ทดลองขับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ C 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic
เมอร์เซเดส-เบนซ์ C 300 บลูเทคไฮบริด เอสเตท เอเอ็มจี ไดนามิค นับเป็นพระเอกตัวจริงของซี-คลาส ในบ้านเรา โดดเด่นด้วยการใช้งานรอบด้านที่เหนือกว่ารุ่นตัวถังซีดาน เช่น ความจุสัมภาระถึง 1,510 ลิตรภายในฝากระโปรงท้าย พละกำลังจากเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล ผสานการทำงานด้วยระบบไฮบริด นับเป็นความล้ำสมัยด้านเทคโนโลยีที่ยังไม่มีผู้ผลิตรถรายใดเทียบเคียงได้ นอกจากนี้ภายในยังออกแบบได้หรูหราและล้ำสมัย เปี่ยมไปด้วยวัสดุพรีเมียม ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ทีมงานเช็คราคา.คอม ได้รับการเอื้อเฟื้อจาก บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด นำรถรุ่นนี้มารีวิวผ่านบทความนี้ให้ทราบรายละเอียดมากขึ้น
ทีมงานเช็คราคา.คอม เลือกเส้นทางใกล้กรุงเทพฯ โดยเป็นการขับทางไกลเกินร้อยกิโลเมตร และเน้นการจราจรไม่พลุกพล่าน พร้อมมีทางคดเคี้ยวให้ได้ลอง จึงเลือกไป ชะอำ จังหวัดเพชรบุรีโดยขึ้นทางด่วนลงถนนพระราม 2 ขับผ่านสมุทรสงคราม จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 72 สังเกตปั๊มปตท.คลองโคนและป้ายบอกทาง 'เส้นทางลัดไป อ.ชะอำ' จึงตัดเข้าถนนชนบทสายคลองโคน-ชะอำ (ทางหลวงชนบท สาย สส.2021) ล่าสุดทำทางแยกเข้าจากปั๊มชัดเจน เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเลียบอ่าวไทย
ช่วงแรกมีเส้นทางคดเคี้ยว โค้งซ้าย-ขวา ต่อเนื่องบ่อยครั้ง เป็นการทดสอบระบบบังคับเลี้ยวและการทรงตัวของรถไปด้วย เมื่อขับไปเรื่อยๆ ก็พบวัดเขายี่สาร จากวัดเขายี่สารตรงไปตามถนนลาดยางผ่านป่าโกงกางและดงชะคราม เข้าเขตจังหวัดเพชรบุรี มีสะพานข้ามแม่น้ำบางตะบูน
เลือกใช้เส้นทางหลวงชนบทจากถนนพระราม2 ช่วงคลองโคนมุ่งหน้าชะอำ
เพื่อการวิ่งแบบเปิดโล่งและเส้นทางที่คดเคี้ยวมากขึ้น
เมื่อลงสะพานก็จะเข้าสู่ทางหลวงชนบท สาย พบ.4012 เลียบแนวชายฝั่งจนถึง อ.บ้านแหลม จากนั้นก็จะมุ่งหน้าสู่หาดเจ้าสำราญ เข้าสู่ทางหลวงชนบท สาย พบ.4028 เมื่อถึงหาดเจ้าสำราญ ต่อด้วยทางหลวงชนบท พบ.4033 ถึง อ.ชะอำ
เส้นทางนี้เมื่อผ่าน อ.บ้านแหลม สองข้างทางเต็มไปด้วยนาเกลือ โดยมีจุดชมวิวสำหรับจอดรถเป็นระยะ สำหรับนักปั่นจักรยานมีทางตีเส้นเฉพาะปูด้วยผิวจราจรสีแดงตลอดทั้งสองฝั่ง นับเป็นเส้นทางแนะนำสำหรับการขับรถไปชะอำหรือหัวหินในช่วงเทศกาล หรือส่วนหาดเจ้าสำราญกับหาดปึกเตียนทุกวันนี้นับว่าซบเซาเป็นอย่างมาก แทบไม่มีนักท่องเที่ยว โรงแรมและรีสอร์ทหลายแห่งปิดตัว ได้แต่หวังว่าเส้นทางนี้จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของทั้งสองหาดให้กลีบมาครึกครื้นอีกครั้ง
C 300 เอสเตท บนชายหาดเจ้าสำราญ ดูโดดเด่น เข้ากับไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว
