บริษัท Nissan Motor Thailand co.ltd (นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด) จัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์ Nissan Sylphy ใหม่ เส้นทาง เชียงใหม่ - ลำพูน - เชียงใหม่ สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ทุกสภาพถนน ความกว้างขวางเงียบ และสะดวกสบายจากอุปกรณ์และห้องโดยสารภายใน พร้อมเยี่ยมเยือนแหล่งวัฒนธรรม ตามคอนเซปต์ของการเดินทางเพื่อความสุนทรีย์ของการใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง... การทดสอบครั้งนี้ ค่าย Nissan ได้จัดเตรียมรถยนต์ Nissan Sylphy เครื่องยนต์ เบนซิน 1.8 ลิตร จำนวน 10 คัน เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่าง การบังคับควบคุมระบบส่งกำลังแบบ CVT และการตอบสนอง ความนุ่มนวลของระบบรองรับ รวมทั้งความสะดวกสบาย พื้นที่ภายในที่กว้างขวางมากขึ้นจนเทียบกับซีดานขนาดกลางได้อย่างสบาย การเก็บเสียงรวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ตกแต่งภายนอกและภายใน รวมถึงการทดสอบขับขี่ในระดับความเร็วสูง กิจกรรมการทดสอบรถยนต์ Nissan Sylphy ใช้เส้นทางเชียงใหม่-ลำพูน-เชียงใหม่ โดยมีจุดเริ่มต้นที่สนามบินนานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่สู่เส้นทางสายหลักไปยังวัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน เพื่อทดสอบอัตราเร่งและความนุ่มนวลจากเส้นทางตรง พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นการขับทดสอบเชิงท่องเที่ยวเดินทางที่สะท้อนอารยธรรมล้านนา จากนั้นมุ่งหน้าสู่อำเภอแม่ริมสัมผัสเส้นทางธรรมชาติของขุนเขาและสภาพการขับ ขี่ที่มีทั้งความคดเคี้ยวและลาดชันเป็นบางช่วงเพื่อทดสอบการบังคับควบคุม ระบบช่วงล่าง และอัตราเร่งหลังจากนั้นจึงเป็นการทดสอบต่อบนเส้นทางยาวตรง สลับทางคดเคี้ยว และเส้นทางในเมืองของอำเภอแม่งัด-แม่โจ้-เมือง จังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ Nissan Sylphy ในรูปแบบของการใช้งานจริงเพื่อให้เห็นความคล่องตัวตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ EnergeticSedan Expression
รูปลักษณ์ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และบั้นท้ายของ Nissan Sylphy ถูกออกแบบให้มีความสมดุลมากขึ้นโดยมีขนาดตัวถังใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกัน ตัวถังยังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงระบบแอร์โรไดนามิกส์ตามหลักอากาศ พลศาสตร์ให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.29 ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีความโค้งมน ให้สมรรถนะที่ดีในการวิ่งที่ย่านความเร็วสูงเมื่อปะทะกับกระแสลม ส่งผลไปถึงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงอีกเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ รถคู่แข่ง รถ Nissan Sylphy ถูกขยายพื้นที่บริเวณกระจกหน้า เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ กันชนขนาดใหญ่และกระจังหน้าพร้อมช่องระบายอากาศแบบรังผึ้งที่ออกแบบมาให้ดู มีมิติมากขึ้นเพิ่มความปลอดภัยและช่วยควบคุมการถ่ายเทอากาศ ชุดไฟหน้าแบบ Multi-reflector พร้อมไฟแบบ LED ที่ได้ติดตั้งทั้งในตำแหน่งไฟหรี่ด้านหน้า ชุดไฟท้าย ไฟเบรกดวงที่สาม และไฟเลี้ยวบริเวณกระจกมองข้าง และไฟอ่านแผนที่รวมรอบคัน 54 ดวง ห้องโดยสารของ Nissan Sylphy