รีวิว Audi Q3 แรง ประหยัด อัดแน่นเทคโนโลยี

รถยนต์ Audi เป็นค่ายยักษ์ใหญ่จากประเทศเยอรมันที่โดดเด่นทั้งเรื่องสมรรถนะ ความปลอดภัย และเทคโนโลยี เป็นที่รู้จักของผู้ชื่นชอบรถยนต์ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน จากอดีตที่โด่งดังของระบบเครื่องยนต์เทอร์โบ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาที่สามารถแปรผันตามลักษณะสภาพถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับว่าเป็นรถยนต์หรูอีกหนึ่งแบรนด์ที่ยังครองใจผู้ใช้เรื่อยมา ไม่แพ้คู่แข่งรถยนต์ระดับเดียวกันในตลาดเมืองไทย 

บริษัท เยอรมัน มอเตอร์ เวอร์ค จำกัด (German Motor Work Co., Ltd.) ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ออดี้ (Audi) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยแนะนำรถยนต์ Audi Q3 2.0 TFSI quattro SUV ขนาดเล็กกึ่งขนาดกลาง ซึงกำลังเป็นที่นิยมของลูกค้าอยู่มากมายในขณะนี้ มาพร้อมรูปทรงสไตล์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว สวยงาม สไตล์ Crossover Coupe กับค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทาน หรือ Cd 0.32 ภายในแนวเดียวกับรถยนต์สปอร์ตซีดาน นั่งสะดวก ขับสบาย Option มากกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 2.0 ลิตร 170 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตรที่ 1,700 - 4,200 รอบ/นาที ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ดูอัลคลัตช์ พร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ quattro ลุยได้ทุกสภาวะ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 12.98 กม./ลิตร 

Audi Q3 มีให้เลือก 4 เฉดสีคือ ส้ม, เงิน, เทา และขาว ในราคาเพียง 2,399,000 บาท และรุ่น S-Line  ที่เพิ่มอุปกรณ์ความสปอร์ตมากขึ้น อาทิ กระจังหน้าโครเมียม, คิ้วหลังคาโครเมียม, กาบประตู S-Line, ปลายท่อไอเสียโครเมียม, ล้อแม็ก 18 นิ้วแบบ Sport, ปุ่ม Start/Stop, Driver Select โหมด Sport, เบาะหนังกลับแบบ Sport และเครื่องเล่น CD 6 แผ่น เป็นต้น ในราคา 2,990,000 บาท

เส้นทางการทดสอบ Audi Q3 คันนี้ เริ่มจากอาคารวานิสสา ชิดลม ผ่านถนนหลังสวน เข้าถนนวิทยุและแวะจอดถ่ายรูปที่สโมสรโปโลคลับ ซอยโปโล และเดินทางออกจากซอยโปโลคับ กลับรถโดยใช้ถนนวิทยุมุ่งหน้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และเข้าทางลัดซอยศูนย์วิจัยฯ ออกแยกพระรามเก้า เข้าสู่ถนนเรียบทางด่วนรามอินทรา-อาจรงค์ และแวะพักถ่ายรูปที่คริสตัลปาร์ค ก่อนมุ่งหน้าถนนรามอินทรา และใช้เส้นทางถนนกาญจนภิเษก เข้าสู่ถนนรามคำแหงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระรามเก้าตัดใหม่มุ่งสู่ถนนมอเตอร์เวย์ จุดหมายคือสนามบินสุวรรณภูมิ

 

ระบบ Start-stop ทำงานขณะเครื่องยนต์ดับ

ขากลับจากสนามบินสุวรรณภูมิใช้เส้นทางถนนพระรามเก้า ผ่านแยกโบสถ์แม่พระฟาติมา ใช้ถนนจตุรทิศ-มักกะสัน ถึงแยกมิตรสัมพันธ์เลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนชิดลมกลับอาคารวานิสสา เป็นอันสิ้นสุดระยะทางทดสอบ 

