รีวิว NEW MG5 พิสูจน์สมรรถนะซีดานสไตล์คูเป้กับ 2 ขุมพลัง
ทีมงานเช็คราคา.คอม ร่วมขับทดสอบรถ
NEW MG5 แบบกลุ่ม เพื่อพิสูจน์สมรรถนะซีดานสไตล์ของ NEW MG5 ที่รูปลักษณ์ภายนอกปราดเปรียว ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายเหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน สมรรถนะการขับดี และระบบความปลอดภัยเพียบพร้อม ขับเคลื่อนไปอย่างสนุกสนานด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ทั้งรุ่นธรรมดาและเทอร์โบ บนเส้นทางสุราษฎร์ธานี-ภูเก็ต กว่า 300 กม. โดยผู้เขียนได้โอกาสทดลองขับทั้ง 2 รุ่นเครื่องยนต์ พร้อมทดลองขับประหยัดน้ำมันกับกิจกรรม MG5 Eco Driving ระยะทาง 96.8 กม. โดยมีเพื่อนสื่อมวลชนอีกท่านร่วมรถเพื่อสลับขับ
กำหนดเส้นทางการทดสอบเริ่มปล่อยตัวจาก โชว์รูมเอ็มจี สุราษฏร์ธานี (เจเอสเอ็น ออโต้) ผ่านจังหวัดกระบี่ และพังงา ก่อนมุ่งหน้าสู่โรงแรมอังสนา ลากูน่า จังหวัดภูเก็ต อันเป็นจุดหมายปลายทาง รวมระยะทางเกือบ 300 กิโลเมตร ด้วยเส้นทางการขับหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางตรงยาว โค้งซ้าย-ขวา และขึ้น-ลงเนิน ตลอดจนผ่านชุมชนเมืองที่การจราจรหนาแน่น
เอ็มจี สุราษฏร์ธานี จำหน่ายรถยนต์ เอ็มจี ทุกรุ่นด้วยทีมที่ปรึกษาด้านการขายและการบริการอันยอดเยี่ยม พร้อมด้วยการให้บริการพื้นฐานแบบครบวงจร ตั้งแต่การตรวจเช็คระยะ การซ่อมบำรุง และการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ จากพนักงานคุณภาพที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้พนักงานทุกคนยังพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการให้บริการ ครบครันด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและอะไหล่แท้จาก เอ็มจี ที่มีพร้อมให้บริการอย่างรวดเร็ว รวมถึงการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยด้วยการให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลาการรับประกัน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร และที่พิเศษสุด คือ การบริการส่งมอบรถยนต์ถึงบ้านลูกค้า ทั้งรถยนต์ใหม่และรถยนต์ที่เข้ามาซ่อมบำรุงต่างๆ
NEW MG5 โดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคมแบบสปอร์ต ภายใต้แนวคิด คูเป้ ดีไซน์ (Coupe Design) ด้วยมิติตัวถังแบบ 4 ประตูเน้นความปราดเปรียว ฝากระโปรงหน้าโชว์สันขอบรูปทรง V-Shape สอดรับอย่างลงตัวกับกรอบไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์ สวยงามเมื่อเห็นในเวลากลางวันและเพิ่มทัศนวิสัยยามค่ำคืน และเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นด้วยไฟ Daytime Running Lights (DRL) ด้านไฟท้ายดีไซน์แบบยาวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ เอ็มจี ส่วนรุ่นท๊อปมีหลังคาซันรูฟสามารถเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ด้านหน้าออกแบบสวยงามลงตัวให้อารมณ์สปอร์ตสอดรับกับตัวถัง ด้านข้างเผยให้เห็นลายเส้นตัวถังชัดเจน และมุมเสา C ที่เอียงลาดต่ำ จนทำให้ตัวรถซีดานดูเหมือนคูเป้ ไฟท้ายเพรียวสปอร์ตเชื่อมต่อด้วยไฟและทับทิมกลางจนดูเป็นเส้นเดียวกัน แต่ด้านหลังกันชนหลังดูเป็นชั้นมากไปหน่อย สัญลักษณ์ความแรงของรุ่นเทอร์โบ NEW MG5 ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดใหญ่เทียบเท่าคอมแพ็คคาร์ โดยภายในห้องโดยสารออกแบบให้กว้างนั่งสบายทุกตำแหน่ง ด้านวัสดุผลิตโดยใช้ของดีมีคุณภาพ เน้นทนทาน ส่วนเบาะนั่งหุ้มหนังโอบกระชับลำตัว และสะดวกกับการควบคุมด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น แผงคอนโซลหน้าและหน้าปัดดีไซน์สปอร์ตมองง่าย พร้อมเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยระบบเครื่องเสียงและหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว มีระบบระบบนำทางและความปลอดภัย เสริมด้วยกล้องมองหลังและการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธให้ความสะดวกสบายไร้กังวลขณะใช้งาน