มีภายในที่กว้างที่สุดเทียบเท่ารถยนต์นั่งหรูระดับกลาง และพื้นที่เก็บ สัมภาระท้ายรถที่มีขนาดความจุมากถึง 510 ลิตรใหญ่ที่สุดในระดับเดียวกันและเทียบเท่ารถยนต์นั่งหรูระดับใหญ่ พร้อมช่องกลางทะลุถึงห้องโดยสารด้านหลัง สะดวกสบายต่อการใช้งาน ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว และชุดโครเมียมบริเวณกระจังหน้าที่เปิดประตูและด้านกระโปรงท้าย เสริมภาพลักษณ์ของซีดานมีระดับรุ่นใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น วิศวกรของ Nissan รังสรรค์เพื่อทุกผิวสัมผัสหรือ Delightfor All พื้นที่ภายในห้องโดยสารขนาดใหญ่ ช่วยให้เข้า - ออกห้องโดยสารได้สะดวกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โทนสีภายในแบบเบจโทนใหม่ บริเวณคอนโซลใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีพิเศษ Micro-grain เพื่อลดแสงสะท้อน ให้ความรู้สึกอบอุ่นพร้อมบุวัสดุบุนุ่ม (soft pad) บริเวณด้านหน้าคอนโซลและด้านข้างประตูให้ความรู้สึกนุ่มนวลทุกสัมผัส รวมถึงการกักเก็บเสียงแปลกปลอมจากภายนอก เบาะนั่งขนาดใหญ่ ใช้วัสดุหนัง ( ในรุ่น 1.8V Navi 1.8V และรุ่น 1.6V) พร้อมที่พักแขนและที่วางขวดหรือแก้วน้ำและพนักพิงศีรษะปรับระดับได้ บริเวณที่นั่งด้านหลังเพิ่มความสะดวกสบายเมื่อต้องเดินทางไกล พนักเท้าแขนด้านหน้าพร้อมช่องเก็บของมีฝาสไลด์ปิด-แผงคอนโซลด้านหน้าออกแบบ ให้ใช้ง่ายตามหลักสรีรศาสตร์หรือ Ergonomic design เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน แผงคอนโซลกลางตกแต่งด้วยชุดลายไม้ (ในรุ่น1.8VNavi 1.8V และ 1.6 V) และชุดเมทัลลิก (ในรุ่น 1.6E และ 1.6S ลิตร) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน ปรับได้ 4 ทิศทางหุ้มหนังแท้ (ในรุ่น 1.8V Navi1.8V และ 1.6 V) พร้อมระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) เพิ่มความสะดวกกับสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและหน้าจอ MID ที่พวงมาลัยและระบบควบคุมเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ขณะรับโทรศัพท์ แผงหน้าปัดเรืองแสง Fine Vision Meter ขนาดใหญ่พร้อมจอแสดงข้อมูล Multi InformationDisplay ในทุกรุ่น เพื่อแสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งในแบบใช้จริง และเฉลี่ย/ชั่วโมงมาตรวัดระยะทางย่อยและระยะทางรวม ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติพร้อมแยกปรับอุณหภูมิอิสระได้ซ้าย?ขวา ระบบช่องแอร์ด้านหลังสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง (เฉพาะรุ่น 1.8V Navi1.8 V และ 1.6 V) ชุดเครื่องเสียงแบบ Built-in ลำโพง 6 ตัว พร้อมหน้าจอสีขนาด 4.3 นิ้วในรุ่น1.8 V เล่นซีดี 1 แผ่น เครื่องเล่น MP3 ช่องเชื่อมต่อ AUX และอุปกรณ์เชื่อมต่อ USB บริเวณช่องเก็บของเพื่อเพิ่มความรื่นรมย์จากเสียงเพลงขณะขับขี่-สำหรับรุ่น 1.8V Navi เพิ่มเติมระบบนำทาง Navigationsystem บนหน้าจอ 5.8 นิ้ว ติดตั้งฟังก์ชั่นการค้นหาสถานที่ กล้องมองหลัง (เฉพาะรุ่น 1.8V และ 1.8V Navi) มองไกลสามเมตรเพิ่มความปลอดภัย ระบบกุญแจอัจริยะ Intelligent key พร้อมปุ่มเปิดท้ายรถและระบบ Immobilizer และ Panicalarm กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถและปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ Pushstart button เทคโนโลยี Clever Efficiency รถ Nissan Sylphy วางเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ใหม่ รหัส MRA8DE พัฒนาการอีกระดับ ด้วยการเพิ่มช่วงชักกระบอกสูบผสานไปกับการทำงานของระบบวาล์วแปรผันคู่ Twin C-VTC Twin Continuously-Variable Timing Control เพิ่มระยะชักกระบอกสูบให้ยาวขึ้นทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย เพื่อให้การเผาไหม้สมบูรณ์ เคลือบแข็งระบบสปริงวาล์ว Diamond-likecarbon coating ช่วยลดน้ำหนัก แรงเสียดทานและแรงเฉื่อยของวาล์วเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้ เงียบ และประหยัดน้ำมันมากขึ้น ความจุกระบอกสูบของเครื่องรหัส MRA8DE มีปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,798 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุดที่ 131แรงม้า หรือ 96 กิโลวัตต์ ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 174 นิวตัน-เมตร หรือ 17.8 กิโลกรัมเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อนหรือชุดส่งกำลังวางเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ XTRONIC-CVT ส่วนรุ่นประหยัดของ Nissan Sylphy วางเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว รหัส HR16DE ที่ได้รับการพัฒนาใหม่และได้ติดตั้งระบบวาล์วแปรผันคู่ Twin C-VTC Twin Continuously Variable Timing Control ผสานกับการทำงานของระบบหัวฉีดคู่ Dual Injector Syste นับเป็นครั้งแรกในรถยนต์ระดับเดียวกัน เพื่อช่วยให้เกิดการเผาไหม้เกิดการเสถียรได้ดียิ่งขึ้นเพื่อสมรรถนะ ที่ดีกว่าและประหยัดน้ำมันเป็นเลิศความจุกระบอกสูบในรุ่น 1.6 ลิตร =1,598 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุด PS (กิโลวัตต์/รอบต่อนาที) : 116 แรงม้า หรือ 85 กิโลวัตต์ ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 154 นิวตันเมตร หรือ 15.7 กิโลกรัมเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดกับเกียร์ XTRONIC-CVT เทคโนโลยี เพียวไดร์ฟ PureDrive Technology เทคโนโลยีแห่งอนาคตเพื่ออากาศสะอาด Nissan พัฒนาเครื่องยนต์ที่ช่วยลดมลพิษในอากาศ ด้วยการออกแบบให้เครื่องยนต์ปล่อย Co2 ต่ำ ระบบเกียร์อัจฉริยะแปรผัน XTRONIC CVT จากการพัฒนาระบบเกียร์ให้มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง แต่ให้อัตราทดเกียร์ที่กว้างขึ้น ตอบสนองรูปแบบของการขับขี่ และประหยัดน้ำมัน โครงสร้าง Zone Body Concept เอกสิทธิ์เฉพาะ Nissan แข็งแกร่งทนทาน รองรับน้ำหนักและลดแรงกระแทกรวมถึงการบิดตัวได้ดี ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สัน สตรัท ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ลดการสั่นสะเทือนโดยเน้นไปที่ความนุ่มนวลเป็นหลัก ระบบความปลอดภัย Safety Shield แนวคิดยานยนต์เพื่อความปลอดภัยจาก Nissan ที่จะมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ก่อนที่ความเสี่ยงจะมาถึง Nissan Sylphy ใหม่วางมาตรฐานความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ ด้วยเป็นระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS Airbags) ในทุกรุ่นเพื่อลดความรุนแรงจากกการบาดเจ็บในกรณีที่เกิดแรงปะทะจากด้านหน้า ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) เพื่อป้องกันล้อล็อกและลื่นไถลเมื่อต้องมีการเบรกกะทันหัน ระบบเสริมแรงเบรก (BA) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD)ช่วยให้ระบบเบรกมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดระยะเบรกลงได้ 