10 รุ่นรถยุค 90's ใครเป็นใคร จำกันได้ไหม?

เมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมารถยนต์รุ่นที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำสำหรับวัยโจ๋ ยุค 90 นั้น มีมากมายหลายรุ่นที่ถูกจับมาตกแต่ง สวย แต่งโหด โดยเฉพาะการโมดิฟายด์เพิ่มความแรงให้ขับสนุกมากยิ่ง บ้างก็ยกเครื่องยนต์เดิมๆ ออกทิ้งเปลี่ยนขุมพลังใหม่แรงกว่าเดิม มาดูกันว่า ในยุค 90 มีรถรุ่นไหนที่อยู่ในใจกันบ้าง  

 

 

 

นิสสัน เซฟิโร่ (เอ31) ชื่อนี้มีความมัน นับเป็นรถที่ได้รับความนิยมในบรรดาวัยรุ่นยุค 90 มากที่สุดอีกหนึ่งรุ่น ที่ถูกนำมาแต่งซิ่ง ตั้งแต่แต่งล้อแม็กอย่างเดียวไปจนถึงทำทั้งคัน เปลี่ยนเครื่องยนต์ตรงค่ายไปจนถึงข้ามสายพันธุ์ เพราะจากเครื่องยนต์เดิมๆ ในเวอร์ชั่นขายในไทยรหัส RB20E 12V และ RB20DE 24V นั้นมีแรงม้าไม่มากมายเน้นใช้งานทั่วไปราวๆ 121 - 140 ตัว แต่ไม่พอสำหรับพวกเท้าหนักส่วนมากมักวางเครื่องยนต์จากรุ่นพี่ RB20DET จาก GT-R ตัวแรกๆ ระดับ 215 แรงม้า หรือ RB25-26 DET 250-280 แรงม้า นอกจากนี้ยังข้ามสายพันธุ์ไป "กินเจ" กับ 1JZ-GTE/2JZ-GTE หรือ 7M-GTE ระดับ 230-280 แรงม้ากันเลย ราคามือสองสภาพเนียนๆ อยู่ราวๆ 100,000 - 180,000 บาท 

 

 

 

 

ฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู นับเป็นอีกรุ่นที่โดดดังเนื่องจากเป็นรถที่มีรุ่นทำตลาดแบบ 4 ประตูแถม และแตกลายออกมาเป็น 3 ประตู ราคาขณะนั้นอยู่ราวๆ 4-5 แสน วัยรุ่นยุคนั้นรวมถึงสาวๆ จึงเป็นเจ้าของได้ง่าย นอกจากนี้ยังถูกนำมาตกแต่งได้ทั้งสวยและแรง ประกอบกับในญี่ปุ่นก็นับเป็นรุ่นยอดนิยมมากๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นอุปกรณ์ของแต่งต่างๆ จึงมีให้เสียเงินอีกเพียบ สำหรับเครื่องยนต์ที่ฮิตสุดๆ ที่นำมาวางแทนเดิมๆ ในยุคนั้นก็คือ B16A/B16B/B18C ที่มีแรงม้า 160 - 200 ต้ว เมื่อวางในบอดี้เล็กๆ เบาๆ ขนาดนี้วิ่งตัวปลิวเลยทีเดียว ราคามือสองในปัจจุบันราวๆ 80,000 - 200,000 บาท ขึ้นกับสภาพและอุปกรณ์ตกแต่งที่ติดรถมา บางคันของแต่งแท้ครบๆ ทะลุไป 300,000 บาทก็มี!

 

 

 

 

โตโยต้า โคโรล่า (เออี100-101) หรือเรียกติดปากว่า "รุ่นสามห่วง" ที่มาจากการเปลี่ยนโลโก้โตโยต้าจากเดิมเป็นแบบใหม่ โคโรล่ารุ่นนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า พร้อมราคาออปชั่นที่โดนใจทั้ง เด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น วัยทำงาน วัยเกษียน ด้วยการใช้งานที่เน้นความประหยัดน้ำมันจากเครื่องยนต์สุดถึก 4A-FE 1.6 ลิตร 116 แรงม้า ก็เพียงพอต่อการใช้งาน แต่... เมื่อวัยรุ่นยุค 90จะซิ่งทั้งทีม้าร้อยกว่าตัวคงไม่พอเท้า ส่วนมากมักเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น 4A-GE 20 VALVE ทั้งฝาครอบวาล์วสีเงินและสีดำที่มีแรงม้า 160 - 175 ตัว หรือหากชอบจี๊ดๆ แบบประหยัดก็จัด 4E-FTE 1.3 ลิตร เทอร์โบ 145 แรงม้าไปวิ่งเล่น และหากยังแรงไม่สะใจก็ควบ 3S-GE/3S-GTE เทอร์โบไปเลย ราคาสามห่วงมืองสองราวๆ 60,000 - 120,000 บาท   

