มารู้จักเครื่องยนต์ Ford EcoBoost ทำไมแรงจัง?
เคยสงสัยกันไหมว่า เครื่องยนต์ความจุเล็กๆ อย่างในรถยนต์
Ford Focus ที่มีขนาดเพียง 1.5 ลิตร เท่านั้น แต่ทำไมจึงสร้างกำลังได้สูงถึง 180 แรงม้า ให้แรงบิดมากถึง 240 นิวตันเมตร หรือใน
Ford Fiesta เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 125 แรงม้า และแรงบิดระดับ 170 นิวตันเมตร!
คำตอบก็คือ เป็นเพราะเทคโนโลยี "Down-Size" ที่ฟอร์ดคิดค้นมาเรียกว่า "EcoBoost" นั่นเองที่ใช้ความจุน้อยแต่ให้กำลังแรง ช่วยประหยัดน้ำมันและดูแลรักษาง่าย
EcoBoost เป็นเครื่องยนต์ที่ชนะรางวัลยอดเยี่ยมระดับโลก ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดเท่าที่ฟอร์ดเคยสร้างมา สามารถลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงได้สูงสุดถึง 20% แต่กลับให้สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยมทั้งในด้านความประหยัด และความแรงในเวลาเดียวกัน
นวัตกรรมสุดล้ำของความแรงในเครื่องยนต์ EcoBoost ช่วยประหยัดได้อย่างไร
วิศวกรผู้ชำนาญของฟอร์ด ผสมผสาน 3 เทคโนโลยีหลักในการออกแบบเครื่องยนต์ คือระบบไดเร็คอินเจคชั่น ระบบแปรผันแคมชาฟท์แบบอิสระคู่ และระบบเทอโบชาร์จเจอร์ เพื่อให้เครื่องยนต์ EcoBoost สามารถประหยัดเชื้อเพลิง แต่ยังคงไว้ซึ่งความแรง
ระบบไดเร็ก อินเจ็กชั่น ช่วยควบคุมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและช่วยให้การส่งกำลังของเครื่องยนต์เป็นไปอย่างเหมาะสม ระบบจะควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วยแรงดันสูง ที่ทำหน้าที่จ่ายน้ำมันโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ โดยคำนวณปริมาณการจ่ายน้ำมันในแต่ละครั้งให้เหมาะสมและยังช่วยเพิ่มอัตราการบีบอัด จึงทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและให้กำลังที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ระบบท่อฉีดทั่วไป
ระบบแปรผันแคมชาฟท์แบบอิสระคู่ ช่วยเพิ่มแรงบิดให้กับเครื่องยนต์จึงทำให้มีอัตราการเร่งแซงที่ดีกว่าและประหยัด เครื่องยนต์ EcoBoost ควบคุมการทำงานของวาล์วไอดี และไอเสียเพื่อให้ทำงานสัมพันธ์กับอัตราการเร่งของเครื่องยนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบจึงช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง ลดการปล่อยไอเสีย และยังช่วยให้เพิ่มอัตราเร่งของเครื่องยนต์ในรอบต่ำได้อีกด้วย
Turbocharging Engineering ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ เพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ และทำให้เร่งแซงได้ดังใจ เมื่อระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ผสานกับระบบไดเร็กอินเจ็กชั่น ทำให้เครื่องยนต์ EcoBoost ยังมีขุมพลังเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่ามากอีกด้วย
การลดขนาดของเครื่องยนต์ - Downsizing Engineering เครื่องยนต์ EcoBoost ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาเพื่อตอบโจทย์ในเรื่องความประหยัด โดยการลดจำนวนของกระบอกสูบ จึงทำให้ลดอัตราการเสียดสีของกระบอกสูบ และใช้เชื้อเพลิงน้อยลง
เครื่องยนต์เล็กลงแต่กำลังแรงขึ้น
แม้เครื่องยนต์จะมีความจุน้อย แต่อย่าลืมว่าถูกเพิ่มพลังด้วยการติดตั้งเทอร์โบชาร์จเจอร์เข้าไป ซึ่งระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ใช้ไอเสียจากเครื่องยนต์โดยไม่ปล่อยให้สูญเปล่าเพื่อเพิ่มแรงอัดอากาศกำลังสูงเข้าสู่เครื่องยนต์ จึงทำให้กำลังของเครื่องยนต์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ระบบแปรผันแคมชาฟท์แบบอิสระคู่ช่วยแก้ปัญหา "การรอรอบของระบบเทอร์โบ" และทำให้ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์เริ่มต้นการทำงานได้ แม้ในขณะที่อัตราเร่งของเครื่องยนต์ยังอยู่ในรอบต่ำ
เครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร เปรียบเทียบกับ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.7 ลิตร อย่างเช่นในปี 2015 ฟอร์ด มัสแตง ได้เปิดตัวรุ่นที่มาพร้อมเครื่องยนต์ EcoBoost เป็นครั้งแรก ซึ่งถึงแม้ขนาดของเครื่องยนต์จะเล็กกว่า แต่กลับให้กำลังแรงม้าที่มากกว่าเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.7 ลิตร ถึง 66%
นอกจากนี้เครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 1.0 ลิตร ชนะรางวัล "เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมระดับโลก" กวาดรางวัลถึง 9 รางวัลภายในเวลา 5 ปี นับเป็นเครื่องแรกและเครื่องยนต์เดียวที่ได้รับรางวัลชนะเลิศถึง 3 ปีซ้อน
Ford Formula ได้ถูกติดตั้งเครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 1.0 ลิตร
หนึ่งในรถแข่งของทีม Ford Formula ได้ถูกติดตั้งเครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 1.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ และได้ลงขับทดสอบจับเวลาในสนามแข่งรถระดับตำนาน อย่าง
"Nurburgring circuit" และได้ถูกบันทึกไว้ว่าการทดสอบในครั้งนั้น เป็นหนึ่งในการทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุด คือ 7 นาที 2 วินาที โดยสามารถเอาชนะรถอย่าง Lamborghini Aventador และ Ferrari Enzo ลงได้
Ford's EcoBoost 1L Engine
เทคโนโลยี EcoBoost นับเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต และตอบสนองได้ทั้งความแรงและความประหยัดในหนึ่งเดียว นอกจากนี้ยังจับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และผสานเทคโนโลยีระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง เพื่อการเข้าโค้งอย่างมั่นใจ ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้งจะช่วยเพิ่มอัตราการยึดเกาะถนน โดยเพิ่มการเบรกให้กับล้อที่อยู่ด้านในวงเลี้ยว จึงทำให้ล้อทั้ง 4 มีอัตรารอบที่เหมือนกันในขณะเข้าโค้ง ส่งผลให้การทรงตัวและการควบคุมรถดียิ่งขึ้น