แย่แล้ว! แบตเตอรี่ไฟหมดเปลี่ยนแบบไหนดี?
แบตเตอรี่รถยนต์ ทำหน้าที่ในการเก็บกระแสไฟและจ่ายไฟไปยังระบบต่างๆ ทั้งการสตาร์ตเครื่องยนต์, ระบบไฟส่องสว่าง, สิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้กระแสไฟฟ้าเข้าไปเลี้ยงระบบ ดังนั้นแบบตเตอรี่ จึงมีความสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ ของชิ้นส่วนในรถยนต์ก็ว่าได้ โดยทั่วไปแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานระหว่าง 1 ปีครึ่ง - 2 ปี ขึ้นกับรุ่นของแบตเตอรี่แต่ละยี่ห้อ และการใช้งานรวมถึงการดูแลของผู้ใช้รถยนต์
แต่ในบางครั้งใช้รถยนต์เพียงไปไม่นาน แต่แบตเตอรี่กลับหมดเรี่ยวแรงก่อนกำหนด ซึ่งอาจมีสาเหตุจากหลายๆ อย่าง เช่น รถจอดนานกว่าจะออกจากโชว์รูม, ลักษณะการใช้งานที่ไม่เหมาะสม และไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี
แบตเตอรี่ไฟหมดมีหลายสาเหตุครับ แม้ว่าจะใช้รุ่นพิเศษแบบไม่ต้องดูแล Maintenance Free หรือใช้รุ่นปกติและดูแลอย่างดี แต่แบตเตอรี่ก็มีอายุการตามที่ผู้ผลิตกำหนด และอีกสาเหตุคือ การใช้งานน้อยเกินไป ไดชาร์จไม่สามารถชาร์จไฟเก็บเข้าแบบเตอรี่ได้ตามเวลาที่กำหนด และมีการสตาร์ตเครื่องยนต์บ่อย (กรณีจอดบ่อยๆ) ยิ่งใช้ไฟที่มีในแบตเตอรี่มากกว่าการชาร์จกลับคืน เป็นต้น แล้วต้องใช้แบตเตอรี่แบบไหน? อย่างไร? ถึงจะคุ่มค่าที่สุด ทีมงานเช็คราคา.คอม มีคำตอบครับ
Low Maintenance
แบตเตอรี่รถยนต์แบบเปียก หรือ แบบที่มีฝาปิดที่สำหรับเติมน้ำกลั่น แบบเตอรี่แบบนี้จะต้องหมั่นตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นให้อยู่ระดับที่เหมาะสมตามกำหนด โดยการตรวจระดับน้ำกลั่นทุกๆ 1 เดือนเป็นอย่างน้อย (สำหรับแบบเตอรี่ใหม่ๆ) แบตเตอรี่แบบเปียกนี้มีราคาระหว่างหนึ่งพันบาทต้นๆ ขึ้นไปแล้วแต่ขนาดความจุ และมีอายุการใช้งาน 1 ปีครึ่ง - 2 ปีครึ่ง
Maintenance Free
แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง หรือ ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น เป็นแบบที่สะดวกและเหมาะที่สุดสำหรับผู้ไม่มีเวลาดูแลรถด้วยตนเอง โดยเฉพาะในสุภาพสตรีแบบนี้เหมาะมากๆ แต่ด้วยความสะดวกสบายนี้ทำให้ราคาสูงกว่าแบบเปียกบวกขึ้นไปอีกประมาณห้าร้อยถึงหนึ่งพันบาท แล้วแต่รุ่นและขนาดความจุ ซึ่งก็แลกกับอายุการใช้งานที่ค่อนข้างยาวนานกว่าแบบแรกประมาณ 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี
แบตเตอรี่ของรถยนต์นั้นมีอายุการใช้งานจริงๆ เกินกว่า 2 ปี ขึ้นไปในทุกๆ แบบ แต่ใช้แง่ใช้งานจริง ควรเผื่อรูปแบบใช้งานที่แตกต่างกันไป จึงอยู่ราวๆ สองถึงสองปีครึ่ง
การเลือกแบตเตอรี่
แบตเตอรี่แบบเปียก เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้และสามารถดูแลได้ด้วยตนเอง เพราะราคาประหยัด และอายุการใช้งานนับว่าไม่แตกต่างกันมาก
แบตเตอรี่แบบแห้ง เหมาะสำหรับผู้ไม่มีความรู้และไม่มีเวลาตรวจเช็คบ่อยๆ และต้องการอายุใช้งานที่นานขึ้น โดยต้องจ่ายในราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
อาการเบื้องต้นของแบตเตอรี่ไฟใกล้หมดอายุ
- เครื่องสตาร์ตแบบหมุนเอื่อยๆ หรือไม่หมุนเร็วเท่าเดิม
- ระบบไฟส่องสว่างเริ่มหรี่หรือมีการตกกระชาก
- เมื่อเร่งเครื่องแล้วระบบไฟจะสว่างขึ้น
- แบตเตอรี่บวม
- เริ่มมีขี้เกลือขึ้นตรงขั้ว
ปัจจุบันระบบกล่องควบคุมเครื่องยนต์บางรุ่นมีระบบตัดการทำงานของระบบไฟเมื่อตรวจจับได้ว่ากระแสไฟอ่อนผิดปกติ เพื่อป้องกันความเสียหายจากไฟตก ไฟกระชากในอุปกรณ์สำคัญๆ ซึ่งบางครั้งจะไม่มีอาการผิดปกติเตือนล่วงหน้า เช่น บีบแตรดังปกติ, ไฟหน้า-ไฟท้ายใช้งานได้, วิทยุเปิดได้ปกติ เป็นต้น
กรณีรถที่จอดทิ้งไว้นานกว่า 5 วันก็ควรถอดขั้วแบตเตอรี่เอาไว้ครับ เพราะนอกจากป้องกันไฟหมดแล้วยังช่วยลดความเสี่ยงจาก "หนูแทะ" สายไฟ และอาจเกิดให้เกิดการช็อตจนไฟฟ้าลัดวงจรได้อีกทาง และควรนำรถออกไปวิ่งให้ได้ระยะทางประมาณ 5 - 10 กิโลเมตร อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 - 2 ครั้ง เพื่อให้ไดชาร์จทำงานปะจุไฟเก็บเข้าแบตเตอรี่ได้ และให้ชิ้นส่วนที่ควรเคลื่อนไหวได้ทำงานเพื่อลด "ความฝืด" เมื่อจอดทิ้งนานๆ อีกด้วยครับ
แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์สิ้นเปลืองที่ใช้แล้วมีวันหมดอายุและต้องเปลี่ยน เพื่อความสบายใจให้เตรียมเปลี่ยนเมื่อมีอายุการใช้งานเกิน ปีที่ 2 ขึ้นไป