10-15 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งระบบป้องกันการโจรกรรม Immobilzer บริษัท Nissan เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ ร่วมลงทำการทดสอบรถซีดานรุ่นใหม่ล่าสุด Nissan Sylphy ยนตรกรรมซีดานชนาดเล็กที่มีพื้นที่ห้องโดยสารใหญ่โตระดับซาลูนขนาดกลาง นี่คือผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดจาก Nissan หลังจากประสบความสำเร็จในประเทศจีนจากตัวเลขยอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง รถ Nissan Sylphy เปิดตัวอย่างร้อนแรงไปเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม ด้วยรูปลักษณ์ใหม่หมดจดทั้งคัน เครื่องยนต์ใหม่สองขนาดทั้ง 1.6 ลิตร MRA8DE และ 1.8 ลิตร HR16DE ที่เน้นความประหยัดมากกว่าประสิทธิภาพของแรงบิด โดยชูห้องโดยสารที่มีพื้นที่กว้างขวางระดับรถซาลูน เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบๆ จนไม่น่าเชื่อว่า Nissan Sylphy จะทำได้ดีกว่ารุ่น Sunny NEO แบบเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว เริ่มต้นทดสอบด้วยรถ Sylphy รุ่นสูงสุด 1.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ทั้ง 11 คัน สตาร์ตจากหน้าโชว์รูม Nissan เชียงใหม่มุ่งหน้าสู่วัดพระธาตุหริกุญชัย จังหวัดลำพูน ระยะทางรวม 37.4 กิโลเมตร เป็นทางตรงยาวๆ ที่ใช้ทดสอบระบบส่งกำลังซึ่งเป็นเกียร์ไฟฟ้าสายพานแบบ XTRONIC CVT พัฒนาการของระบบส่งกำลังยุคใหม่ในรถ Nissan Sylphy ที่ให้อัตราทดลื่นไหล แม้จะไม่กระชับฉับไวในรอบปานกลางถึงรอบเครื่องยนต์สูงๆ ผมจับคู่กับพี่สมวิน คอลัมนิสต์ชื่อดังจากนิตยสารรถยนต์หัวนอกของอังกฤษ EVO Magazine Thai Edition โดยพี่สมวินรับหน้าที่ขับขี่เป็นไม้แรกจากหน้าโชว์รูม Nissan ในจังหวัดเชียงใหม่แล้วลากยาวไปจนถึงเขื่อนแม่งัด หลังจากนั้นผมจะเข้ามาเสียบต่อจากบริเวณสันเขื่อนไปจนถึงโรงแรมที่พัก รวมระยะทางในการทดสอบ Nissan Sylphy 210 กิโลเมตร
เมื่อนั่งอยู่ในเบาะผู้โดยสารตอนหน้า ความรู้สึกโปร่งโล่งใน Sylphy เกิดจากการออกแบบพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะที่กว้างมากกว่าปกติ เบาะคู่หน้าและเบาะผู้โดยสารตอนหลังหุ้มด้วยหนังแท้โทนสีอ่อน ตำแหน่งของคอนโซลกับการจัดวางอุปกรณ์อยู่ในระดับทั่วๆไป โดยมีรูปแบบของสวิตช์ ปุ่มต่างๆ ตามแบบอย่างของค่าย Nissan พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนังแท้มีสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นไว้ปรับเครื่องเสียง พวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ทิศทางตามความต้องการที่ครอบคลุมสรีระของผู้ขับขี่ หน้าปัดมาตรวัดใช้แบบเรืองแสงตามสมัยนิยม พื้นเป็นสีขาวสลับสีดำทำให้อ่านค่าได้ง่ายทั้งความเร็วรอบและความเร็วของตัว รถ ใจกลางมาตรวัดมีจอแสดงผล Multi Information Display หรือ MID แจ้งเตือนข้อมูลที่สำคัญระหว่างการใช้งาน เมื่อผมลองย้ายก้นไปนั่งยังเบาะผู้โดยสารตอนหลังก็พบกับความกว้างในระดับ บิ๊กซาลูน น้องๆ รถเก๋งขนาดกลางที่มีมิติของห้องโดยสารชนิดเหลือเฟือมากจนเกินพอ มันนั่งได้สบายพอๆ กับรถผู้บริหาร ทั้งการวางเท้า หรือการเอนตัวพักผ่อน ช่องแอร์หลังที่ติดมาให้ ยังช่วยเติมเต็มระดับของความสะดวกสบายที่รถยุคใหม่เกือบทุกรุ่นต้องขวนขวาย หามาติดตั้งเพื่อเอาอกเอาใจลูกค้า