 

 

 

 

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 รหัส อี36 เป็นรถยุโรปที่บรรดาผู้มีอันจะกินให้ความนิยมมาแต่งซิ่งมากพอๆ กับรถญี่ปุ่นในยุคนั้น ด้วยรูปทรงสวยบวกความสปอร์ต เครื่องยนต์ก็มีตั้งแต่กำลังพอใช้งานไปจนถึงตัวแรง 6 สูบเรียง 2.5 ลิตร แต่เมื่อรักที่จะซิ่งก็หนีไม่พ้นการ Swarp Engine แม้จะมีเครื่องยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยูให้เล่นก็ตาม แต่ในสมัยนั้นราคาสูงมากๆ จนยากจะเอื้อมถึงและหายาก จึงหันมาใช้เครื่องยนต์ค่ายโตโยต้าหรือนิสสันตระกูล 6 สูบเรียงเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะรหัส 7M-GTE 3.0 ลิตร 230 แรงม้า ดังนั้นใครยังคิดถึงความหล่อของรุ่นนี้ในตลาดรถมือสองราคาราวๆ 80,000 - 300,000 บาท ขึ้นกับรุ่นย่อยและสภาพรถ 

 

 

 

 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส หรือรหัสดับเบิลยู124 ก็เป็นรถเศรษฐีอีกรุ่นที่มาแรงในยุคนั้น ด้วยความเป็นรถยุโรปโครงสร้างแข็งแกร่งและทันสมัย จึงเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเฟิร์มในช่วงล่างความปลอดภัยและสมรรถนะการขับขี่ที่ดี และก็ไม่พ้นถูกจับมาโมดิฟายด์ ตั้งแต่ติดตั้งเทอร์โบสั่งเครื่องยนต์สเปคนอกแรงๆ อย่าง Brabus หรือ AMG มาแทนเครื่องเดิม และบางคันประหยัดงบไปคบพลังวาซาบิจากค่ายญี่ปุ่นอย่าง 1/2JZ-GTE ก็แรงได้เช่นกัน โดยเจ้า W124 ราคามือสองประมาณ 80,000 ขึ้นไป แล้วแต่รุ่นย่อยและรุ่นตัวถังด้วย   

 

 

 

 

มิตซูบิชิ เลนเซอร์ (อี-คาร์) เป็นรุ่นที่ฮิตไม่น้อยไปกว่าค่ายอื่นๆ โดยเฉพาะยิ่งมีรุ่นตัวแรงขั้นเทพของญี่ปุ่นในรุ่น EVOLUTION มาเป็นต้นแบบยิ่งทำให้วัยรุ่นยุคนั้น นำมาเป็นแนวทางในการตกแต่งให้สวยและแรงตามต้นฉบับ นอกจากชุดบอดี้พาร์ทที่ติดตั้งเพิ่มแล้วยังมีเครื่องยนต์ที่แรงเร้าใจในทุกเวอร์ชั่นตั้ง 4G93 1.8 ลิตร เทอร์โบ 180 - 215 แรงม้า 4WD หรือ 4G63T 2.0 ลิตร เทอร์โบ 205-280 แรงม้า 4WD ที่มีใน EVOLUTION 1-4 (ในสมัยนั้น) นับเป็นเครื่องยนต์แบบ 4 เม็ด (4 สูบ) ตัวแรงที่สามารถต่อกรกับชาว "กินเจ" 6 เม็ดได้ สำหรับค่าตัวมือสองมีตั้งแต่ 40,000 - 200,000 บาทขึ้นกับสภาพและรุ่นที่ได้ทำการเปลี่ยนโฉมเป็น Evolution แท้ๆ แล้ว แต่ถ้าเป็นรุ่นแท้นำเข้าทั้งคันน่าจะอยู่ที่ 400,000 บาท+

 

 

 

 