สภาพการจราจรติดขัดสลับหยุดนิ่งใช้ช่วงเขตตัวเมืองความเร็วเฉลี่ย 50 กม./ชม. เมื่อออกสู่เส้นทางกาญจนาภิเษก และบนถนนมอเตอร์เวย์สามารถทำความเร็วได้พอสมควร เฉลี่ยประมาณ 90 กม./ชม. โดยมีผู้โดนสารและผู้ขับรวม 2 คน ไม่มีสัมภาระ พร้อมน้ำมันที่มีในระดับเกินครึ่งถังมาหนึ่งขีด รวมระยะทางที่ใช้ทั้งหมด 111.4 กม. 

ออดี้ คิว3 มีขนาดตัวถังยาว 4,385 มม. กว้าง 1,831 มม. สูง 1,608 มม. จุดเด่นที่ชัดเจนสำหรับ Audi Q3 SUV คันนี้คือ ส่วนกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมเอกลักษณ์ของออดี้ทุกรุ่น พร้อมตราสี่ห่วง ไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมเรียวยาวขนานกับเส้นสายกันชนโคมแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟซีนอน และ Day time running light แบบ LED เป็นแบบเส้นเดียวรูปตัว "C" ไฟตัดหมอกทรงกลม ด้านข้างเน้นเส้นสายเหลี่ยมลากจากชุดไฟหน้ายาวจรดไฟท้าย ตกแต่งกรอบกระจกด้วยวัสดุโครเมี่ยม หลังคาติดตั้งแร็คมาให้ เป็นวัสดุสีดำ ส่วนประตูท้ายลาดเอียงรับกับแนวของกระจกหูช้างคู่หลัง ติดตั้งสปอยเลอร์ที่ด้านบน พร้อมที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง ไฟท้ายแบบ LED เป็นเส้นเดียวตลอดแนว กันชนหลังติดตั้งไฟตัดหมอกและไฟถอยหลัง ส่วนด้านล่วงตัดด้วยแผ่นสีดำ พร้อมปลายท่อไอเสียสแตนเลสแบบคู่

จุดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีคือ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ทำงานร่วมกับระบบดูอัลคลัตช์ ตัดต่อกำลังได้ราบรื่นและนิ่มนวล ส่งถ่ายกำลังได้เกือบ 100% เมื่อเทียบกับระบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์แบบเดิมๆ

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ซึ่งจะปรับกำลังทั้ง 4 ล้อ โดยการแปรผันตามลักษณะของสภาพถนนที่ขับผ่าน เพื่อให้การทรงตัวของรถดีขึ้นและปลอดภัยแม้ขณะเบรกในเวลาเข้าโค้งหรือถนนลื่น นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะจอดติดสัญญาณไฟโดยไม่ต้องเข้าเกียร์ว่างหรือเหยียบเบรกค้างเอาไว้ ซึ่งเป็นระบบป้องกันรถไหลในกรณีที่จอดสนิท และเข้าเกียร์ "D" หรือเกียร์ว่าง โดยที่สามารถปล่อยเบรกออกจากแป้นเบรกได้ ระบบจะเบรกเอาไว้ให้อัตโนมัติ และปลดเมื่อมีการเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่ง แต่หากไม่ต้องการใช้ระบบนี้ก็สามารถกดยกเลิกได้ทันที ซึ่งระบบนี้จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับก่อนทุกครั้งจึงจะทำงาน