ความนิ่มนวลของระบบ รองรับจาก Nissan Sylphy ทำให้นั่งนุ่มสบายก้นจากชุดกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลงที่ปรับเซตค่าการยืด-ยุบตัวแบบหยุ่นๆ ส่วนช่วงล่างหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม กับเหล็กกันโคลง เป็นช่วงล่างยอดนิยมของรถขับเคลื่อนล้อหน้าทั่วไป ที่ระดับความเร็ว 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีในระดับที่น่าพอใจ ส่วนการเก็บเสียงที่วิศวกรของ Nissan คุยว่าลงมือลงแรงอย่างหนักเพื่อทำให้ Nissan สามารถซับเสียงแปลกปลอมจากภายนอกเช่นเสียงของลมที่ปะทะในย่านความเร็วสูงกับ เสียงของยางที่บดไปบนพื้นถนน ความรู้สึกส่วนตัวของผมคิดว่ามันยังอยู่ในระดับปกติทั่วไปและยังไม่มีความ โดดเด่นด้านการเก็บเสียงเท่าที่ควร เมื่อลองย้ายไปนั่งที่ตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลังก็พบกับพื้นที่กว้างขวางจน แปลกใจว่ามันจะใหญ่โตไปถึงไหน ห้องโดยสารของ Nissan ยุคใหม่ที่ถูกเน้นด้าน Space มีความใหญ่โตโอฬารเกินโมเดล ทั้ง Almera ที่วางขายเมื่อช่วงต้นปี ตามติดด้วย Sylphy ที่กำลังทำตลาดอยู่ในห้วงเวลานี้ หลังจากแวะทานข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหารโป่งแยงแอ่งดอย ขบวนรถทดสอบ Nissan Sylphy ทั้ง 12 คันออกเดินทางต่อไปยังเขื่อนแม่งัดซึ่งเป็นจุดแวะพักต่อไปในช่วงบ่าย ระยะทาง 50.4 กิโลเมตรจากร้านอาหารไปยังตัวเขื่อน เป็นทางลาดยาง ขึ้น-ลง เขาคดเคี้ยววกไปวนมา พี่สมวินจาก EVO Magazine Thai Edition เริ่มทิ้งระยะจากรถคันข้างหน้าเพื่อความปลอดภัยเมื่อสภาพเส้นทางเปลี่ยนจาก ทางราบมาเป็นทางขึ้น-ลงเนินเขากับโค้งสารพัดรูปแบบที่ต้องผจญตลอดระยะทาง 50 กิโลเมตร ความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นจากรถคันนำ เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับระบบรองรับและชุดบังคับเลี้ยวของ Nissan Sylphy ได้อย่างเต็มที่ อาการโคลงตัวเมื่อหักเข้าสู่โค้งบนเส้นทางหมายเลข 107 จากแม่ริมมุ่งหน้าอำเภอแม่แดง ปรากฏให้เห็นบ้างในบางโค้งที่ต้องขับเข้าไปหาด้วยความเร็วสูงแต่ไม่มากจนน่า กลัว การถ่ายเทน้ำหนักอยู่ในระดับที่เป็นกลาง เมื่อขับมาสักพักใหญ่ๆ วิวทิวทัศน์สองข้างทางกลับยิ่งสวยงามขึ้นทุกขณะ ฝนที่ตกพรำๆ มาตั้งแต่ช่วงเช้าเริ่มซาลงและแทนที่ด้วยแสงแดดกับสีฟ้าสดใสของ ท้องฟ้าในแถบเขื่อนแม่งัด ทำให้มุมมองของบริเวณนี้กระจ่างตามากยิ่งขึ้น
เขื่อนแม่งัดเป็นเขื่อนดินถมสูง 59 เมตร ยาว 1,950 เมตร พื้นที่ของอ่างเก็บน้ำมีขนาดประมาณ 16 ตารางกิโลเมตร สามารถเก็บกักน้ำได้สูงสุดถึง 265 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแม่งัดเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2520 โดยกรมชลประทาน การก่อสร้างตัวเขื่อนแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2527 ต่อมา กฟผ. (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต) ได้เข้ามาดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำในปี พ.ศ. 2528 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2528 ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดกำลังผลิตเครื่องละ 4,500 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง รวมกำลังผลิตทั้งสิ้น 9,000 กิโลวัตต์ สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละ 19 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเขื่อนว่า ?เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล? เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2529 และเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อน เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 ขบวนรถทดสอบ Nissan Sylphy จอดแวะทานกาแฟกันบนสันเขื่อนแม่งัด พร้อมๆ กับการเก็บบันทึกภาพรถ Sylphy กับพื้นที่ของอ่างเก็บน้ำ ก่อนจะออกเดินทางต่อไปในช่วงทดสอบสุดท้ายบนเส้นทางเขื่อนแม่งัด-เวียงกุมกาม
