Toyota MR2 รถสปอร์ตในตำนานยุค 90's ที่ราคาคนทั่วไป "แสนห้า" แต่ถ้านักสะสม "ทะลุห้าแสน"
Toyota MR2 รถยนต์สปอร์ตคูเป้ 2+2 ที่นั่ง สุดยอดรถซิ่งในยุค 80 - 90 อันโด่งดัง ด้วยรูปทรงที่คล้ายรถซูเปอร์คาร์ฝั่งยุโรปในยุคนั้นอย่าง
Ferrari และยังมีลูกเล่นด้วยเครื่องยนต์ที่วางกลางหรือค่อนไปด้านหลังขับเคลื่อนล้อหลัง
MID-Engine แบบเดียวกับเฟอรารี่หรือแลมบอร์กินีเชียวนะ ทำให้เป็นรถยุคใหม่ที่ยังมีมุกตลกว่า "เครื่องยนต์หาย" เมื่อเปิดฝากระโปรงหน้าเหมือนที่เคยเล่นมุกนี้ในรถโฟล์คเต่า!
Toyota MR2 โดดเด่นในเรื่องความสปอร์ตทันสมัย การออกแบบเน้นไปทางขับขี่ที่สนุกสนานและเป็นส่วนตัว ไฟหน้าแบบซ่อนปิดเรียบร้อยหรือในสมัยนั้นเรียกกันว่า "POP-UP" ไม่รู้ใครตั้งให้โดยในสมัยเดียวกันนั้นมีรถยนต์รุ่นที่ใช้ไฟแบบนี้หลายรุ่นด้วยกันเช่น Nissan 200SX, Mazda RX-7,
Mazda MX-5 หรือ 323 Astina 5 ประตู และย้อนไปอีกนิดก็ Toyota Supra รหัสตัวถัง A60 - A70 และ
Toyota AE86 Trueno ตัวแสบในตำนานแห่งเทือกเขาอากินะ! เป็นต้น
ย้อยรอย MR2 รถสปอร์ตหลายตัวเลือก
โตโยต้า เอ็มอาร์ทู มีให้เลือกทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินหายใจเองตั้งแต่ 2.0 ลิตร ไปถึง 2.2 ลิตร และมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ ตัวถังแบบเปิดหลังในรูปแบบ T-BAR และ Spider แบบเปิดหลังคา โดยในช่วงที่คนนิยมใช้ในประเทศนั้นมีอยู่ไม่กี่รุ่นเครื่องยนต์และตัวถังมากนัก และมีพื้นที่เก็บสัมภาระอยู่ฝากระโปรงหน้า และแม้ว่าเครื่องยนต์จะอยู่ส่วนหลัง แต่ก็มีพื้นที่เก็ยของเล็ก ๆ พอใส่ของได้พอสมควร นับว่าทีมงานที่การออกแบบคิดเผื่อเอาไว้ให้แล้ว
หากย้อนกลับไปเจ้า MR2 เจนเนอเรชั่นแรก ช่วงปี 1984 - 1989 กับรหัสตัวถัง AW ต้นกำเนิดคอนเซ็ปต์เครื่องวางกลาง (ที่ค่อนไปด้านหลัง) รูปร่างเหลี่ยมมากสักหน่อยกับขุมพลังตัวน้อย ๆ แต่ขับสนุกเกินคาดอย่างตระกูล 4A ขนาด 1.6 ลิตร โดยเริ่มแรกใช้เครื่องยนต์ 3A-LU ขนาด 1.5 ลิตร กำลังแบบขำ ๆ ขนาด 80 แรงม้า เอามาใช้ขับหล่อไว้ก่อน ต่อมากก็เริ่มขยับสเต็ปให้แรงขึ้นจะได้ไม่น้อยหน้าใครด้วยเครื่องยนต์ 4A-GE DOHC เรี่ยวแรงเริ่มมากขึ้นเป็นแรงม้า 115 ตัว และตบท้ายก่อนเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ด้วย 4A-GZE มาพร้อมระบบอัดอากาศ supercharged แบบ Roots-type intercooler เข้าไปได้กำลังออกมาที่ประมาณ 145 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิด 186 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที นับว่าแรงเอาเรื่องในสมัยนั้นกับรถคันเล็กน้ำหนักเบา ๆ สามารถวิ่งทะลุ 200 กม./ชม.ได้ไม่ยากนัก
4A-GE 4A-GZE
เจนเนอเรชั่นที่สอง "ยุคเฟื่องฟู"
ขยับมารุ่นโมเดลเชนจ์ MR2 เจนเนอเรชั่นสองรหัสตัวถัง SW20 สวยงามลงตัวมากในยุคนั้น อย่างที่บอกว่าเป็นรถทรงแบบซูเปอร์คาร์เครื่องวางกลางเช่นเดิมเพิ่มเติมคือขยับความแรงขึ้น โดย MR2 โฉมนี้มีเครื่องยนต์หลายรุ่นในตลาดญี่ปุ่นเช่น 5S-FE ขนาด 2.2 ลิตร ที่อยู่
Camry ช่วงปี 1994 - 2001 หรือรหัส 3S-FE ขนาด 2.0 ลิตร
ส่วนที่นิยมมากที่สุดโดยเฉพาะในประเทศไทยเรานั้นมากับเครื่องยนต์รหัสร้อน 3S-GE ขนาด 2.0 ลิตร ไม่มีเทอร์โบกำลังสูงสุด 165 แรงม้า (PS) ในรุ่นหล่อเรียบร้อย G และ G-Limited ส่วนตัวแรงนั้นมาในรหัส 3S-GTE ขนาด 2.0 ลิตร turbocharged intercooler 221 แรงม้า (PS) และในรุ่นปีท้าย ๆ มีกำลังมากถึง 245 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 304 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ในรุ่นย่อย GT-S และ GT