ตัวอย่างระบบส่งกำลังแบบ quattro ของ Audi

ภายในตกแต่งสไตล์สปอร์ตทันสมัย เน้นโทนสีดำตัดกับเทาแบบมิลเลเนียม พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแท้เกรดสูง กระชับไม่ลื่นแม้เหงื่อออกที่มือ พร้อมแพดเดิ้ลชิพ แผงคอนโซลหน้า ขนาดไม่ใหญ่เทอะทะ ใช้งานปุ่มหรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย มาตรวัดทรงกลม 2 ช่องตกแต่งกรอบด้วยโครเมียม เข็มวัดแบบเรื่องแสง ตัวเลขอ่านเห็นชัดเจน พร้อมจอแสดงผลการทำงานของตัวรถและเครื่องเสียง ช่องแอร์ทรงสี่เหลี่ยมตกแต่งกรอบด้วยโครเมียม ที่มุมล่างช่องแอร์ทางขวามีชุดควบคุมการทำงานระบบไฟหน้าทั้งหมด สามารถปรับการทำงานได้หลาดหลายตำแหน่งคือ โหมด Auto-เปิด/ปิดอัตโนมัติ วัดด้วยเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งบนกระจกบังลมหน้า โหมดไฟหรี่ และโหมดไฟหน้าปกติ ส่วนไฟตัดหมอกหน้าและหลังต้องหมุนสวิตช์ไฟทางซ้ายจังหวะที่ 1 ตัดหมอกหน้า จังหวะที่ 2 ตัดหมอกหลัง

อีกระบบที่เน้นเรื่องความปลอดภัยคือ ไฟสำหรับจอด คือ เมื่อต้องการจอดรถชิดขอบทางด้านซ้ายก็ใช้ไฟจอดฝั่งขวา คล้ายการเปิดไฟหรี่ เพื่อให้รถที่ขับผ่านมาด้านหลังมองเห็นว่ามีรถจอด

คอนโซลกลางตั้งแต่ช่องแอร์ลงมาติดตั้งชุดควบคุมเครื่องเสียงและควบคุมฟังก์ชั่นบนจอแสดงผลต่างๆ ของรถที่ติดตั้งด้านบนกลางคอนโซลหน้า และพับเก็บได้แบบ POP-UP 

ระบบแอร์แบบอัตโนมัติ แยกปรับอุณหูมิซ้าย-ขวาได้ พร้อมปุ่มระบบไล่ฝ้ากระจกหน้า-หลัง หัวเกียร์หุ้มด้วยหนังแท้และวัสดุโครเมียมให้อารมณ์สปอร์ต และสามารถผลักออกทางซ้ายเพื่อเปลี่ยนเกียร์เองหรือจะใช้แพดเดิ้ลที่หลังพวงมาลัยก็ย่อมได้

ระบบแอร์แยกซ้าย-ขวา 

เบาะคู่หน้าหุ้มหนังแท้และปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางฝั่งคนขับ เบาะตอนหลังหุ้มหนังแท้ และปรับพับเก็บได้แบบ 60 : 40 นอกจากนี้ยังมีกระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ กระจกมองข้างฝั่งซ้ายสามารถเลือกปรับมุมลงต่ำขณะถอยหลังอัตโนมัติได้ ที่ฉีดน้ำไฟหน้า ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกไฟฟ้าแบบ One touch ทั้ง 4 บาน ระบบเครื่องเสียง CD/MP3/WMA/ SD card พร้อมลำโพง 8 จุด  

ออดี้ คิว3 ในไลน์การผลิตมีด้วยกัน 2 เครื่องยนต์คือ ดีเซลคอมมอนแรลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 177 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร และในรุ่นที่ทีมงานเช็คราคาทดสอบก็คือ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 2.0 ลิตร 170 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตรที่ 1,700 - 4,200 รอบ/นาที ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ดูอัลคลัตช์ พร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ quattro อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 12.98 กม./ลิตร ความจุถังน้ำมัน 46 ลิตร ล้อแม็กลาย 5 ก้าน ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 235/55 R17

