ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

เตรียมพร้อมแอร์รถยนต์ ต้อนรับหน้าร้อน

icon 3 เม.ย. 60 icon 19,154
เตรียมพร้อมแอร์รถยนต์ ต้อนรับหน้าร้อน

เตรียมพร้อมแอร์รถยนต์ ต้อนรับหน้าร้อน
เข้าสู่ช่วงหน้าร้อนทีไร (จริงๆ ประเทศนี้ก็ร้อนทุกฤดูล่ะครับ) แอร์รถยนต์ก็ดูเหมือนเป็นสิ่งสำคัญขึ้นมาในทันที ระบบแอร์นั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับรถยนต์ในยุคปัจจุบัน เรามาดูกันว่า เมื่อเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว คุณต้องเตรียมตัวเช็คระบบแอร์รถยนต์อย่างไรกันบ้าง การดูแลรักษาที่สำคัญ เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานให้ได้นานที่สุด และประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณ

ก่อนขับรถ - กรณีที่รถยนต์จอดตากแดดเป็นเวลานาน
ก่อนอื่น ให้คุณติดเครื่องยนต์เพื่อเตรียมให้คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ทำงาน หลังจากนั้นให้ลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อทำให้อุณหภูมิภายในรถยนต์กับอุณหภูมิภายนอกสมดุลกัน แล้วเลื่อนปุ่มความแรงพัดลมไปที่ตำแหน่งแรงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนออกจากห้องโดยสาร แล้วค่อยปรับกระจกขึ้นตามปกติ หลังจากนั้นควรปรับปุ่มควบคุมความเย็น และปุ่มความแรงพัดลมในระดับที่เหมาะสม

ขอขอบคุณภาพจาก anurakair
ตรวจดูน้ำยาแอร์
ดูได้ที่กรองแอร์ (Dryer หรือไดเออร์แอร์) ซึ่งทำหน้าที่กรองความชื้นและเศษชิ้นส่วนการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ อยู่ในบริเวณแผงระบายความร้อนด้านหน้ารถ จะมีช่องตรวจสอบน้ำยา โดยสังเกตผ่านตาแมวที่เป็นกระจกใสด้านบน หากเริ่มเห็นฟองอากาศ แสดงว่าน้ำยาแอร์เริ่มน้อย ถ้าน้ำยายังมากกระจกจะค่อนข้างใส โดย Dryer ที่มีคุณภาพสูง จะสามารถดูดความชื้น สามารถช่วยป้องกันสิ่งสกปรกในระบบแอร์รถยนต์ และยังช่วยยืดอายุการใช้งานระบบแอร์รถยนต์อีกด้วย
หารอยรั่ว
บางครั้งที่แอร์รถยนต์ไม่เย็นนั้น อาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุมาก ส่วนใหญ่มาจากระบบรั่ว ซึ่งปกติระบบแอร์เป็นระบบปิด ไม่สามารถรั่วเองได้ เว้นแต่จะมีการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อต่างๆ วาล์ว โอริง แผงคอยล์ร้อน หรือหน้าคลัชคอมเพรสเซอร์แอร์ เป็นต้น การสังเกตว่าแอร์รถรั่วหรือไม่นั้นสามารถทำได้โดยดูจากปริมาณและสีของน้ำยาแอร์ ดูจากจุดรอยต่อต่างๆ ว่ามีคราบ หรือ รอยพ่นของน้ำยาแอร์ออกมาหรือไม่ 
การตรวจสอบด้วยตัวเองแบบง่ายๆ นั่นคือ การใช้ฟองน้ำหรือแปรงทาสีซึ่งจุ่มฟองสบู่หรือน้ำยาล้างจานปาดไปบนผิวท่อน้ำยาแอร์โดยเฉพาะรอยต่อ หากพบเจอรอยรั่วจะมีฟองอากาศผุดขึ้น
ถ้าเอาแบบง่ายๆ ก็ขับรถไปที่ร้านแอร์ (ที่ไว้ใจได้) แล้วให้ช่างเสียบสายวัด วัดแรงดันคอมเพรสเซอร์แอร์ว่ามีกำลังอัดมากน้อยแค่ไหน เปิดแอร์แล้วมีเสียงตัดต่อการทำงานดังหรือไม่ มีน้ำมันซึมออกมาหรือเปล่า รวมไปถึงตรวจสอบระบบต่างๆ เช่น พัดลมแอร์ แผงคอยล์ร้อน ตู้แอร์ ไดเออร์ รีเลย์แอร์ เป็นต้น