5S-FE
3S-FE
3S-GE
ทางฝั่งตลาดอเมริกามีเครื่องยนต์ให้เลือกเยอะรุ่นเช่นกันคือ 3S-FE ขนาด 2.2 ลิตร 130 แรงม้า (PS) และข้ามมาที่ 3S-GTE แต่ถูกปรับกำลังลงมาเป็น 200 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 271 นิวตันเมตร ที่ 3,200 รอบ/นาที และมีรุ่นหลังแบบ T-BAR ให้เลือกอีกด้วย
3S-GE
3S-GTE
TRD2000GT
ในปี 1998 MR2 ผลิตรุ่น TRD2000GT ด้วยการตกแต่งตัวถังแบบแรซซิ่ง จากค่าย Toyota Racing Development ก็คือ TRD บริษัทในเครือของโตโยต้านั่นเอง ซึ่งเป็นการถอดแบบจากรถ MR2 ในสนามแข่ง GT-C Japanese racing series ทั้งภายนอกภายใน เบาะ พวงมาลัย ซิ่งทั้งคัน รวมถึงระบบช่วงล่าง เบรก และผู้ซื้อยังเลือกโมดิฟายเครื่องยนต์เพิ่มกำลังขึ้นเป็น 500 แรงม้าได้อีกด้วย
TOM'S T020
เท่านั้นยังไม่พอต่อกระแสฮ็อตของ MR2 สำนัก TOM'S บริษัทซับพอร์ตรถแข่งของค่าย
Toyota และ
Lexus ทำรุ่น T020 ออกมาปรับปรุงเพิ่มเติมให้ดุดันทั้งตัวรถและเครื่องยนต์มากขึ้นด้วยการนำเครื่องยนต์ 3S-GE ไม่มีเทอร์โบมาขยายความจุเพิ่มเป็น 2.2 ลิตร ใส่แคมชาร์ฟซิ่งเข้าไป แต่งพอร์ตไอดีด้วยชุดคิท Carbon และชุดท่อไอเสียใหม่ พร้อมติดตั้งกล่อง ECU ของ TOM'S ที่ปรับแต่งความแรงใหม่ ทำให้มีกำลังเป็น 235 แรงม้า ที่ 6,8000 รอบ/นาที ทำอัตราเร่งจาก 0 - 60 ไมล์ในเวลา 4.9 วินาที
เจนเนอเรชั่นที่สาม "การเปลี่ยนแปลงที่ด้อยลง"
MR-S เจนเนอเรชั่นสามนั้นกลับถูกลดความโหดลงไปเยอะแม้รูปทรงยังคงคอนเซ็ปต์เดิม แต่เครื่องยนต์ถูกตอนกำลังลงไป แถมหน้าตายังดูคล้ายรถสปอร์ตเยอรมันจนมีคนนำไปใส่ชุดบอดี้พาร์ทยิ่งดูคล้ายกับ Porsche 918 spyder ไปกันใหญ่ และเป็นที่น่าเสียดายว่าขุมพลังจาก 2.0 ลิตร ถูกตอนลงเหลือเพียง 1.8 ลิตร รหัส 1ZZ-FED DOHC แม้จะมีระบบวาล์แปรผัน VVT-i แต่ก็มีกำลังสูงสุดเพียง 140 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิด 171 นิวตันเมตร ที่ 4,4000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 8 วินาที
ซึ่งในเจนเนอเรชั่นสามนี้ถูกปรับแผนการผลิตให้กลายเป็นรถเล็กน่ารักคล่องตัวมลพิษต่ำลงตามเทรนด์รถยนต์รักษ์โลก และน้ำหนักตัวที่เบาลง โดยหลังว่ากำลังเครื่องยนต์ 140 แรงม้านี้ เพียงพอต่อน้ำหนักรถและน่าจะขับสนุกได้เหมือนกัน เพียงแค่อัตราเร่งที่ดึงแบบหลังติดเบาะหายไปเยอะ จนทำให้กระแสตีกลับจากแฟน ๆ กลายเป็นหมดความนิยมลงไป นอกจากนี้ผู้ที่มีในครอบครองก็จับไปตกแต่งติดตั้งอุปกรณ์รวมถึงชุดแต่งอลังการงานสร้างจนกลายดูแล้ว "หลุดโลก" แบบอวกาศไปกันใหญ่ในเจนฯ นี้กลายเป็นว่าไม่เหลือคราบความโหดดิบของ MR2 ในเจนฯ ที่สองเอาไว้ให้ดูต่างหน้าเลย
ถึงอย่างไร Toyota MR2 ในเจนที่สองนับเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งในอดีต ใครที่ได้ครอบครองไว้ไม่ยอมปล่อยออกขายอย่างแน่นอน เพราะในปัจจุบันหาสภาพดี ๆ ของครบ ๆ ยากขึ้นทุกวัน และราคาในท้องตลาดของกลุ่มนักสะสมก็ไม่เบา หาก MR2 สภาพสวย ๆ ไม่ต่ำกว่า 5 แสนขึ้นไป และยิ่งถ้าเป็นรถตรงรุ่นย่อย เครื่องยนต์ และชุดแต่งตรงปีอย่างเช่น "TRD2000GT" ละก็ อาจมีทะลุล้านนะครับ แม้ว่าอายุกับปีรถจะเก่ามาจนบางคนที่อาจไม่เข้าใจในคำว่า "รถสะสม" ที่หายากเลยมองเพียงผ่าน ๆ ว่าราคาไม่น่าเกินแสนห้า!!!!