ระยะทาง 60.4 กิโลเมตรจากเขื่อนแม่งัดมุ่งหน้าเวียงกุมกามเป็นทางภูเขาสลับเนินและทางโค้ง หลากหลายรูปแบบ เป็นเส้นทางช่วงสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นสุดการทดสอบในวันนี้ ผมเข้ามารับหน้าที่ขับต่อจากพี่สมวินซึ่งเปลี่ยนมาเป็นผู้โดยสารด้วย อิริยาบถสบายๆ บนเบาะผู้โดยสารตอนหน้า เมื่อเริ่มต้นขับออกจากตัวเขื่อนลงมายังพื้นที่ข้างล่างซึ่งเต็มไปด้วยป่า เบญจพรรณที่ชุ่มชื้นเขียวครึ้มทั้งสองข้างทาง พวงมาลัยที่เบามากจนขาดสัมผัสที่ดีทำให้ผมต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่ง ขึ้น และต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พอสมควรเพื่อให้ชินกับความเบาของพวงมาลัยแบบแรคแอ นพีเนียนซึ่งทำงานด้วยปั๊มไฟฟ้าแบบ EPS - Electronic Power Steering พวงมาลัยรถยนต์ในยุคนี้ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองจากระบบเดิมๆ ที่เคยใช้สายพาน คล้องไปยังพูเล่ย์ติดกับเครื่องยนต์ เพื่อหมุนปั๊มน้ำมันไฮดรอลิกไปหล่อเลี้ยงแรคพวงมาลัยในชุดบังคับเลี้ยวที่ ค่อนข้างกินกำลังเครื่องยนต์ ปัจจุบันระบบบังคับเลี้ยวของรถยนต์สมัยใหม่ได้เปลี่ยนแปลงมาเป็นระบบ EPS ใช้ปั๊มเพาเวอร์ที่ทำงานด้วยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ น้ำหนักที่แปรผันไปตามความเร็วเกิดจากการออกแบบเซนเซอร์ควบคุมโซลินอยวาล์ว เพื่อลดหรือเพิ่มระดับแรงดันของน้ำมัน ทำให้มันสามารถแปรผันน้ำหนักไปตามความเร็วที่แท้จริงของตัวรถ แต่พวงมาลัยใน Sylphy กลับมีน้ำหนักเดียวแม้ความเร็วจะเพิ่มสูงขึ้น มันให้ความรู้สึกที่เบาสบายมือมากที่ย่านความเร็วต่ำหรือช่วยให้หมุนได้ อย่างสะดวกยามต้องถอยเข้า-ออก แต่ในย่านความเร็วสูงนั้น มันยังคงเบาหวิวอยู่เหมือนเดิม ทำให้ผมต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พอสมควรเมื่อเส้นทางทดสอบในช่วงสุดท้ายอุดมไป ด้วยทางโค้ง ความเร็วที่เพิ่มขึ้นไปอีกทำให้ผมยิ่งระแวงจนต้องวิทยุบอกกับรถคันหลังว่าขอ รูดไปปิดท้ายขบวนแทนที่จะอยู่ตรงกลางแล้วสร้างปัญหาให้กับรถคันที่ตามหลังมา อย่างกระชั้นชิด
ระยะทาง 60 กิโลเมตรในช่วงสุดท้าย กว่า 30 กิโลเมตรที่ขบวนรถทดสอบ Nissan Sylphy ต้องวิ่งผ่านเส้นทางภูเขาที่มีเนินยาวๆ และโค้งขึ้น-ลงวกไปวนมา ความเร็วในบางช่วงบางตอนไล่กันไปจนถึง 150-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อเข้าสู่ทางบนพื้นราบ ระบบส่งกำลังของ Nissan Sylphy ผ่องถ่ายความนิ่มนวลไหลลื่นเนื่องจากเป็นเกียร์สายพานแบบ XTRONIC CVT รอบเครื่องยนต์ที่ปรับจูนมาเพื่อรองรับเกียร์ CVT มีความเหมาะสมจากการทำงานในรอบที่ต่ำกว่าปกติเพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อ เพลิงเมื่อใช้ความเร็วเดินทางในระดับปกติ การเร่งแซงในรอบกลางๆ ตัวรถมีอาการไหลเนือยๆ ไม่ได้พุ่งทะยานอย่างที่คิด แต่การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งจากสัญญาณไฟจราจรทำได้น่าพอใจและไม่มีความรู้สึก ว่ามันอืดอาดแม้แต่น้อย กำลังที่รอบเครื่องยนต์ 1,500-3,600 รอบต่อนาทีที่เจ้า Sylphy ส่งถ่ายแรงบิดได้ดีในรอบต่ำทำให้มันเหมาะกับการใช้งานในเมือง สำหรับการวิ่งทางไกลคงทำได้แค่เรื่อยๆ มาเรียงๆ เมื่อต้องการกำลังในจังหวะเร่งแซงและต้องกะระยะแซงให้มากขึ้นเล็กน้อย