ล้างตู้แอร์
หากรู้สึกว่าแอร์รถยนต์ของคุณเริ่มไม่เย็น มีกลิ่นอับ หรือกลิ่นบุหรี่ ก็ควรล้างระบบปรับอากาศ ด้วยการล้างตู้แอร์ และท่อแอร์ภายในรถยนต์
การล้างแอร์ในปัจจุบัน มี 2 วิธี คือ ล้างแบบถอดตู้แอร์และทุกชิ้นส่วนออกมานอกรถ แล้วล้างทำความสะอาด และอีกวิธีคือ การล้างแบบไม่ต้องถอดตู้แอร์ โดยใช้เครื่องมือพิเศษต่างๆ 

ขอขอบคุณภาพจาก Facebook วินัย บุญโชติ
1. แบบถอดตู้แอร์ออกมาล้างข้างนอก
การล้างระบบแอร์ที่ดีที่สุดคือ การถอดหรือรื้อตู้แอร์ Evaporator (แผงคอยล์เย็น) และ Condenser (แผงคอยล์ร้อน) ออกมาทำความสะอาดด้านนอก ซึ่งจะสามารถล้างสิ่งสกปรกตามซอกมุมต่างๆ ได้ดีที่สุด รวมถึงทำความสะอาดท่อลมเป่าแอร์เข้าสู่ห้องโดยสารได้เกือบทุกจุด
แต่มีข้อเสียคือ ต้องทำการแวคคั่มและเติมน้ำยาแอร์ใหม่ การรื้อหรือถอดประกอบคอนโซลต้องเป็นช่างที่ชำนาญงานในรถแต่ละรุ่น เพราะอาจเกิดการเสียหายของอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนรวมทั้งการประกอบกลับอาจจะไม่เหมือนเดิม 100% ทำให้ใช้งานไปนานๆ อาจมีเสียงดัง ก๊อกๆ แก๊กๆ เกิดขึ้นบริเวณคอนโซลได้ จากการประกอบที่ไม่ชำนาญพอ ใช้เวลาในการล้างกว่าครึ่งวัน รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการบริการค่อนข้างสูงประมาณ 1,000-3,000 บาท/ครั้ง แล้วแต่รุ่นรถและความยากง่ายของการถอด

ขอขอบคุณภาพจาก amornair
2. การล้างแบบไม่ถอดตู้แอร์
วิธีการล้างแบบไม่ถอดตู้แอร์เป็นวิธีที่ง่าย และไม่ต้องกลัวเรื่องการประกอบคอนโซลหลังจากรื้อตู้แอร์ แม้ว่าจะไม่สะอาด 100% และต้องระวังเรื่องสนิมจากน้ำที่ฉีดเข้าไปล้างตู้โดยไม่ถอด กับปัญหาแอร์ไม่เย็นและตู้รั่วที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็พอเพียงที่จะใช้งานได้อีกสักระยะ 1-2 ปี หรือ 20,000 กม. ซึ่งวิธีล้างแบบนี้มักใช้เครื่องมือพิเศษสำหรับล้างแอร์โดยเฉพาะ เรียกว่าเครื่องล้างตู้แอร์ พร้อมส่องกล้องเข้าไปฉีดล้างในส่วนต่างๆ ราคาการล้างวิธีนี้อยู่ที่ประมาณ 500-1,000 บาท แล้วแต่ร้านหรือเครื่องมือที่ให้บริการ

น้ำมันคอมเพรสเซอร์แอร์ ก็ควรได้รับการตรวจเช็ค ควรถ่ายน้ำยาใส่ขวดเพื่อดูสีน้ำมันคอมเพรสเซอร์แอร์ หากสีเข้มจนเริ่มดำ ควรถ่ายทิ้งแล้วเปลี่ยนเติมของใหม่ เพราะขืนใช้ไปอาจทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ล็อค เกิดความเสียหายจนต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แอร์ใหม่ได้

ทางที่ดี ก็ควรเข้าร้านแอร์รถยนต์ที่ไว้ใจได้ในเรื่องคุณภาพ และราคามิตรภาพ เพื่อให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจสอบอีกว่ามีจุดไหนบกพร่องอีกบ้าง การให้ช่างช่วยดูอีกแรงก็เพื่อให้ระบบแอร์รถยนต์ทำงานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ และชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบแอร์รถยนต์ได้อีกด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง แอร์รถยนต์ ร้อน อากาศร้อน
CAR GURU
เขียนโดย เช็คราคา.คอม CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)