10 จุดสัมผัสบนรถยนต์ เสี่ยงติดเชื้อโรค
รถยนต์มีจุดสัมผัสที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค จากการใช้มือจับบริเวณชิ้นส่วนต่าง ๆ บนรถยนต์ ซึ่งมือของเรานี่แหละที่สัมผัสสิ่งอื่น ๆ รอบตัวเรามาก่อนและมาสัมผัสต่อกับอุปกรณ์เหล่านี้ ตั้งแต่เริ่มจับกุญแจไปจนถึงการจับพวงมาลัยและเกียร์เพื่อขับขี่ ซึ่งจุดสัมผัสเหล่านี้อาจนำมาซึ่งความไม่สะอาด และเป็นจุดที่มีเชื้อโรคต่าง ๆ มากมาย มาดูว่า 10 อันดับจุดที่เสี่ยงที่เรียงจากน้อยไปมากที่สุดบนรถยนต์ มีตรงไหนบ้าง
1. กุญแจรถ
กุญแจรถยนต์นับเป็นด่านแรกที่สัมผัสก่อนอย่างอื่น และยังถูกวางบนจุดต่าง ๆ ภายนอก หรือใส่ไว้ในกระเป๋าถือหรือกระเป๋ากางเกง ซึ่งอาจสัมผัสกับสิ่งรอบ ๆ ตัวและปนเปื้อนสิ่งสกปรกติดมาด้วย และเมื่อเราหยิบจับขึ้นมาก็ถือว่าเป็นจุดแรกสุดที่ต้องคอยทำความสะอาด
การทำความสะอาดชุดกุญแจหรือรีโมท ห้ามล้างน้ำหรือถูกความชื้นโดยตรง ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาทำความสะอาดพอหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ และตากไว้ให้แห้งก่อนนำมาใช้งาน
2. มือจับประตูรถ
จุดที่จำเป็นต้องสัมผัสก่อนขึ้นรถนั่นคือ มือจับประตู นับเป็นด่านแรกที่มีการจับมากที่สุดบนตัวรถ มือจับประตูอาจได้รับสิ่งสกปรกจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ทั้งฝุ่น ควัน ขี้นก ดินหรือโคลน เป็นต้น นอกจากนี้อาจมากจากมือของผู้ขับขี่เองที่อาจสัมผัสสิ่งอื่น ๆ ที่เจือปนเชื้อโรคมาก่อน ดังนั้นหลังจากจับมือเปิดประตูแล้วก็ควรเช็ดมือให้สะอาด อาจใช้แอลกอฮอล หรือทิชชูเปียก หากไม่มีก็ควรติดขวดน้ำเปล่าไว้ในรถเพื่อล้างมือก็ได้
3. สวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศ
เมื่อขึ้นรถมาย่อมต้องรีบเปิดแอร์ก่อนสิ่งอื่นสิ่งใด เพราะอากาศที่ร้อนสุด ๆ ดังนั้นหลังจากปิดประตูสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว การสัมผัสสวิตช์ควบคุมแอร์ก็อาจมีสิ่งสกปรกติดไม้ติดมือมาด้วย
4. พวงมาลัย
พวงมาลัยเป็นอุปกรณ์ที่ต้องจับตลอดเวลาขณะขับรถ และในบางครั้งจำเป็นต้องใช้มือหยิบจับสิ่งของ หรือแม้สัมผัสร่างกายโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า เช่น การขยี้ตา แคะแกะเกาจมูกหรือหู ย่อมเสี่ยงต่อการถูกเชื้อโรคและสิ่งสกปรกปนเปื้อนได้ง่ายมาก
5. เกียร์
เกียร์หรือหัวเกียร์ก็นับเป็นจุดที่ต้องสัมผัสก่อนการออกรถ และเป็นจุดที่ถูกจับหลังจากกดสวิตช์ต่าง ๆ แล้ว ดังนั้นตำแหน่งเกียร์ก็อาจเป็นจุดที่มีสิ่งสกปรกสะสมเอาไว้มากพอสมควร
6. เบรกมือ