ใต้ท้องรถด้านหน้ามีแผ่นปิดเรียบร้อยกันลมย้อนได้ดี

ยางอะไหล่แบบบางขนาด 18 นิ้ว

ชุดอุปกรณ์ถอดเปลี่ยนล้อ

เมื่อเริ่มออกตัวด้วยการกดคันเร่งที่มีน้ำหนักเบามากแต่มีความหนืดนิดๆ ควบคุมง่ายมาก ตัวรถพุ่งไปอย่างนุ่มนวล แทบไม่รู้สึกถึงอาการเปลี่ยนของระบบเกียร์ แต่ได้อัตราเร่งที่ต่อเนื่องมาก ในเวลาไม่นานกับน้ำหนักคันเร่งเบาๆ สามารถทำความเร็วขึ้นไปที่ 100 กม./ชม. ได้สบายๆ  และหากเผลอเหยียบคันเร่งต่อเนื่องไปอีก ก็ไปถึงที่ความเร็ว 140 กม./ชม. แบบไม่รู้สึกตัว โดยความเร็วที่ 100 กม./ชม.นั้น ใช้รอบเครื่องยนต์เพียงเกือบๆ 2,000 รอบ/นาที และที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์ที่ 2,300-2,400 รอบ/นาที นับว่าไม่สูงเกินไป และในช่วงทางโล่งๆ ความเร็วไหลไปถึง 140 กม./ชม. ที่ 2,600 รอบ/นาที เท่านั้น อัตราเร่งแซงสำหรับ Audi Q3 มีให้ตามเท้าทุกครั้งอย่างไม่ต้องลังเลใจ เพราะเมื่อกดคันเร่งเพิ่มอีกเล็กน้อยเมื่อต้องการแซง เครื่องยนต์ก็สามารถตอบสนองได้ทันที โดยใช้รอบเครื่องยนต์ไม่สูง และไม่มีอาการรอรอบแม้แต่น้อย นับว่าขับสนุกมากๆ แม้ตัวรถจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่ารถซีดานหรือรถเก๋งบีเซกเมนต์ทั่วไป แต่ทำอัตราเร่งได้ดีเกินตัวจริงๆ 

   
80 กม./ชม. ที่ 1,600 รอบ/นาที

 
100 กม./ชม. ที่ 2,000 รอบ/นาที

120 กม./ชม. ที่ 2,400 รอบ/นาที

Audi Q3 มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในวันทดสอบบนหน้าปัดประมาณ 12.7 ลิตรต่อ 100 กม. หรือ 7.8 กม.ต่อลิตร ซึ่งตัวเลขจากทางโรงงานเยอรมันนีทดสอบไว้ที่ 12.3 กม.ต่อลิตร ซึ่งนับว่า ออดี้ คิว3 นั้นมีความสิ้นเปลืองเทียบเท่ารถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 - 2.5 ลิตรที่มีขายในท้องตลาดทั่วไป แต่ Q3 พกความมันฉบับสปอร์ตมาให้ด้วยระบบเทอร์โบชาร์จพร้อมล้อขนาดโต 17 นิ้ว น้ำหนักตัวกว่าตันครึ่ง จึงนับว่าอัตรากินน้ำมันไม่โหดร้ายเท่าไหร่ และสภาพการจราจรในวันทดสอบเขตในเมืองย่อมติดขัดสลับติดนานในบางช่วง ประกอบกับขณะจอดถ่ายรูปติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ตลอด และมีช่วงถนนโล่งให้ยืดเส้นยืดสายม้าในคอก 170 ตัวกันบ้าง แถมยังเข้าโค้งได้สนุกและปลอดภัยด้วยระบบ quattro ขับเคลื่อน 4 ล้ออีกด้วย

อัตราสิ้นเปลืองบนหน้าปัด 2.7 ลิตรต่อ 100 กม. หรือ 7.8 กม.ต่อลิตร

ส่วนในเรื่องความประหยัดที่มีใกล้เคียงกับรถเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร นั้นมาจากระบบดับและสตาร์ตเครื่องยนต์เมื่อรถจอดนิ่งสนิท หรือระบบ Start-stop Engine ที่เป็นฟังก์ชันพิเศษใน Audi Q3 โดยที่ไม่สร้างความรู้สึกรำคาญแต่อย่างใด สามารถติดเครื่องยนต์ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที นับจากปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรกเพื่อเหยียบคันเร่ง และยังสามารถสั่งยกเลิกการทำงานระบบนี้ได้ 