MG บอกว่าภายในใช้วัดสุขึ้นรูปเกรดดีทนทาน แต่การออกแบบรูปทรงและพื้นผิวน่าปรับให้ดูสปอร์ตมากกว่านี้ เบาะหนังแท้ผสมสังเคราะห์สำหรับรุ่น X มีทั้งดำและเบจ ขึ้นกับสีรถภายนอก เบาะหลังนั่งสบาย พร้อมสะดวกสบายกับพนักวางแขนพร้อมวางแก้ว มีเฉพาะรุ่น X พวงมาลัยมิลติฟังก์ชันทรงสวย ทันสมัย ห่อ
หุ้มด้วยหนังจับกระชับมือ มาตรวัดใหญ่พอมองเห็นชัดเจน ส่วน redline เริ่มที่ 7,000 รอบต่อนาที ! NEW MG5 มีเครื่องยนต์เบนซิน 2 รุ่นให้เลือก คือ เครื่องยนต์ TURBO 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์กว้าง 2,000 - 4,400 รอบต่อนาที จึงมั่นใจได้ในทุกการขับเคลื่อน และเครื่องยนต์ VCT 1.5 ลิตร กำลังสูงสุดที่ 106 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที โดย 2 เครื่องยนต์รองรับเชื้อเพลิงได้ถึงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85
ระบบส่งกำลังของ NEW MG5 เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ในรุ่น TURBO 1.5 ลิตร และแบบ 4 สปีด ในรุ่น VCT 1.5 ลิตร ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับขุมพลังของ NEW MG5 ให้การใช้งานครอบคลุมทั้งในเมืองและนอกเมือง คุณสมบัติเด่น คือ การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและนุ่มนวล ผู้ขับสามารถปรับโหมดได้ทั้งแบบ Sport และแบบ Manual
ระบบกันสะเทือนของ NEW MG5 เติมเต็มความมั่นใจทุกเส้นทางด้วยเอกลักษณ์ช่วงล่าง European Tuning Suspension มาตรฐานสูงสุดแบบยุโรป ด้านหน้าแบบ Ultra-Rigid MacPherson Strut ด้านหลังแบบ H-Type Torsion Beam คานขวางแบบ U-Shape ให้การยึดเกาะถนนที่แน่นหนึบทุกย่านความเร็ว ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบ LDC (Low Dragging Calipers) ตอบสนองทุกการสั่งการอย่างรวดเร็วและเฉียบคม
การขับทดสอบ NEW MG5 ด้วยระยะทางกว่า 300 กม. จากจังหวัดสุราษฎร์ธานีสู่ภูเก็ต ช่วงแรกเป็นการขับในเมือง ใช้ความเร็วต่ำเกือบตลอด สลับจอดเดินเบาตามจังหวะดสัญญานไฟ โดยผู้เขียนได้นั่งรถรุ่น 1.5 เทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ ในตำแหน่งผู้โดยสาร ความรู้สึกที่พอสัมผัสและสังเกตุได้คือ นั่งสบาย ตัวรถขับเคลื่อนผ่านแยกเล็ก เลาะเลี้ยวได้คล่องแคล่ว แต่ระบบเบรกตอบสนองได้ไม่นุ่มนวลเท่าไหร่ เพื่อนสื่อมวลชนที่ขับบอกว่าต้องกดแป้นเบรกลึก จากนั้นได้ลองระบบนำทางที่มีเสียงภาษาไทยคอยบอกเส้นทาง ก็รู้สึกว่าน้ำเสียงเคร่งขรึมไปหน่อย
หลังจากพ้นเขตตัวเมืองออกสู่ถนนระหว่างจังหวัด ผู้ขับก็เริ่มทำความเร็วได้มากขึ้น ช่วงนี้ระบบเบรกเริ่มให้การตอบสนองดีกว่าเดิม อาจเป็นเพราะสเปกผ้าเบรกเป็นแบบอุณหภูมิทำงานสูงหน่อย การเร่งแซงรถช้า พร้อมไปกับการเปลี่ยนเลน NEW MG5 ทำได้ดีอย่างน่าพอใจ เมื่อผู้เขียนสลับมาทำหน้าที่ขับเป็นช่วง ECO DRIVING จึงขับแบบประหยัดด้วยการพยายามรักษารอบไม่ให้เกิน 2,000 รอบต่อนาที ตลอดระยะทางกว่า 100 กม. โดยมีเงื่อนไขความเร็วเฉลี่ยต้องเกิน 85 กม./ชม. ด้วย ซึ่งการตอบสนองของคันเร่งก็ละเอียดเพียงพอต่อการควบคุมการเปิด-ปิดของลิ้นคันเร่งให้เคลื่อนไหวแบบสมูทต่อเนื่องที่สุด การที่มีระบบอัดอากาศเทอร์โบนับเป็นข้อดีแม้ต้องทำอัตราเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไปเพราะมีบูสต์ช่วยผลักดันส่งให้รถแซงรถช้าได้แบบทันจังหวะการเปลี่ยนเลนกลับ ขณะที่รอบก็ยังเดินได้ไม่สูงมาก เมื่อถึงที่หมายจุดสิ้นสุดการทดสอบ ECO DRIVING ตัวเลขจากจอแสดงผลก็คำนวณได้ 17.5 กม./ลิตร นับว่าน่าพอใจมาก