โดยรวมนับเป็นการออกแบบที่ก้าวกระโดด ถ้าเทียบกับซี-คลาสรุ่นก่อน สำหรับตัวถังเอสเตทที่นำมารีวิว การออกแบบด้านหน้าและข้างแทบไม่ต่างจากรุ่นซีดานที่เราเคยนำมารีวิวไปก่อนหน้านี้ มีเพียงรูปแบบกันชนที่ต่างตามสไตล์สำนักแต่งเอเอ็มจี ด้านหลังเด่นด้วยสปอยเลอร์กับแนวประตูบานท้ายที่ลู่ลง สร้างความแตกต่างจาก ซี-คลาส ซีดานชัดเจน ส่วนตัวถังรถดูยาว เพรียวแบบสปอร์ต ด้วยไลน์แนวหลังคาต่อเนื่องยาวมาถึงด้านหลังจนจบที่สปอยเลอร์ บนหลังคามีราวไว้รองรับแร็คสำหรับการใช้งานเพิ่มความอเนกประสงค์ ประตูบานท้ายการทำงานตอนเปิดสำหรับเราคิดว่ามันช้าไปหน่อย แต่สะดวกด้วยการกดปุ่มปิดอัตโนมัติบนแนวขอบฝาด้านใน
ตัวถังด้านข้างดูพลิ้วไหว ไลน์เส้นขอบหน้าต่างโค้งแบบสปอร์ต รับกับพละกำลังระดับ 200 แรงม้า
ไฟท้ายแอลอีดี ออกแบบลงตัวรับกับตัวถังด้านท้ายกว้าง เสริมด้วยชุดแต่งจาก AMG ให้อารมณ์สปอร์ต แม้เป็นทรงแวน
ล้อแม็ก AMG ลาย 5 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว ใช้ยางหน้า-หลัง ต่างขนาด ถ้าอยากสวยขึ้นก็มีออปชั่นอัพเป็น 19 นิ้ว
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับไฟฟ้า พร้อมระบบไล่ฝ้า
สัญลักษณ์ BlueTEC HYBRID ด้านท้าย คือ ดีงาม (พลังสะอาดด้วยดีเซลและระบบไฟฟ้า)
ภายในห้องโดยสาร สวยงาม หรูหรา เหมือนเช่นรุ่นตัวถังซีดาน คุณภาพชิ้นงานประกอบภายในดีไม่ต่างกับในรุ่น เอส-คลาส โดยคอนโซลด้านหน้าและแผงประตูด้านข้างตกแต่งด้วยลายอลูมิเนียม ส่วนคอนโซลกลางเป็นลายไม้เคลือบเงาสีเปียโนแบล็ค และมีจอภาพคล้ายแท็บเล็ตอยู่ตรงกลาง พร้อมสั่งงานได้ง่ายผ่านหลายช่องทาง แต่สะดวกที่สุดกับนวัตกรรมใหม่อย่าง ทัชแพด สั่งงานง่ายเพียงปลายนิ้ว จากการทดสอบเราพบว่าการใช้ปุ่มหมุนใต้ทัชแพดให้ความแม่นยำและน้ำหนักที่ดีระหว่างขับมากกว่า แต่ถ้าเป็นช่วงรถจอดนิ่งเดินเบา การใช้ทัชแพดกลับให้ความเพลิดเพลินมากกว่า
สำหรับ C 300 คันที่นำมาทดสอบเป็นสีขาว เบาะภายในเป็นหนังสี cranberry red สไตล์สปอร์ต ให้ความหรูหรา สัมผัสนุ่ม นั่งสบายและกระชับ รองรับการขับแบบสปอร์ตได้ดี โดยคู่หน้าสามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้า พร้อมมีหน่วยความจำที่บันทึกตำแหน่งที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกมองข้าง มองลึกลงไปที่แป้นเบรกและคันเร่งจะเห็นเป็นวัสดุเมทัลลิกเสริมความรู้สึกแบบสปอร์ตได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นตัวถังเอสเตท เบาะนั่งด้านหลังจึงปรับพับได้ทั้ง 1/3 และ 2/3 ช่วยให้จัดเก็บสัมภาระได้หลากหลายขึ้น
การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ เหมือนกับซี-คลาสรุ่นซีดาน แยกความต่างชัดเจนกับเบาะหนังสี cranberry red
เบาะนั่งด้านหลังนั่งสบายสำหรับ 2 คน แต่ถ้าเป็น 3 คนที่ตัวไม่ใหญ่มากน่าจะยังพอได้
พนักพิงพับลงมาได้ทั้ง 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ มีเฉพาะ C 300 บลูเทค ไฮบริด เอเอ็มจี ไดนามิค ทั้งรุ่นซีดานและเอสเตท