*ในระบบการทำงาน Start-stop Engine ใน Audi Q3 เมื่อขับทำความเร็วเกินระดับ 40 กม./ชม.ขึ้นไป เมื่อจอดรถสนิทประมาณ 3 - 4 วินาที โดยค้างเกียร์เอาไว้ที่ตำแหน่ง "D" และเหยียบเบรก เครื่องยนต์จะดับเอง และจะสตาร์ตทันที่เมื่อปล่อยเบรก ซึ่งฟังก์ชันนี้จะทำงานต่อเมื่อมีการคาดเข็มขัดนิรภัยตำแหน่งคนขับเท่านั้น

แหล่งข้อมูล	อัตราสิ้นเปลือง
1. สเปคจากโรงงาน (เยอรมนี)	12.3 กม./ลิตร
2. จากการทดสอบในเมือง	7.3 กม./ลิตร
3. จากการทดสอบนอกเมือง	10.8 กม./ลิตร
4. เฉลี่ยนตลอดการทดสอบ	7.8 กม./ลิตร

*ตัวเลขการทดสอบแล้วแต่สภาพการจราจรและพฤติกรรมการขับขี่

ที่นั่งผู้ขับ/ผู้โดยสาร เบาะของผู้ขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง เลื่อนเข้า-ออก สูง-ต่ำ เอนหลัง พร้อมระบบดันหลัง มีความกระชับตัวมากคล้ายกับบักเก็ตซีท เมื่อเข้าโค้งแรงๆ ตัวผู้ขับจะเอนเล็กน้อยทำให้ควบคุมพวงมาลัยได้ดียิ่งขึ้น พวงมาลัยจับหนึบกระชับมือ และปุ่มมัลติฟังก์ชันใช้งานง่าย ส่วนคนนั่งข้างเป็นแบบปรับด้วยมือ แต่ก็กระชับตัวเหมือนกัน เบาะตอนหลังขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็รองรับคนตัวโตๆ ได้สบาย

 

และอีกระบบที่น่าจะโดนใจผู้ขับรถที่ต้องเจอกับจราจรติดขัด ก็คือ เบรกมืออัตโนมัติที่ใช้ไฟฟ้าควบคุม ที่สามารถกดเลือกใช้งานได้เพียงปุ่มเดียวที่คอนโซลกลางใกล้ปุ่มเบรกมือไฟฟ้า โดยจะใส่เบรกให้ทันทีที่หยุดรถสนิทและปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก และปลดออกเมื่อเหยียบคันเร่งออกรถ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องรถไหลไปชนรถคันอื่น และยังมีระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใส่ใจรายละเอียดแม้จุดเล็กๆ 

ปุ่มเบรกมือควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า - ปุ่มบนเบรกมือ/ปุ่มล่างเบรกอัตโนมัติขณะรถจอดนิ่ง

