ขั้นตอนการเปลี่ยนหัวเทียน เปลี่ยนง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก
รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินจำเป็นต้องมีระบบการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ เพื่อให้ได้กำลัง ด้วยการฉีดละอองน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และผสมกับอากาศตามสัดส่วนที่เหมาะสม จุดประกายไฟด้วยหัวเทียนที่ติดตั้งตำแหน่งใกล้กับห้องเผาไหม้มากที่สุด เพื่อให้การจุดติดไฟนั้นรวดเร็วและสมบูรณ์ที่สุด
ภาพจาก www.eng.ox.ac.uk
แต่เมื่อใช้งานไปนานๆ หัวเทียนถูกความร้อนสะสมมากๆ และมีคราบเขม่าที่มาจากการเผาไหม้ ติดค้างเป็นคราบบนเขี้ยวหัวเทียนหรือที่แกนนำไฟฟ้าของหัวเทียน หากมีมากๆ ก็อาจทำให้การจุดประกายไฟนั้นไม่สมบูรณ์และขาดความแม่นยำได้ หรือเรียกกันติดปากว่า "หัวเทียนบอด" โดยทั่วไปอายุการใช้งานหัวเทียนรุ่นธรรมดาอยู่ที่ 20,000 - 40,000 กิโลเมตร ส่วนรุ่นพิเศษที่เป็นวัสดุแบบอิเรเดี่ยมหรือแพลตตินัมนั้นอายุราวๆ 100,000 กิโลเมตร
นอกจากนี้รถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกทั้งระบบ LPG/NGV ก็จำเป็นต้องตรวจเช็คระบบไฟและหัวเทียนถี่ขึ้น เพราะความร้อนจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงเหล่านี้มีสูงกว่าที่ใช้น้ำมันเบนซิน จึงควรเลื่อนกำหนดการเปลี่ยนหัวเทียนขึ้นมาราวๆ 10,000 - 20,000 กิโลเมตรโดยประมาณ
การเปลี่ยนหัวเทียนเมื่อถึงกำหนดตามคู่มือรถยนต์ของแต่ละรถรุ่นนั้น จึงมีความจำเป็น เพื่อให้การทำงานของเครื่องยนต์นั้นราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุดรวมถึงช่วยประหยัดน้ำมันด้วย ทีนี้เรามาดูว่าอาการต่างๆ ที่เกิดจากหัวเทียนเริ่มเสื่อมสภาพมีอะไรกันบ้าง
หัวเทียมเสื่อมสภาพหรือบอด
อาการของหัวเทียนบอด เกิดจากการกระโดดของกระแสไฟจากแกนกลางของหัวเทียนไปสู่เขี้ยวนั้นไม่สมบูรณ์ เพราะมีคราบเขม่า หรือการสึกหรอของตัวแกนกลางและเขี้ยวหัวเทียนที่มีระยะห่างผิดไปจากปกติ จึงทำให้จุดประกายไฟไม่ดีพอที่จะทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์
เริ่มจากการสตาร์ตติดยาก เครื่องสะดุดเดินเบาไม่นิ่ง มีอาการสะดุดหรือกระตุกขณะเร่ง กินน้ำมันผิดปกติ ควันดำที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่หมด อาการเหล่านี้เป็นการบอกว่าระบบไฟฟ้าหรือหัวเทียนเริ่มจะหมดอายุ
การเปลี่ยนหัวเทียนนั้นหากรถที่ยังอยู่ในระยะประกันจากการผลิตก็สามารถเข้าศูนย์บริการได้เลย ทางช่างจะแจ้งการเปลี่ยนหัวเทียนเมื่อถึงระยะกำหนดตามคู่มือของรถยนต์แต่ละรุ่น แต่ถ้าใครที่ไม่สะดวกจะเข้ารับบริการเนื่องจากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย หรือรถยนต์ที่ใช้อาจมีอายุการใช้งานหมดระยะประกันศูนย์ฯ แล้ว ก็สามารถเข้าอู่ซ่อมรถทั่วไปที่ได้มาตรฐานหรือไว้ไจได้ให้ช่วยเปลี่ยนก็ย่อมได้
ขั้นตอนการเปลี่ยนหัวเทียน
สำหรับนายแบบของงานนี้เป็นรถยนต์ Honda Jazz ปี 2012 อายุ 5 ปี ใช้งาน ประมาณ 80,000 กม. (เปลี่ยนก่อนถึงกำหนดเพราะใช้พลังงานทางเลือก LPG)
ขั้นตอน
1. เตรียมอุปกรณ์ ได้แก่ หัวเทียนชุดใหม่ เครื่องมือช่าง เช่น ประแจเบอร์ 10, ตัวทีเบอร์ 10, บล็อกถอดหัวเทียนพร้อมด้ามขัน, ไขควงปากแบนเล็ก (ใช้กดล็อคขั้วปลั๊กคอยล์จุดระเบิด)
2. เริ่มถอดชิ้นส่วนที่ยากแก่การถอดหัวเทียนในรถยนต์รุ่นนี้ เครื่องยนต์ฝั่งที่มีหัวเทียนหันเข้าด้านใน จึงต้องรื้อแผงจิ้งหรีดออกมา เพื่อสะดวกในการใช้เครื่องมือถอดคอยล์จุดระเบิดและหัวเทียน
3. ใช้ประแจแหวนข้างหรือปากตายเบอร์ 10 (แล้วแต่รุ่นรถยนต์) ถอดน็อตคอยล์ออกมา ใช้บล็อกถอดหัวเทียน คายเกลียวหัวเทียนออกมาก่อน จากนั้นใช้ตัวคอยล์นี่แหละจุ่มลงไปในช่องหัวเทียนแล้วดึงออกมา ส่วนเครื่องยนต์รุ่นที่เป็นสายหัวเทียนก็ใช้ก้านแม่เหล็กดูดหัวเทียนหรือบล็อกถอดหัวเทียนค่อยๆ ดึงออกมา
4. เปลี่ยนหัวเทียนชุดใหม่ใส่เข้าไป และประกอบระบบคอยล์ให้เรียบร้อยเพื่อลองสตาร์ตเครื่องยนต์ว่าทำงานปกติหรือไม่ (สำหรับหัวเทียนที่ใช้เป็นรุ่นแพลตตินัม เลือกค่าความร้อนขึ้น 1 เบอร์จาก 5 - 6 เพื่อรองรับเครื่องยนต์ใช้พลังงานทางเลือก)
5. จากนั้นก็ย้อนขั้นตอนการถอดและทดลองติดเครื่องยนต์อีกครั้ง ตรวจเช็คความเรียบร้อยเป็นอันเสร็จครับ
การเปลี่ยนหัวเทียนนั้นมีความจำเป็นเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่น ประหยัดและมีประสิทธิภาพสูงสุด และยังช่วยยืดอายุเครื่องยนต์จากการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ให้ใช้งานได้อีกยาวนานและคุ้มค่า
สำหรับการเปลี่ยนหัวเทียนที่ใช้ในบทความนี้เสียค่าแรงช่างประมาณ 200 บาท ส่วนราคาหัวเทียนแล้วแต่สถานที่จำหน่ายราคาตั้งแต่ 400 - 1,000 บาทขึ้นไปต่อ 4 หัว ตามรุ่นและแบบ
(อ่านเพิ่มเติม บทความ - เปลี่ยนหัวเทียนแบบไหนดี?) หมายเหตุ : ขั้นตอนในการถอดประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ขึ้นกับรถยนต์แต่ละรุ่น