จากนั้นผู้เขียนได้ย้ายไปขับ NEW MG5 เครื่องยนต์ 1.5 VCT แบบไม่มีระบบอัดอากาศช่วย เกียร์อัตโนมัติ โดยเป็นช่วงฟรีรันสู่ปลายทางที่โรงแรมอังสนา ลากูน่า ภูเก็ต ระหว่างทางฝูง NEW MG5 เกาะกลุ่มสลับกันแซงขึ้น-ลงกันตลอดทาง โดยมีรถนำเป็นรุ่น MG6 แต่สิ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนหลังกระโดดมาขับรุ่นนี้ก็คือ อัตราเร่งที่ค่อนข้างช้า ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมชาติของเครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบไร้ระบบอัดอากาศ ทำให้ต้องใช้การชิฟต์เกียร์เองช่วย การขับให้รถเกาะกลุ่มและไล่ตาม MG6 ทันในช่วงฟรีรัน ก็ต้องเล่นรอบรักษาความเร็วให้ต่อเนื่องมากที่สุด ดังนั้นทุกโค้งจึงต้องเข้าแบบถอนคันเร่งให้น้อยที่สุด และมองไลน์ช่องทางไปให้ดีที่สุดเพื่อใช้เบรกให้น้อยที่สุด
NEW MG5 เครื่องยนต์ 1.5 VCT แม้ไม่จัดจ้านด้านความแรง แต่ก็สามารถขับสนุกได้เช่นกัน จริงๆ รุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ชอบด้านความคุ้มค่าของตัวรถไม่เน้นสมรรถนะด้านความแรง แต่เน้นประโยชน์ใช้งานรอบด้านเป็นหลัก เมื่อถึงที่หมายปลายทาง แม้มีเวลาไม่กี่ชั่วโมงในการขับทดสอบ ผู้เขียนก็พอจับความรู้สึกได้ว่า NEW MG5 รุ่นเทอร์โบมีอัตราเร่งดีน่าพอใจมาก ช่วงล่างทั้ง 2 รุ่นยึดเกาะดี ไม่มีอาการย้วย ขับสนุก การบังคับเลี้ยวทำได้อย่างน่าพอใจ แต่น่ามีชีวิตชีวามากกว่านี้ ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ มั่นใจได้ แต่ความเร็วต่ำต้องเผื่อระยะกับรถคันข้างหน้าด้วย โดยเฉพาะช่วงเริ่มสตาร์ทขับออกไปใหม่ๆ โดยรวมนับว่าพอใจกับ NEW MG5 ที่ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดีในหลายๆ ด้าน
การได้ขับรุ่นเทอร์โบบนทางตรงยาวแต่ไม่สามารถทำความเร็วได้ตามใจเพราะเป็นช่วง Eco Run นับเป็นความทรมาน
การขับทดสอบหลายช่วงเน้นการพิสูจน์สมรรถนะเครื่องยนต์และช่วงล่าง โดยในรุ่น 1.5 VCT ผู้เขียนได้ลองขับแบบสปอร์ตเต็มที่โดยชิฟต์เกียร์เองเพื่อเลี้ยงรอบให้ต่อเนื่องมากที่สุด อัตราสิ้นเปลืองจึงค่อนข้างดุเดือนที่ 9.09 กม./ลิตร ส่วนช่วงขับประหยัดกับ Eco Driving กับรุ่น 1.5 เทอร์โบ ผู้เขียนทำหน้าที่ขับและมีเพื่อนสื่อมวลชนกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์รวม 3 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระ ขับแบบสบายๆ ไม่ซีเรียสคุยกันไปตลอดทาง แต่พยายามไม่กดคันเร่งเกิน 2,000 รอบต่อนาที ด้วยระยะทางกว่า 100 กม. ความเร็วเฉลี่ย 83 กม./ชม. วัดอัตราสิ้นเปลืองที่ได้ 17.5 กม./ลิตร
เทคโนโลยีและความสะดวกสบาย
NEW MG5 เป็นรถยนต์รุ่นที่สองของ เอ็มจี ที่ติดตั้งระบบ inkaNet เทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะระหว่างผู้ขับและรถยนต์ เอ็มจี ที่ทำงานบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย inkaNet ประกอบด้วย 7 ฟังก์ชั่นหลัก ได้แก่ ฟังก์ชั่นแจ้งเตือนความผิดปกติ เมื่อมีการเคลื่อนหรือสตาร์ทรถยนต์ ฟังก์ชั่นระบบนำทาง ผ่านทาง Google Map และช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามตำแหน่งของรถ และข้อมูลสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ฟังก์ชั่นระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยกำหนดขอบเขตรัศมีการขับรถยนต์ ฟังก์ชั่นแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถ เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยทั้งแบบรายสัปดาห์และแบบรายเดือน ฟังก์ชั่นระบบเลขาฯ ส่วนตัว สามารถติดต่อ MG CALL CENTRE เพียงปลายนิ้วสัมผัส พร้อมฟังก์ชั่นวางแผนการเดินทาง *พิเศษสำหรับลูกค้า NEW MG5 จะได้รับสิทธิพิเศษสามารถเชื่อมต่อระบบ inkaNet ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือฟรีนาน 5 ปี
คอนโซลกลางเผยให้เห็นหน้าจอแสดงผลและปุ่มควบคุม ด้านล่างเป็นแผงแอร์อัตโนมัติ ออกแบบใช้งานง่าย ช่อง USB แยกออกมาชัดเจน แต่ AUX ปัจจุบันแทบไม่มีความจำเป็นแล้ว
ช่องใส่ของและวางขวดน้ำครบครัน เสริมความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร
แม้เป็นรถซับคอมแพคแต่ด้านหลังก็เปี่ยมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนรุ่นใหญ่
NEW MG5 อัดแน่นของระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ 9 Integrated Active Safety Systems ที่เหนือกว่ารถซับคอมแพ็คคาร์รุ่นอื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือกว่า ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่อาทิระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill Start Assist System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS - Traction Control System) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System) พร้อมระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD - Electronic Brake Force Distribution) ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR - Motor control Slide Retainer) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC - Curve Brake Control) และระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (ITPMS - Indirect Tire Pressure Monitor System) นอกจากนี้ยังเพิ่มความมั่นใจกับระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBA - Electronic Brake Assist) และระบบควบคุมการทรงตัว (SCS - Stability Control System) นับว่าครบครันด้านความปลอดภัย
ดิสก์เบรกขนาดใหญ่เต็มวงล้อขนาด 16 นิ้ว ผ้าเบรกเริ่มทำงานดีขึ้นเมื่ออุณหภูมิร้อนได้ที่
กล้องมองหลังอุปกรณ์สำคัญด้านความปลอดภัยใน NEW MG5
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
ด้วยราคา 649,000 - 759,000 บาท ย่อมโดนเปรียบเทียบกับกลุ่มรถเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี ด้วยกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะแบรนด์ยอดนิยมในตลาด แต่ด้วยทางเลือกที่มากกว่าอย่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ และรูปลักษณ์อันโดดเด่นของตัวถังซีดานสไตล์คูเป้ ย่อมทำให้ NEW MG5 แตกต่างจากรถกลุ่มเดียวกันอย่างชัดเจน
สำหรับผู้เขียนหลังได้ลองขับทั้ง 2 รุ่นเครื่องยนต์ ก็รู้สึกชอบในรุ่นเทอร์โบมากที่สุด นับเป็นรถ MG ยุคใหม่ ที่รู้สึกได้ถึงการพัฒนาดีกว่าเดิม ส่วนศูนย์บริการก็เริ่มทยอยมีมากขึ้นในหลายจังหวัด จึงไว้วางใจได้สำหรับการเข้ารับบริการที่หลากหลายขึ้น NEW MG5 เป็นรถที่สวยทั้งรูปและจูบหอมกับรถราคาประมาณ 7 แสนบวกลบ แต่จะใช่เนื้อคู่ของคุณหรือเปล่า ต้องไปลองสัมผัสและขับเองที่โชว์รูมครับ
ราคา NEW MG5
- 1.5 ลิตร รุ่น D 649,000 บาท
- 1.5 ลิตร รุ่น X Sunroof 699,000 บาท
- 1.5 ลิตร เทอร์โบ รุ่น D 719,000 บาท
- 1.5 ลิตร เทอร์โบ รุ่น X Sunroof 759,000 บาท