 ทัศนวิสัยปลอดโปร่งทุกมุมมอง

ทัศนวิสัย มุมมองเมื่อนั่งในตำแหน่งคนขับสามารถเห็นเหตุการณ์ได้รอบคัน การกะระยะทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังง่ายทุกมุม ด้วยความสูงของรถทำให้เห็นวัตถุได้ในระยะไกล กะระยะง่าย เนื่องจากส่วนฝากระโปรงหน้ารถมีความสั้น จากการใช้เครื่องยนต์แบบวางขวาง จึงร่นระยะได้มาก กระจกด้านข้างตัวรถทั้ง 4 บานมีขนาดกว้างสามารถมองมุมล่างชิดตัวรถได้ดี และส่วนด้านหลังเป็นแบบท้ายตัด ทำให้ยิ่งกะระยะได้ง่ายมากขึ้น บริเวณเสา A  ทั้ง 2 ข้างไม่บดบังมุมขณะเลี้ยวยิ่งมองได้ปลอดภัยมากขึ้นไปอีก และขณะถอยหลังจอดกระจกมองข้างฝั่งซ้ายสามารถตั้งไปที่โหมดปรับมุมมองต่ำลงอัตโนมัติ พร้อมเซ็นเซอร์เตือนกะระยะ เรียกได้ว่าเมื่อขับ ออดี้ คิว3 ความรู้สึกไม่ต่างจากการขับรถแบบแฮตช์แบ็กทั่วไป 

เข้าจอดที่แคบได้อย่างสบายๆ

ปลอดภัยที่สุด...มาเป็นอันดับ 1 เมื่อนั่งใน Q3 คันนี้ แน่นด้วยช่วงล่างที่หนึบ เกาะถนนกว่า SUV แบรนด์จากเอเชีย และระบบเบรกที่นุ่มเท้า ไม่ต้องใช้แรงกดมากนักแต่หยุดตามสั่งได้ แม้เบรกแบบสุดแรงก็ไม่มีปัด ด้วยระบบควบคุมการทรงตัวที่มีมาให้ และระบบช่วงล่างของออดี้ที่ไว้ใจได้ ขณะความเร็วต่ำก็ให้ความนุ่มนวลในระดับที่ดี และเมื่อใช้ความสูงๆ ก็มั่นคงไม่ยวบยาบ เข้าโค้งตัวเอสในระดับความ 70 - 80 กม./ขม. ได้สบายๆ 

แม้ Audi Q3 จะดูเป็นรถไซส์ใหญ่ แต่เมื่อได้ลองขับกลับให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากรถยนต์แฮตช์แบ็กทั่วไป ความสูงของรถก็ไม่ทำให้โคลงเคลงแม้ที่ความเร็วสูง กลับยิ่งมั่นใจกว่าขับรถแบบความสูงระดับปกติ เพราะถนนที่บางครั้งมีหลุม หรือเนินที่สูงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ออดี้ คิว 3 ขับผ่านไปอย่างง่ายดาย 

ระบบแอร์ในคิว 3 เป็นแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา 3 โซน และสามารถเลือกปรับแบบธรรมดาตามใจชอบได้ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังบริเวณคอนโซลกลาง ประกอบกับช่องแอร์ขนาดใหญ่ทุกจุดทำให้กระจายความเย็นได้เร็ว แม้อุณหภูมิภายนอกจะสูงถึง 36 องศา 

แต่อาจจะต้องคอยกดปุ่มที่ปรับระบบการหมุนเวียนอากาศภายในรถแทนการรับอากาศจากภายนอกรถทุกครั้งที่ใช้โหมดอัตโนมัติ เนื่องจากออดี้เป็นรถนำเข้าจากประเทศเยอรมันทั้งคัน จึงถูกเซ็ตระบบการหมุนเวียนให้รับอากาศจากภายนอกเข้าในรถ ดังนั้นทุกครั้งที่เปิดแอร์ในโหมดอัตโนมัติ จะต้องกดปุ่มหมุนเวียนอากาศภายในรถด้วย 

ภายในห้องโดยสารหากใช้ความไม่เกิน 120-130 กม./ชม. จะแทบไม่ได้ยินเสียงภายนอกรอดเข้ามาให้รำคาญใจเลย แม้แต่เสียงของเครื่องยนต์ในจังหวะเร่งออกตัวหรือแซง ก็เบาจนไม่รู้สึกว่าเครื่องยนต์กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น รู้เพียงเข็มความเร็วและรถยนต์รอบตัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว นับว่าเงียบมากสมกับความพิถีพิถันในการผลิต