รู้ไว้ก่อน ขับลุยน้ำ
เวลาฝนตก หลายคนอาจจะชอบเพราะอย่างน้อยก็ไม่ร้อน แต่สำหรับผู้ใช้รถการขับรถท่ามกลางสายฝนหรือบนพื้นที่น้ำท่วมขังไม่ใช่เรื่องน่าสนุก ยิ่งเป็นรถเก่ายิ่งต้องระวังกับปัญหาเครื่องยนต์ดับ หรือแม้แต่กับรถใหม่ก็ตาม การลุยน้ำท่วมที่มีระดับสูงบางครั้งก็เป็นเรื่องน่ากังวลโดยเฉพาะมือใหม่หรือผู้ที่ไม่มีความรู้ในการรับมือ เวลาจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ เราจะรับมือยังไง ทีมงานเช็คราคา.คอมมีคำตอบมาให้ครับ
เทคนิคการขับรถลุยน้ำ
อย่างแรกการขับรถในช่วงฝนตกหนักหรือหลังฝนหยุด เป็นไปได้ว่าอาจมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ ดังนั้นการขับรถในช่วงนี้จึงต้องระวังเป็นพิเศษ ทั้งถนนลื่นและน้ำท่วม อย่างแรกที่ควรทำคือ เลือกเส้นทางที่ปลอดน้ำท่วมขังหนักไว้ก่อน บางครั้งอาจต้องยอมขับอ้อมเป็นระยะทางไกลขึ้นเพื่อเลี่ยงการลุยน้ำ การขับบนถนนที่เห็นพื้นผิวได้ชัดเจนย่อมดีกว่าขับแบบมองไม่เห็นพื้นถนน เพราะเรายังสามารถเลี่ยง หลบ หลีก หลุม หรือ สารพัดจุดอันตรายได้ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เราก็มีวิธีการรับมือมาฝากครับ
1. ประเมินก่อนว่าน้ำท่วมสูงแค่ไหน
การลงไปวัดระดับระดับน้ำเอง คงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่เราสามารถสังเกตง่ายๆ จากรถคันข้างหน้า หรือบริเวณใกล้เคียง โดยสังเกตจากรถประเภทเดียวกัน เช่น ถ้าเป็นรถเก๋งก็ให้ดูจากล้อรถเก๋งด้วยกัน ว่าจมน้ำไปแค่ไหน ถ้าอยู่ในระดับที่ไปไหวไม่เกินครึ่งล้อก็อาจพอลุยต่อได้ และถ้าให้ดีกว่านั้น พยายามมองคันข้างหน้าไกลๆ ว่าระดับน้ำมีแนวโน้มท่วมเยอะขึ้นไหม โดยสังเกตเทียบได้จากล้อรถเช่นกัน หรือถ้าไม่มีรถให้เปรียบเทียบก็อาจมองแนวขอบฟุตบาทแทน
2. ใช้ความเร็วต่ำสม่ำเสมอ
เพื่อไม่ให้เกิดคลื่นน้ำกระฉอกตีกลับหรือกระเด็นสูงเข้าห้องเครื่องยนต์ สำหรับรถเกียร์ธรรมดาอาจใช้เกียร์ 1-2 ส่วนเกียร์อัตโนมัติควรใช้เกียร์ L หรือใกล้เคียง ขณะขับพยายามใช้ความเร็วต่ำสุดและคงที่ รอบเครื่องยนต์ไม่ควรเกิน 1,500 รอบ/นาที
3. ต้องไม่เปิดแอร์
การเปิดแอร์อาจจะทำให้น้ำใต้ห้องเครื่องยนต์ถูกพัดกระจายขึ้นมาได้ จนทำให้พัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน และเครื่องยนต์ร้อนขึ้นเรื่อยๆ
4. เหยียบเบรกหรือคลัตช์
นับเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม หลังลุยน้ำท่วมเสร็จใหม่ๆ และมักทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพราะเบรกไม่อยู่และคลัตช์ลื่น การย้ำเบรกหลังลุยน้ำท่วมหมาดๆ ก็เพื่อไล่ความชื้นในกลไกของระบบเบรก ทำให้เบรกกลับมามีประสิทธิภาพใกล้เคียงเดิม
5. ไม่ดับเครื่องยนต์ทันทีหลังลุยน้ำ
ควรจอดเดินเบาไว้สักครู่ และอาจเหยียบคันเร่งเบาๆ เป็นจังหวะ เพื่อไล่น้ำที่อาจค้างอยู่ในหม้อพักไอเสียออกให้หมด และเป็นการสร้างความร้อนให้สะสมมากพอไล่ความชื้นตามจุดต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์
นอกจากนี้การขับรถลุยน้ำ ควรคำนึงด้วยว่ารถของเราเป็นรถประเภทไหนด้วยนะครับ เพราะว่ารถแต่ละประเภทมีความสูงที่แตกต่างกัน สำหรับรถเก๋งทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมที่สูงกว่า 25 ซม. ส่วนรถกระบะทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมที่สูงกว่า 40 ซม. และรถขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมที่สูงกว่า 50 ซม.
ถึงแม้ว่ารถเราจะมีความสูงที่พอจะขับรถลุยน้ำได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ำให้ได้มากที่สุดจะดีกว่าครับ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบต่างๆ ของรถยนต์เสียหายครับ