุ้นชินสำหรับเบรกไฟฟ้า แต่ก็เอาอยู่เสมอ มุมมองด้านหน้า และทัศนวิสัยมองผ่านรอบคันจากตำแหน่งคนขับรู้สึกปลอดโปร่งไม่ติดขัดโดยเฉพาะมุมเสาเอเวลากะระยะเลี้ยว ผู้เขียนขับมาลงถนนพระราม๔ มุ่งหน้าเข้าเยาวราช หาลูปวนสั้นบนถนนเยาวราช-เจริญกรุง ไม่ก็ถนนทรงวาดเพื่อบันทึกภาพ แน่นอนว่าต้องขับผ่านกลุ่มคน และซอยที่แคบ แต่ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กก็ให้ความสบายใจเมื่อถึงจังหวะแบบนี้ หลังจากวนโดยไม่ได้ลงอยู่สักพัก ก็ย้อยไปย่านบางรักเพื่อหาจุดถ่ายภาพเก๋ๆกับตัวรถ เราไปจอดซอยที่มีกำแพงพ่นสีแบบกราฟฟิตี้ข้างไบรษณีย์กลาง แม้เป็นซอยแคบมีรถและกรวยวางไว้ทั้งสองข้างทางทำให้ขยับรถไปมาลำบาก รวมทั้งกลับรถด้วย แต่ด้วยขนาดรถที่กระทัดรัดและมีกล้องทำให้เรื่องแบบนี้ทำได้ง่ายขึ้น หลังจากบันทึกภาพเสร็จก็เริ่มหิว เสบียงที่ฮอนด้าจัดเตรียมไว้ให้ในรถพร้อมให้รับประทาน หลายคนอาจแปลกใจทำไมต้องพกอาหารมาได้ เพราะช่วงวันขับทดสอบอยู่ใต้สถานการณ์เฝ้าระวัง งดนั่งทานอาหารตามร้านก็เลยอาศัยเปิดท้ายทานข้าวเอา ระยะความสูงของตัวรถด้านหลังมีความพอดีสามารถนั่งเล่นห้อยขาได้สบายๆ เข้ากับช่วงนิวนอร์มอล จนได้เวลาสมควรจึงขับกลับไปคืนรถที่ภิรัช ทาวเวอร์ ขับผ่านสายฝนที่ตกกระหน่ำตลอดทาง แต่ตัวรถก็ให้ความมั่นคงไว้ใจได้เสมอแม้ขับผ่านแอ่งน้ำ ฝาท่อ และพื้นลื่น จนถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ในฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก จะผสานการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ที่สามารถเก็บประจุไฟและช่วยให้การชาร์จไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา พร้อมตอบสนองอย่างทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 3,000 รอบต่อนาที และให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27 กิโลเมตร/ลิตร ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรองรับน้ำมันถึง E20
สรุป ด้วยราคา 849,000 บาท สำหรับ
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ รุ่น e:HEV RS แพงกว่าตัวถังซีดานอยู่หมื่นบาท นอกนั้นเหมือนกันเกือบหมด สามารถตอบโจทย์การใช้งานในเมืองที่แสนวุ่นวายได้อย่างน่าพอใจทั้งความคล่องตัว การหาที่จอด ระบบช่วยเหลือและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่หลากหลาย ทั้งยังโดดเด่นด้วยสีเฉพาะรุ่น น้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ เอาเป็นว่าถ้าใครอยากได้รถขนาดกระทัดรัดขับไปไหนกัน 2 คน หรือ 2+2 มีไลฟสไตล์ชอบทำกิจกรรมนอกบ้านหรือชอบขนเยอะ และอยากได้รถที่ประหยัดแต่มีกำลังดี ผู้เขียนคิดว่ารุ่นนี้เหมาะสมและตอบโจทย์รถสำหรับคนเมือง มนุษย์เงินเดือนที่มีไลฟสไตล์สนุกกับกิจกรรมอยู่ตลอด ส่วนการขับทางไกลและลองระบบอื่นๆ คงต้องเป็นโอกาสต่อไป ในวันที่เรามีเวลากับรถมากพอ