รีวิว - ทดลองขับ BMW 330Li 520d และ 530e รถยนต์พรีเมี่ยมผสานสมรรถนะสุดทึ่ง!

BMW จัดกิจกรมทดสอบรถยนต์พรีเมี่ยม 3 รุ่นใหม่ล่าสุดให้สัมผัสเทคโนโลยีอันอลังการได้แก่ BMW 330Li M Sport ตัวถังยาวราคา 2,899,000 บาท, 520d M Sport ราคา 3,539,000 บาท  และ 530e M Sport ราคา 3,739,000 บาท ในสนามปทุมธานีสปีดเวย์ แบบสั้น ๆ พอได้อารมณ์หรูและสปอร์ต

กิจกรรมนี้มีรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูทั้งหมด 3 รุ่น ๆ ละ 4 คัน แบ่งกลุ่มและสลับกันขับ โดยมีเวลาให้ 1 คันต่อชั่วโมง ซึ่งในสนามทดสอบจะมีสถานีให้ทดสอบในรูปแบบต่าง ได้แก่ อัตราเร่งออกตัว 0 - 100 กม./ชม. การขับเข้าโค้ง การเปลี่ยนเลนกระทันหันที่ความเร็ว 50 กม./ชม. และสลาลอม นอกจากนี้ยังให้ลองขับออกถนนจริงบริเวณใกล้สนามเพื่อสัมผัสกับสภาะการขราจรอีกด้วย

ในการทดสอบครั้งนี้ยอมรับว่าใช้เวลาน้อยและมีรายละเอียดของรถยนต์ในแต่ละรุ่นมากมายมหาศาล จึงอาจถ่ายทอดได้ไม่ครบทุก ๆ ฟังก์ชั่นของรถแต่ละรุ่น จึงขอสรุปการทดสอบแบบคร่าว และอาจมีการทำ "ริวิว" เต็มแบบตัวต่อตัวอีกครั้งหนึ่งครับ

ทีมงานเช็คราคาขับทดสอบเริ่มต้นที่รถยนต์ BMW 520d M Sport พละกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที นับเป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีพื้นฐานระบบความปลอดภัยเทียบเท่ารุ่น 530e ราคาต่างกัน 200,000 บาท และขาดเพียงระบบอเดปทีฟครุซคอนโทรลและระบบช่วงล่างที่ปรับระบบตามโหมดการขับขี่ไม่ได้ แต่นั่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะขับไม่สนุก เพราะได้ช่วงล่างจาก M Sport และล้ออัลลอย Double-spoke 18 นิ้ว

ต่อมาสลับคิวได้รุ่น BMW 530e M Sport ที่เพิ่มระบบเครื่องยนต์ปลั๊คอินไฮบริดพลัง 292 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที  ช่วงล่าง M Sport ปรับระดับความแข็ง-อ่อนได้ตามโหมดขับขี่ และล้ออัลลอย Y-spoke 19 นิ้ว แต่ที่โดดเด่นกว่านั่นคือ ระบบบังคับเลี้ยวแบบ 4 ล้อ ที่ความเร็วต่ำไม่เกิน 60 - 80 กม./ชม. จะหันล้อด้านหลังทำตรงข้าม และเกินกว่านั้นจะหันทิศทางเดียวกันกับล้อหน้าทำให้ลดอาการโยนไปได้เยอะมาก  

สำหรับ BMW 330 Li M Sport กำลัง 258 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ใน 6.2 วินาที ที่โดดเด่นในเรื่องที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังแบบ long wheelbase ฐานล้อยาวเพิ่ม 110 มม. ประตูยาวขึ้น 10 มม. และพื้นที่ยาวภายในตรงวางเท้ายาวขึ้น 43 มม. พื้นที่ Headroom เพิ่มขึ้น 40 มม. พนักพิงเบาะบุใหม่หนาขึ้น 30 มม. เบาะรองนั่งหนา 20 มม. ยิ่งทำให้นั่งสบายขึ้นอย่างสัมผัสได้จริงและเพิ่มระบบปรับอากาศแยก 3 โซน ซ้าย-ขวาและด้านหลัง และครั้งแรกในซีรีย์ 3 กับหลังคาพาโนรามิกรูฟ        

การขับในสนามรูปแบบต่าง ๆ นั้นเริ่มที่ 520d คล่องตัว เข้าโค้งดี ควบคุมง่าย กำลังเครื่องยนต์ดึงหนัก แต่มีช่วงรอบเครื่องที่ห้อยบ้างบางช่วงที่ออกจากโค้ง (ไม่ใช้ Paddle Shift) ต้องรอบสักครู่จึงมีกำลังอีกรอบ แต่โดยรวมแล้ว หากใช้งานปกติเกินพอและแรงดีจริง ๆ ครับ ในการขับเปลี่ยนเลนอย่าวรวดเร็วก็ทำได้ดีไม่มีอาการเสียหลักแต่อย่างใด และในการสลาลอมก็ควบคุมง่าย ทรงตัวได้ดี โดยเฉพาะเมื่อเลี้ยวยูเทิร์นกลับนั้นวงเลี้ยวของค่อนข้างแคบมาก นับว่าใช้งานทั่วไปไม่ลำบากเลยแม้จะเป็นซีรีย์ 5 คันใหญ่โตก็ตาม