ช่วยเพิ่มความโปร่งภายในห้องโดยสารได้ดี
ภายในห้องโดยสารโดยรวมให้อารมณ์สปอร์ตมากกว่าหรูหรา สังเกตที่พวงมาลัยท้ายตัดและแป้นเบรก-คันเร่ง
กว้างขนาดนี้ สามารถใส่ถุงกอล์ฟตามแนวยาวได้ไม่ต่ำกว่า 4 ใบ แน่นอน
เบาะหนังทรงกึ่งสปอร์ตออกแบบโอบกระชับลำตัวได้ดีพอตอบรับการขับแบบจริงจังในบางโอกาส
SPECIFICATION - FAST FACTS
หัวข้อ | C 200 (2,590,000 บาท) | C 300 (3,399,000 บาท) |
สเปคเครื่องยนต์ | เบนซิน แถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ | ดีเซล แถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบคู่ |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) | 1,991 | 2,143 |
ระบบเกียร์ | อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ | อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ |
กำลังสูงสุด (PS) | 184 ที่ 5,500 รอบ/นาที | 204 ที่ 3,800 รอบ/นาที |
แรงบิดสูงสุด (Nm) | 300 ที่ 1,200 - 4,000 รอบ/นาที | 500 ที่ 1,600 - 1,800 รอบ/นาที |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (วินาที) | 7.3 | 6.7 |
อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ย (กม./ลิตร) | 17.8-18.8 | 23.8-26.3 |
เชื้อเพลิง | เบนซิน | ดีเซล |
สมรรถนะเครื่องยนต์
หลังจากเคยลองรุ่น C 180 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1,595 ซีซี 156 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ก็นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานและเดินทางท่องเที่ยวทางไกล ครั้งนี้ได้ทดสอบ C 300 เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2,143 ซีซี ใน C 300 บลูเทคไฮบริด เอสเตท เอเอ็มจี ความแรงระดับ 204 แรงม้า มากกว่าเดิมเกือบ 50 ตัว ส่วนแรงบิด 500 นิวตันเมตร มากกว่า 2 เท่า และเริ่มบูสต์ตั้งแต่รอบต่ำ 1,600 รอบต่อนาที ส่วนเกียร์ใช้ 7G-TRONIC PLUS เหมือนกันแต่เซ็ตอัตราทดต่างกัน รวมถึงเฟืองท้ายก็ทดต่างกันอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีจุดที่สร้างความแตกต่างในการขับอีกก็คือ ระบบช่วงล่าง C 300 เป็นแบบมัลติลิงก์ทั้งด้านหน้า-หลัง (C 180 เป็นทอร์ชั่น บาร์) และขนาดล้อกับยางก็ต่างตามความแรง C 300 ใช้ยางหน้า-หลังต่างขนาดบนล้อแม็กเอเอ็มจี 18 นิ้ว โดยด้านหน้าใช้ 225/45 หลัง245/40 (C 180 ใช้ 225/50/17) ด้านระบบเบรก ดิสก์ด้านหน้าเป็นแบบมีรูระบายและเซาะร่อง ด้านหลังเป็นแบบมีรูระบายเช่นกัน (C 180 เป็นดิสก์เบรกธรรมดา) ด้านน้ำหนักรถเปล่า C 300 มีน้ำหนักตัว 1.7 ตัน (C 180 หนักราว 1.4 ตัน)