ที่เวียงกุมกาม หลังจากเยี่ยมชมโบราณสถานที่มีความสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ ขบวนรถทดสอบ Nissan Sylphy ใช้ความเร็วต่ำโดยมีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งนำไปยังโรงแรมที่พัก ความสดใสใหม่เอี่ยมของโมเดล Sylphy ดึงดูดสายตาของผู้คนในเชียงใหม่ให้หันมามองด้วยความสนใจ ผมขับตามรถคันนำไปเรื่อยๆ พลางคิดถึงสภาพการที่เกิดขึ้นทั้งหมดสำหรับการทดสอบตลอดทั้งวันที่ผ่านมาบน ระยะทางเกือบๆ สามร้อยกิโลเมตรในจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่ เจ้า Nissan Sylphy มีจุดเด่นอยู่ที่ห้องโดยสารอันโอ่โถง อุปกรณ์และรูปแบบของการจัดวางอยู่ในระดับที่ดี วัสดุภายในค่อนข้างดี ใช้โทนสีที่มีความเหมาะสมกับสไตล์และรูปแบบที่เน้นความสวยงามลงตัว ช่องแอร์ที่เบาะด้านหลังซึ่งถูกเสริมเติมเข้ามายังทำให้ความเย็นกระจาย ตัวอย่างรวดเร็วเมื่อต้องจอดตากแดดเป็นเวลานาน เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร รหัส MRA8DE ให้กำลังในรอบต้นถึงปานกลางใช้ได้เลยทีเดียว ส่วยรอบสูงๆ ที่ต้องคิกดาวน์ออกอาการเนือยมาก ไปสักนิด ระบบหัวฉีดคู่หรือ Dual Injector System ในรุ่น 1.6 ลิตร ยังช่วยเข้ามาบริหารการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนชุดวาล์วแปรผัน Twin C-VTC ที่คอยควบคุมการเปิด ปิดของวาล์วไอดีและวาล์วไอเสียให้มีความสัมพันธ์ โดยนำไอเสียมาเผาไหม้อีกครั้ง ทำให้ช่วยลดค่าแรงต้านในกระบอกสูบ ซึ่งส่งผลไปถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลงและค่า Co2 ยังต่ำลงกว่าเครื่องยนต์รุ่นที่แล้วอีกด้วย
รถ Nissan Sylphy คันทดสอบเป็นรุ่นสูงสุด 1.8 V Navi CVT ราคา 931,000 บาท น่าจะเป็นราคาที่มีความเหมาะสมเมื่อเทียบกับอุปกรณ์และสมรรถนะของการขับขี่ ที่ได้รับจากมัน หากคุณมีความสนใจ ลองไปหาขับทดสอบดูทั้งรุ่น 1.6 ลิตร -1.8 ลิตร แล้วลองเปรียบเทียบกับบรรดาคู่แข่งที่อยู่ในตลาดรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ไม่ เกิน 1,800 ซีซี ทั้งราคา สมรรถนะและความคุ้มค่าคุ้มราคาในการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน ความคิดเห็นส่วนตัวของผม นอกเหนือไปจากพวงมาลัยที่ค่อนข้างเบาแล้ว ในส่วนอื่นๆ มันทำได้ดีในระดับที่น่าพอใจ ทั้งการขับขี่ พื้นที่ของห้องโดยสาร อุปกรณ์ใหม่ๆ บนนวัตกรรมของการพัฒนาที่เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้ Nissan Sylphy เป็นยนตรกรรมที่สามารถตอบโจทย์การเป็นรถครอบครัวของคนเมืองได้อย่างไม่เคอะ เขินอีกคันในตลาดรถซีดานขนาดเล็กของเมืองไทย
ขอขอบคุณ: ไทยรัฐออนไลน์ที่ให้ความอนุเคราะห์จากคอลัมน์ Man & Machine |
เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้
ประเภทคุกกี้ อ่านเพิ่มเติม ที่นี่ |
ยินยอม / ไม่ยินยอม |
---|---|
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ (Strictly Necessary) |
|
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์ (Functionality) |
|
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์ (Performance & Analytics) |
|
คุกกี้เพื่อการตลาด (Marketing) |