BMW 530e M Sport นับเป็นรถยนต์ไฮบริดที่มีอัตราเร่งไหลลื่นขึ้นอีกนิด และสมรรถนะการทรงตัวที่ดีกว่าด้วยการเพิ่มระบบเลี้ยว 4 ล้อเข้ามา ทำให้จิกโค้งได้ดี เมื่อหักเลี้ยวองศาพวงมาลัยมากขึ้น ล้อหลังก็จะหักมุมช่วยในการเกาะโค้งมากขึ้น เวลาขับสัมผัสได้ถึงอาการหน้าจิกในโค้งและหลังเบี่ยงออกฟังตรงข้าม ทำให้ลดการท้ายปัดและตัวรถทำมุมเข้ากับการโค้งพอดี ขับได้สบาย ๆ คล่องตัวกว่า 520d หลายเท่าตัว ส่วนการขับขี่ทีความร็วสูง ๆ นั้น ก็สามารถเลือกโหมด Sport ที่จะปรับทั้งระบบเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อนและช่วงล่าง ทำให้กระชับขึ้น แต่ก็ยังพอมีความนุ่มนวลอยู่บ้าง และการบังคับเลี้ยวล้อหลังเมื่อความสูงจะหันทิศทางเดียวกับล้อหน้า จึงลดอาการโยนเมื่อต้องเปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูงอย่างชัดเจนเลยครับ

โดยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ มีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่เพียบใน 530e M Sport (Cruise Control with braking function) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) ระบบช่วยนำรถเข้าที่่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) และยังมีระบบถอยหลังอัตโนมัติในระยะทาง 50 เมตร ก่อนหน้า โดยระบบจะจดจำการขับขี่ทั้งในระยะทาง 50 เมตร สุดท้าย เมื่อต้องการจะถอยหลังในพื้นที่ลำบาก สามารถกดใช้ฟังก์ชั่นนี้ รถก็จะถอยหลังให้เองสะดวกสบายมากขึ้น 

ส่วนที่ติดตั้งทั้ง 2 รุ่นเป็นอุปกรณ์มาตรฐานคือ ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) ที่รองรับ BMW Digital Key ซึ่งเปลี่ยนให้ iPhone กลายเป็นเหมือนกุญแจรถ สามารถล็อกและปลดล็อกรถได้โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้นแบบ NFC (Near Field Communication) โดยรองรับผู้ใช้ได้สูงสุดถึง 5 คน นอกจากนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกควบคุมระบบการทำงานของรถยนต์ ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร ระบบการเชื่อมต่อ และระบบนำทางได้ผ่านทางจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบ iDrive ปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัย ระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน BMW Intelligent Personal Assistant และ BMW gesture control   

สุดท้ายกับความสะดวกสบายของผู้โดยสารตอนหลังกับ BMW 330Li M Sport ที่มาพร้อมแอร์ 3 โซน เริ่มจากการขับในสนามแต่ละสถานีนับว่าไม่มีความแตกต่างจากรุ่นตัวถังปกติเลยแม้แต่นิด เพราะขนาดตัวที่เท่าเดิมและความยาวที่เพิ่มนั้นไม่ได้ทำให้รถเสียการทรงตัวได้ ความรู้สึกจะคล้ายกับขับซีรีย์ 3 แต่ไซต์ประมาณซีรีย์ 5 เท่านั้นเองครับ อัตราเร่งก็ดึงจนน่าตกใจ จากที่คิดว่าจะไม่มากนักแต่กลับทำได้ดีไม่แพ้รุ่นปกติ แต่!..เมื่อขับบนถนนปกติที่ความเร็วเดินทางจริงประมาณ 110 ขึ้นไปกลับเริ่มรู้สึกถึงอาการ "หัวส่ายหางสั่น" อยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อมีลมปะทะหรือการโยกพวงมาลัยเปลี่ยนเลนนั้น มีอาการโยนชัดเจนกว่ารุ่นตัวถังปกติพอสมควรเลยครับ ดังนั้น ใครใช้รุ่นนี้อาจต้องปรับพฤติกรรมเล็กน้อย แต่โดยรวมยังถึงว่าช่วงล่างและความแม่นยำของพวงมาลัยยังช่วงแก้ไขอาการนี้ได้ดีใว้ใจได้ หากขับขี่แบบปกติไม่และไม่ขับซิ่งแบบมุดมากเกินไป

สรุปแล้วรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูทั้ง 3 รุ่นนี้ มีจุดเด่นที่ระบบระบบ BMW Operating System 7.0 ผสาน BMW Intelligent Personal Assistant และ Live Cockpit Professional การใช้ BMW Gesture Control ระบบสั่งงานด้วยเสียง ปุ่ม iDrive และจอแสดงผล Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว ระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ Active cruise control with Stop&Go function (เฉพาะ 530e) ระบบความปลอดภัยอีกเพียบ เช่น ระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมดึงกลับ เตือนและลดความเร็วด้านหน้า เป็นต้น 

BMW 530e M Soprt ราคา 3,739,000 บาท สปอร์ตปลั๊กอินไฮบริดแรงประหยัด วิ่งไฟฟ้าเพียวได้ สมรรถนะจัดจ้าน คล่องตัวในทุกสภาพถนนด้วยระบบเลี้ยว 4 ล้อ 

BMW 520d M Sport ราคา 3,539,000 บาท เน้นความทึกทนทาน กำลังเร่งแซงและประหยัดน้ำมันกับค่าตัวลงไปอีก 200,000 บาท แต่ยังความหรูหราและฟังก์ชั่นสะดวกสบายครบถ้วน

BMW 330Li M Sport ตัวถังยาวราคา 2,899,000 บาท สำหรับผู้ต้องการความกว้างขว้าง สะดวกเข้าออกสบาย เน้นการนั่งยาว ๆ นาน ๆ ไม่เมื่อยล้า และไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินเพื่อขยับไปซีรีย์สูงขึ้นเพื่อต้องการพื้นที่ด้านหลัง ในราคาไม่เกิน 3 ล้าน และคล่องตัวประหยัดกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง ซีรีย์ 7 ในแบบเครื่องยนต์เบนซินเหมือนกัน