รถที่ใช้เบรกมือแบบก้านดึงอาจมีการสะสมของสิ่งสกปรกติดทั้งตัวก้านจับและปุ่มปลดล็อค จึงจำเป็นต้องทำความสะอาดสม่ำเสมอ ส่วนในรถยนต์ที่มีระบบเบรกมือไฟฟ้าก็อาจมีสิ่งสกปรกสะสมที่ปุ่มกดด้วยเช่นกัน ซึ่งจุดสัมผัสนี้ต้องใช้นิ้วกดลงไปอาจมีความเสี่ยงกว่าหากนิ้วไปสัมผัสส่วนสำคัญบนใบหน้า
7. มือจับประตูด้านในและสวิตช์แผงควบคุมที่แผงประตู
มือจับประตูด้านในก็เป็นอีกจุดที่สัมผัสหลังเข้ามาในรถแล้ว ส่วนสวิตช์บนแผงควบคุมประตู เช่น สวิตช์ล็อคประตู กาง-ปรับกระจกมองข้าง เลื่อนกระจก ล้วนมีสิ่งสกปรกติดอยู่ รวมถึงรถยนต์ที่มีสวิตช์สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วย ซึ่งเมื่อเข้ามานั่งตำแหน่งผู้ขับแล้วจำเป็นต้องมีการปรับมุมมองของกระจกหรือกดล็อคประตูให้พร้อมก่อนออกรถ
8. สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง
การเปิดเครื่องเสียงนั้นเพื่อความเพลิดเพลินในการขับรถ หรือฟังข่าวสารต่าง ๆ จำเป็นต้องสัมผัสสวิตช์ควบคุมทั้งปุ่มเปิด-ปิด ปุ่มเลือกการใช้งานวิทยุ Bluetooth ฯลฯ นับเป็นอีกจุดที่เสี่ยงไม่น้อย เว้นแต่ว่าคุณจะไม่ปิดระบบเครื่องเสียงตอนดับเครื่อง หรือในรถบางรุ่นมีระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนอัตโนมัติก็อาจลดการสัมผัสสวิตช์เครื่องเสียงได้
9. ก้านไฟเลี้ยว-ปัดน้ำฝน
สวิตช์ไฟเลี้ยวหรือก้านโยกหลังพวงมาลัยก็นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้งานทุกครั้งเมื่อต้องเปลี่ยนช่องทางหรือเลี้ยวรถ โดยนับเป็นจุดที่มีการสัมผัสบ่อย ๆ เช่นกัน ยกเว้นผู้ที่มัก "ลืมใช้" อาจรอดจากจุดนี้ และเจ้าก้านไฟเลี้ยวนี้เองเวลาเปิดใช้งานมักจะใช้เพียงส่วนด้านข้างของนิ้วเป็นตัวสัมผัสในการดันขึ้น-ลง ดังนั้นในขณะต้องล้างมืออย่าลืมถูซอกนิ้วให้สะอาดด้วย นอกจากนี้ก้านใบปัดน้ำฝนก็นับเป็นอีกจุดสัมผัสเสี่ยงด้วยเช่นกัน
10. เบาะหรือที่วางแขน
จุดนี้อาจดูสำคัญน้อยสุด แต่ก็ยังคงเป็นจุดที่ถูกสัมผัส ไม่แพ้จุดอื่นเลย บางคนเมื่อเข้ามาในรถอาจใช้มือเท้าตัวเบาะก่อนลงนั่ง หรือเมื่อนั่งแล้วก็อาจสัมผัสกับที่วางแขน ซึ่งบางรุ่นก็มีกล่องใส่ของหรือจุดวางของบริเวณคอนโซลกลาง จึงมีโอกาสสัมผัสกับความสกปรกได้ไม่ต่างจากจุดอื่น
จุดต่าง ๆ บนรถยนต์นี้ หากสัมผัสแล้วก็ควรล้างมือบ่อย ๆ อาจจะใช้ทิชชูเปียกหรือแอลกลฮอลทำความสะอาดก็ได้ นอกจากนี้อย่าลืมทำความสะอาดรถยนต์ล้างดูดฝุ่นเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือหากมีความสกปรกมาก โดยปัจจุบันมีเชื้อโรคที่น่ากลัวมากมาย อาจจำเป็นต้องเข้ารับการอบโอโซนหรือลงน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณจุดสัมผัวต่าง ๆ เพื่อความสะอาดและปลอดภัยห่างไกลโรค นอกจากนี้อาจรวมไปถึงสิ่งของต่าง ๆ ภายในรถ เช่น เศษเหรียญ ธนบัตร บัตรทางด่วน เป็นต้น นับว่าความสะอาดภายนอกและในรถนั้นก็ไม่ควรมองข้ามนะครับ