เทคนิคการใช้ระบบ 4X4 ลุยป่าให้แจ่มสำหรับมือใหม่

รถยนต์อเนกประสงค์หรือ SUV ในปัจจุบันมีโหมดการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ ที่พัฒนาไปไกลมากขึ้น โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกสั่งการควบคุมการส่งกำลังได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง 4X4 Full-Time / Part-Time นอกจากนี้ยังมีระบบอัจฉริยะต่างๆ มาช่วยในคำนวณการแปรผันของระบบส่งถ่ายกำลังไปยังล้อทั้ง 4 อัตโนมัติ ซึ่งคนขับแทบไม่ต้องทำอะไรเอง เพียงเลือกโหมดการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ รถก็สามารถขับผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้อย่างปลอดภ้ยและง่ายดาย แต่ว่าผู้ขับขี่ก็ควรมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้างในเรื่องการใช้งานของระบบต่างๆ เพื่อให้คุ้มค่ากับการซื้อรถ SUV พร้อมลุย และให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของรถ มาดูว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมีอะไ รและทำงานแตกต่างกันอย่างไรในแต่ละรูปแบบ  

โหมดขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง (2H) นับเป็นการใช้งานปกติทั่วไป เช่น ขับขี่ในเมือง สภาพถนนเรียบ ทางคอนกรีตหรือทางที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงทางดำทางฝุ่นที่สภาพไม่ลื่นมาก ระบบนี้จะสามารถใช้งานได้ โดยส่วนใหญ่แล้วรถ SUV รุ่นใหม่ๆ มักจะมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และควบคุมการทรงตัวต่างๆ มาด้วย เช่น ป้องกันล้อหมุนฟรี, ป้องกันการลื่นไถล, ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC เป็นต้น จึงขับขี่ได้ทั้งถนนปกติและถนนที่มีการลื่นไถลได้เล็กๆ น้อยๆ สำหรับโหมดนี้มักเป็นค่ามาตรฐานไม่ต้องเปิดปิดหรือปรับปุ่มเลือกรูปแบบการขับขี่ใดๆ  

โหลดขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูงหรือ 4 High คือการเลือกใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อกับสภาพถนนทั่วไป ที่มีลักษณะเปียกลื่นมากขึ้นกว่าปกติ หรือขับขี่ผ่านเส้นทางหุบเขา ทางโค้งที่สภาพถนนเปียกลื่น หรือแม้แต่ทางฝุ่น ลูกรัง กรวด หรือ โคลนตื้นๆ ระบบนี้ก็จะทำงานแปรผันกำลังแรงบิดไปยังล้อทั้ง 4 แบบอัตโนมัติ เพื่อให้ขับขี่ต่อไปได้อย่างปลอดภัย และที่สำคัญสามารถทำความเร็วสูงๆ เกิน 100 กม./ชม. ได้สบายๆ ในโหมดนี้ การใช้งานก็แสนง่ายเพียงหมุนสวิตช์เลือกรูปแบบการขับขี่โดยไม่ต้องจอดรถสนิท หลังจากนั้นก็รอระบบตอบรับการทำงานบนหน้าปัดก็เรียบร้อย 

โหมดนี้จะเน้นสมรรถนะการปีนไต่ การตะกุยแบบเต็มรูปแบบของระบบทั้ง 4 ล้อ เพื่อให้ผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ เช่น โคลนลึก ร่างถนนลึก สภาพถนนเปียกและลื่นมากๆ เมื่อขับผ่านเส้นทางป่าเขา หรือแม้แต่ลุยผ่านร่องน้ำ ลำธาร และไต่ขึ้นทางชันมากๆ เป็นต้น ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีประการณ์มากมายนัก ในโหมดนี้จำเป็นต้องหยุดรถให้สนิทพร้อมใส่เกียร์ว่าง (N) จึงจะสามารถหมุนสวิตช์เลือกรูปแบบขับขี่ได้ และรอให้ไฟเตือนโชว์ขึ้นบนหน้าปัดก่อนก็เป็นอันสมบูรณ์ และตอนปลดระบบออกก็ต้องหยุดรถเช่นกัน  

ระบบ 4L จะเพิ่มเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ และปรับอัตราทดให้สูงเพื่อมีแรงในการตะกุย ดังนั้น ความเร็วจะต่ำมากๆ
เมื่อลุยเสร็จก็ควรปลดระบบออกสู่โหมดใช้งานทั่วไปหรือ 4H ก็ได้ครับ

ลุยแบบนี้ต้องเดินคันเร่งและใช้ความเร็วสม่ำเสมอด้วยนะครับ 

ในรถ SUV ขับเคลื่อน 4 ล้อ บางรุ่นได้ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติที่มีความฉลาด สามารถคำนวณรูปแบบการขับขี่ผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ โดยที่ผู้ขับไม่ต้องปรับเลือกโหมดเอง เช่น 4HLC หรือ ระบบที่สามารถเลือกค้างเอาไว้ โดยระบบจะทำการคำนวนสภาพของแรงบิดทั้ง 4 ล้อ เมื่อมีอาการลื่นหรือหมุนฟรีเกิดขึ้น ระบบจะสั่งการให้ล้อทั้ง 4 ทำงานสอดคล้องกันอย่างลงตัว เพื่อให้ผู้ขับขี่ผ่านสภาณการณ์นั้นไปได้อย่างง่ายดายและไม่ต้องยุ่งยากในการจอดรถเลือกโหมดต่างๆ อีกด้วย 

โหมดขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบที่เลือกปรับไปตำแหน่ง 4HLC แล้วก็ใช้งานได้เลย

ในรูปนี้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ (รูปรถเปล่าๆ ) จะทำงานเป็นพื้นฐานไม่จำเป็นต้องเลือกใหม่
ส่วนรูปหิมะคือ เพิ่มระบบป้องการลื่นไถล, รูปต้นกระบองเพชรคือ ใช้ในสภาพถนนเป็นกรวด ทราย ดินทราย
และรูปรถเอียงเป็นการลุยผ่านโขดหินต่างๆ ต้องใช้กำลังสูงๆ ในการปีนไต่ เป็นต้น

นอกจากจะเข้าใจลักษณะการใช้งานต่างๆ ของโหมดขับเคลื่อนแล้ว ผู้ขับขี่ควรศึกษาข้อมูลหรือฝึกใช้งานระบบโหมดต่างๆ นี้ให้คุ้นเคยและถูกต้อง เพราะหากใช้งานไม่ตรงกับสภาพถนนจริง ก็อาจไม่เกิดประโยชน์ หรือเกิดการเสียหากต่อระบบได้ การใช้งานโหมดต่างๆ ของระบบขับเคลื่อนนี้ ไม่ยากไม่ง่าย จึงต้องทำความเข้าใจควบคู่กับไว้ด้วยนะครับ 

สรุปว่า 2H ขับขี่ทั่วไป 4H ขับขี่ทางเรียบ, ทางฝุ่น, โคลน ในสภาพถนนเปียกลื่นไม่มากนัก เช่น ฝนตก น้ำขัง และสุดท้าย 4L ใช้ลุยทางโหดๆ ทั้งโคลน บ่อน้ำ ลำธาร โขดหิน เป็นต้น 

ทางแบบนี้โหมด 2H สบายๆ

แบบนี้จะ 2H หรือ 4HLC ก็ได้หรือจัด 4H ไปเลย

ลุยแบบโหดๆ ต้อง 4L