การทดสอบวิ่งในเมือง กับการปรับโหมดขับแบบธรรมดาสลับ ECO พบว่า ต้องใช้เวลาในการสร้างความคุ้นเคยกับมิติตัวรถพอสมควร รวมถึงการให้น้ำหนักแป้นคันเร่งและเบรก เพื่อขับท่ามกลางจราจรที่มักหนาแน่นตลอดวัน รวมถึงการหักเลี้ยวในที่แคบ แต่เมื่อเริ่มชินแล้วก็นับว่าเป็นรถที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำแบบบุกตะลุยรถติดในเมืองได้ ไม่ลำบากเพราะมีแรงบิดที่ดีมากตั้งแต่รอบต่ำทำให้การออกตัวฉับไวแม้มีน้ำหนักตัวเยอะ จริงๆ มันอาจไม่ใช่เรื่องสนุกกับการขับรถใหญ่ น้ำหนักตัวเยอะในเมือง แต่เมื่อมีจังหวะทางโล่ง เช่น บนทางด่วนยามเช้ามืด หรือกลางดึก C 300 กลับตอบแทนด้วยความสนุกจากการขับทั้งพลังและช่วงล่างที่พร้อมพาให้คุณทะยานไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเลนหรือขับเข้าทางโค้งความเร็วต่ำด้วยความเร็วปานกลาง
ส่วนการขับทางไกลได้ใช้เส้นทางไป-กลับกรุงเทพฯ-ชะอำ โดยใช้เส้นทางลัดจากถนนพระราม 2 ช่วง กม.72 ตรงปั๊มปตท. ตัดเข้าถนนชนบทสายคลองโคน-ชะอำ (ทางหลวงชนบท สาย สส.2021) ขนานเส้นเพชรเกษมผ่านหาดเจ้าสำราญ หาดปึกเตียน ไปสิ้นสุดที่หาดชะอำ
การขับบนถนนพระราม 2 ท่ามกลางการจราจรที่หนาแน่น การทำความเร็วช่วงแรกไม่เกิน 100 กม./ชม. ต้องใช้สมาธิมากเพราะรถใหญ่เยอะ และมีการเปลี่ยนเลนบ่อยครั้ง เมื่อเข้าสู่เขตจังหวัดสมุทรสงครามถนนเริ่มกว้างและเปิดกว้างมากขึ้น จนสามารถทำความเร็วได้มากขึ้น เพียงไม่กี่อึดใจด้วยความแรงระดับ 200 แรงม้าสายพันธ์ุยุโรป กับการขับโหมดสปอร์ต ก็มาถึงปั๊มปตท. คลองโคน เพื่อแยกเข้าทางลัดไปหาดชะอำ
การขับบนถนนชนบทสายคลองโคน-ชะอำ นับเป็นความเพลิดเพลินเพราะถนนโล่งแม้เป็น 2 เลนสวน ทัศนียภาพ 2 ข้างทางส่วนใหญ่เป็นธรรมชาติช่วงแรกมีโค้งคดเคี้ยวให้ได้ลองระบบบังคับเลี้ยว ในช่วงที่ทำความเร็วระดับ 60 กม./ชม. เข้าสู่โค้งต่อโค้ง นับเป็นความสนุกในการควบคุมตัวรถให้เข้าตามไลน์ที่ตั้งใจ ด้านพวงมาลัยของ C 300 ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ และฉับไวด้วยอัตราทดน้อย เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ถวิลหาความสนุกจากการขับ ช่วงทางโล่งมีโอกาสได้เร่งแซงรถช้า ก็พบว่าการระเบิดความเร็วตั้งแต่รอบต่ำนั้น มีแรงบิดมหาศาลดันไปข้างหน้าอย่างสะใจ ทำให้กะระยะได้ง่าย
ช่วงเส้นทางจากหาดเจ้าสำราญไปสู่ชะอำ ทางส่วนใหญ่เป็นทางตรงยาวสลับโค้งกับทางแยก ทำให้ต้องใช้เบรกที่ความเร็วสูงชะลอรถลงมาจนเกือบหยุดบ่อยครั้ง หรือบางครั้งก็ต้องเบรกลึกเพื่อเข้าโค้งหักศอก ซึ่ง C 300 ทำได้ดีเยี่ยม น่าประทับใจมาก ถ้าจะติก็มีเพียงแค่เสียงที่ค่อนข้างดังผ่านเข้ามาภายในห้องโดยสาร โดยรวมแล้วเราประทับใจมากกับสมรรถนะรอบด้านของ C 300 เอสเตท โดยเฉพาะพลังของเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบผสานการทำงานกับระบบไฮบริด
ตัวถังสไตล์แวนให้สมดุลการขับที่ดีเยี่ยม แม้มีน้ำหนักตัว 1,715 กิโลกรัม (รถเปล่า)
แต่พลังระดับ 204 แรงม้า ก็พร้อมกระชากพาตัวถังทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่อิดออด