วอลโว่ 740 นับเป็นรถยุโรปทรงกล่องรุ่นแรกๆ ที่วัยรุ่นยุค 90s ชื่นชอบในความหรูหราความแข็งและความปลอดภัย เมื่อปลดระวางจากญาติผู้ใหญ่ที่เลิกใช้งานก็ถูกรุ่นลูกหลานนำมาปรับลุคให้ดูเด็กลงด้วยการใส่แม็กโหลดเตี้ย วางเครื่องยนต์แรงๆ อย่างตระกูล "เจ" จากโตโยต้าอันยอดฮิตที่คุ้นเคยแทนเครื่องยนต์แคมเดี่ยวรุ่นเดิมที่ล้าสมัยกว่า ราคามือสองเริ่มต้นเพียง 40,000 บาทเท่านั้น

 

 

 

 

ค่ายนิสสันสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการนำรถสปอร์ตคูเป้ 200 เอสเอ็กซ์ตัวแรงนำเข้าจากญี่ปุ่นมาขาย ด้วยรูปทรงสปอร์ตแท้ๆ เป็นทุนเดิมบวกกับเครื่องยนต์ที่แรงพอตัวรหัส CA18DET 1.8 เทอร์โบ 170 แรงม้า ให้ขับเล่นหล่อๆ นอกจากนี้ยังนิยมเปลี่ยนเครื่องยนต์ตระกูล SR20DET 2.0 ลิตร 205 - 250 แรงม้า เพื่อมาซ่ากับเหล่าเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงอย่างไม่อายใคร นิสสัน 200 เอสเอ็กซ์รถยอดนิยมตลอดกาลทำให้ค่าตัวมือสองไม่ธรรมดาราวๆ 4 - 6 แสนเลยทีเดียว

 

 

 

 

มาสด้า 323 เอสติน่า รถสปอร์ตซีดานแฮตช์แบ็ก 5 ประตู นับเป็นรถใช้งานที่เครื่องยนต์มีกำลังแรงระดับต้นๆ ในเซกเมนต์เดียวกันของยุคนั้น ด้วยขุมพลัง 4 สูบ BP-ZE 1.8 ลิตร 140 แรงม้า ที่แรงสะใจและบวกกับรูปทรงสปอร์ตด้วยไฟหน้าแบบเปิดขึ้น หรือ "POP-UP" คล้ายรถสปอร์ตค่ายหรูๆ ยิ่งทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ทั้งใช้งานและนำมาแต่งซิ่ง โดยหากเครื่องยนต์เดิมเริ่มชินเท้าก็สามารถหาเครื่องยนต์รหัสร้อน BP-T 1.8 ลิตร เทอร์โบ 180 - 209 แรงม้า มาวางแทนได้อย่างพอดีตรงรุ่น ได้ความแรงขึ้นอีกหลายเท่าตัว ราคามือสองนั้นราวๆ 50,000 - 100,000 บาท ขึ้นกับสภาพและรุ่นปี

  

 

 

 

ซูบารุ อิมเพรสซ่า จีซี8 เป็นรุ่นที่โด่งดังมากในยุคนั้น โดยเฉพาะเครื่องยนต์นอนยัน BOXER 2.0 ลิตรเทอร์โบ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้เป็นรถรุ่นหนึ่งที่วัยรุ่นยุคนั้นยอมอดข้าวอดน้ำเก็บเงินซื้อมาไว้ครอบครอง นอกจากนี้ความแรงก็ไม่เป็นรองใครด้วยกำลัง 210 - 280 แรงม้า ตามแต่รุ่นย่อยและสมรรถนะการเกาะถนนที่ดีเยี่ยมจากเครื่องยนต์ที่จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้เป็นรถที่ควบคุมง่าย และเสียงท่อไอเสียดังออกมาแบบกระพือเหมือนเครื่องเดินไม่เต็มสูบยิ่งดุดันเร้าใจโสตประสาทยิ่งนัก ราคามือสองปัจจุบันตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไปเท่านั้นเอง แต่ก็มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ 4WD แท้ๆ และดัดแปลงให้เลือกตามงบประมาณ 

 

 

 

ไม่ว่าจะเป็นรถซิ่งยุคไหนสิ่งที่คงอยู่ทุกสมัยนั่นคือ การทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น แต่ต้องอย่าลืมเรื่องความปลอดภัยของระบบช่วงล่างที่ต้องรองรับกับความแรงที่เพิ่มขึ้น และการขับขี่ที่ปลอดภัยบนท้องถนน เพราะการขับรถซิ่งหรือขับรถแข่งในทางสาธารณะย่อมผิดกฎหมาย และก่อให้เกิดอันตรายได้