ข้อควรรู้ กรมการขนส่งทางบก ปรับหลักเกณฑ์การทำใบขับขี่ใหม่
เป็นที่ทราบกันแล้วว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2557 เป็นต้นไป กรมการขนส่งทางบก ได้ปรับหลักเกณฑ์การทำใบอนุญาตขับขี่ใหม่ โดยพัฒนาหลักสูตรการอบรมให้มีเนื้อหาครอบคลุมการขับรถให้มากขึ้น เข้มข้นขึ้น ทำให้การทำใบอนุญาตขับขี่จะยากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น ประชาชนที่ต้องการขอใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และรถโดยสารสาธารณะ จะต้องเตรียมความพร้อมให้ดี
หลักเกณฑ์ใหม่ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2557 ผู้ที่ขอรับใบอนุญาตขับขี่จะต้องเข้ารับการอบรมด้านทฤษฎีเกี่ยวกับข้อกฎหมาย กฎจราจร ที่ควรรู้ การขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัย ซึ่งตามหลักเกณฑ์ใหม่กรมการขนส่งฯ จะเพิ่มเวลาการอบรมจาก 4 ชม. เป็น 12 ชม. อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกจะยังเป็น 4 ชม.ก่อน เนื่องจากหลายๆ ส่วนยังไม่พร้อมเท่าที่ควร โดยแบ่งการอบรมออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้าและช่วงบ่าย ช่วงละ 2 ชม.
หลังจากผ่านการอบรมแล้ว ขั้นตอนต่อไปผู้ขอรับใบอนุญาตขับขี่จะต้องเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย อาทิ ทดสอบสายตา ทดสอบการใช้เท้า เมื่อผ่านจึงทดสอบข้อเขียน ซึ่งมีการปรับเพิ่มจำนวนข้อสอบจากเดิม 30 ข้อ เป็น 50 ข้อ โดยข้อสอบที่ใช้ทดสอบนั้น จะสุ่มเลือกจากคลังข้อสอบส่วนกลางสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป มีทั้งหมด 1,000 ข้อ จากเดิมที่มีเพียง 300 ข้อเท่านั้น โดยสามารถเข้าไปดูแนวข้อสอบได้ที่
http://apps.dlt.go.th/e_exam/ หลักฐานที่ต้องใช้ในการทำใบอนุญาตขับขี่ ได้แก่ - บัตรประชาชนตัวจริงพร้อมใบสำเนา หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ พร้อมใบสำเนาที่ใช้แทนบัตรประชาชน
- ใบรับรองแพทย์ตัวจริงไม่เกิน 1 เดือน ที่รับรองว่าผู้ขอไม่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
เนื่องจากปัจจุบันผู้ขอรับใบอนุญาตขับขี่มีจำนวนมากขึ้น ทำให้ต้องรอคิวอบรม และทดสอบเป็นเวลานาน ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน กรมการขนส่งฯ จึงได้มอบหมายให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด ประสานสถาบันการศึกษาภาครัฐที่มีมาตรฐาน และมีความพร้อมจัดอบรมภาคทฤษฎีตามหลักสูตรที่กรมการขนส่งฯกำหนด ให้กับผู้ที่ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับขี่ เบื้องต้นเฉพาะผู้ขอรับใบอนุญาตขับขี่รถใหม่ และการต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ ส่วนจะเริ่มได้เมื่อไหร่นั้น จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบตามลำดับ
เมื่อลองเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ พบว่าประสิทธิภาพในการออกใบขับขี่ประเทศไทยนั้นยังไม่สมบูรณ์ เช่น ระยะเวลาการทดสอบไม่เพียงพอ ข้อสอบไม่สามารถวัดความรู้ของคนขับรถได้จริง อีกทั้งกฏจราจรที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ และไม่เด็ดขาด ทำให้ผู้ใช้รถในบ้านเราไม่เกรงกลัว ทำให้มีการฝ่าฝืนกฏจราจรกันอยู่บ่อยๆ อีกทั้งคนที่ไม่มีใบขับขี่ หรืออายุยังไม่ถึงเกณฑ์ทำใบขับขี่ ออกมาใช้รถใช้ถนนโดยไม่รู้กฏจราจรบ้าง แล้วเกิดอุบัติเหตุ สร้างปัญหาบนท้องถนนไม่รู้จักจบ
นอกจากกรมการขนส่งฯ จะปรับหลักเกณฑ์การทดสอบใบอนุญาตขับขี่แล้ว ในอนาคตอาจจะมีการปรับคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตขับขี่ เพื่อให้มาตรการป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนรัดกุมมากยิ่งขึ้น