ระยะทางวิ่งโดยรวมทั้งหมดของการทดสอบทั้งในและนอกเมือง 342 กม. เฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองได้ประมาณ 15.62 กม./ลิตร นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจเมื่อพิจารณาถึงพลังระดับ 200 แรงม้า และน้ำหนักตัว 1.7 ตัน ซึ่งการขับทดสอบครั้งนี้เป็นการขับตามสภาพการใช้งานจริงไม่มีการพยายามปั้นตัวเลขแต่อย่างใด การวิ่งทางไกลอาจเป็นช่วงที่สามารถทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองดีๆ ได้ง่ายที่สุด แต่ C300 เป็นรถเอสเตทที่ขับสนุกและมีพละกำลังจากเทอร์โบผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าไฮบริดเหลือเฟือ จึงพยายามขับแบบเน้นประสิทธิภาพการทำงานของตัวรถให้ชัดเจนที่สุด เมื่อพิจารณาจากการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซล ก็นับว่า C300 เอสเตท ให้ความประหยัดและเป็นมิตรต่อเงินในกระเป๋าคุณอย่างน่าพอใจ
ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารคงไม่มีอะไรโดดเด่นไปกว่าเจ้าทัชแพดตรงคอนโซลกลาง แม้ดูจะซ้ำซ้อนกับปุ่มคอนโทรลเลอร์ด้านล่าง แต่ถ้าเทียบกับการให้น้ำหนักแล้วก็นับว่าเบามือ และใช้งานง่ายสะดวกกว่า ส่วนหนึ่งเพราะหลายคนคุ้นเคยกับระบบสัมผัสหน้าจอที่ใช้ในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั่วไป ทำให้ใช้งานได้ทันที ต่างจากปุ่มคอนโทรลเลอร์ด้านล่างที่ต้องอาศัยการทำความเข้าใจบ้าง แต่ถ้าเคยชินกับปุ่มหมุนแบบนี้ ซึ่งปัจจุบันเริ่มแพร่หลายในรถยี่ห้อต่างๆ ก็อาจจะสั่งงานได้ไวกว่าผ่านทัชแพด จากการทดสอบพบว่าถ้าเป็นช่วงรถวิ่งการใช้ปุ่มคอนโทรลเลอร์ให้ความสะดวกและแม่นยำมากว่า แต่ถ้าเป็นช่วงรถจอด ทัชแพดให้ความสะดวกกว่า ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็ใช้งานง่าย เช่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่รวมสารพัดปุ่มสั่งงานจำเป็นไว้หมด ทำให้การใช้งานระหว่างขับแทบไม่ต้องขยับมือ ส่วนปุ่มปรับตำแหน่งเบาะนั่งแบบไฟฟ้าและบันทึกหน่วยความจำยังเป็นจุดเด่นของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพราะอยู่ในตำแหน่งสะดวกมือด้านข้างประตู และปรับได้ละเอียดตามปุ่มย่อย
พวงมาลัยทรงสปอร์ตพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชันของ C 300 ออกแบบสวยหรู ใช้งานง่าย แทบไม่ต้องละสายตา ปุ่มปรับตำแหน่งเบาะไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำใช้งานสะดวกและเป็นเอกลักษณ์
ช่องแอร์เป่าเบาะด้านหลังออกแบบทรงกลมเหมือนด้านหน้า ช่วยให้ปรับเข้าหาตำแหน่งคนนั่งได้ง่ายขึ้น
ปุ่มปิดฝากระโปรงหลังช่วยหยุดระหว่างเปิด-ปิด และปิดแบบอัตโนมัติ ในการขับทดสอบ เราแทบไม่มีโอกาสได้ใช้ระบบช่วยเหลือและป้องกันต่างๆ (ก็แน่ล่ะ) อย่างมากก็ลองเบรกฉุกเฉินเพื่อให้ระบบป้องกันล้อล็อค ABS ได้ทำงาน เพราะมักเป็นระบบที่มีโอกาสใช้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด โดยเฉพาะการจราจรในเมืองที่มักเคลื่อนตัวสลับหยุดนิ่ง จริงๆ ด้วยประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของตัวรถ แทบไม่มีโอกาสเกิดความผิดพลาดจากการขับถึงขนาดทำให้ระบบช่วยเหลือต่างๆ ทำงานเลย (ต้องขับอย่างไม่ประมาทด้วยนะครับ) แต่ถ้าอยากทราบว่าสารพัดระบบที่ติดตั้งมาให้นั้นมีอะไรบ้าง ก็พอบอกได้ดังนี้
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ป้องกันไม่ให้ล้อเกิดการล็อค
- ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อมเซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ช่วยหาพื้นที่ว่างสำหรับจอดรถทั้งในแนวขนานและพื้นที่ว่างในแนวตั้งฉาก ระบบนี้เข้าควบคุมการหมุนของพวงมาลัยเพื่อเข้าสู่พื้นที่จอดรถโดยอัตโนมัติ โดยผู้ขับไม่ต้องบังคับทิศทางและเบรกโดยไม่จำเป็น หากรถยนต์กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม. ระบบจะแนะนำว่าพบพื้นที่สำหรับจอดรถที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ หากผู้ขับเข้าเกียร์ถอยหลังและยืนยันพื้นที่จอดรถที่แนะนำ ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติจะทำหน้าที่ควบคุมการหมุนของพวงมาลัยจนสิ้นสุดขั้นตอน ผู้ขับเพียงแค่ทำหน้าที่ประคองแป้นคันเร่งและแป้นเบรกเท่านั้น การจอดรถจะใช้การเคลื่อนที่สูงสุดเพียง 7 ครั้งเท่านั้น
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) สามารถวิเคราะห์การขับของคุณ โดยเฉพาะการขับระยะทางไกลและในเวลากลางคืน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนให้รับรู้ถึงอาการหลับในที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยสัญญาณภาพและเสียง
- ระบบ ADAPTIVE BRAKE ผ้าเบรกพร้อมจะทำงานทันทีที่ผู้ขับถอนเท้าออกจากแป้นเหยียบคันเร่งกะทันหัน โดยช่วยตอบสนองการเบรกแบบล่วงหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถหยุดรถได้ทัน
- ฟังก์ชัน Hill-Start Assist ป้องกันไม่ให้รถยนต์เคลื่อนถอยหลังเมื่อเปลี่ยนตำแหน่งการวางเท้าจากแป้นเบรกไปยังแป้นคันเร่ง
- ฟังก์ชันการทำให้เบรกแห้ง เมื่อพบว่าพื้นผิวจานเบรกเปียก จะมีการจับตัวของเบรกเป็นจังหวะสั้นๆ จนกว่าจะแห้ง
ดิสก์เบรกจานใหญ่แบบมีครีบระบายความร้อน และเซาะร่องทางด้านหน้า
พร้อมระบบ ADAPTIVE BRAKE และป้องกันล้อล็อค ทำให้มั่นใจทุกครั้งที่เบรก
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
เมอร์เซเดส-เบนซ์ C 300 บลูเทค ไฮบริด เอสเตท เอเอ็มจี ไดนามิค ยนตรกรรมระดับพรีเมียมที่ไร้ข้อกังขาด้านภาพลักษณ์และประสิทธิภาพ ด้วยราคานำเข้าแค่ 3,390,000 บาท สะท้อนความคุ้มค่ากับการได้รถประกอบนอก พร้อมตอบโจทย์การใช้งานรอบด้านสำหรับหลายคน ทั้งความประหยัด พลังขับเคลื่อน ความอเนกประสงค์ ความสวยงาม ความสปอร์ต และความหรูหรา ครบถ้วนจนนึกไม่ออกว่าจะมีรถในระดับราคา 3 ล้านต้นๆ รุ่นใดดีและคุ้มไปกว่า C 300 เอสเตท