หุ้น VS กองทุนหุ้น ดีต่างกันอย่างไร?
หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับ "หุ้น" และ "กองทุนหุ้น" กันดีนะคะ ทั้งสองอย่างที่กล่าวมานั้นจัดอยู่ในประเภทของการลงทุนทั้งคู่ และขึ้นชื่อว่าการลงทุนแล้วย่อมมีความเสี่ยงเป็นแน่ สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มลงทุน ลองมาดูกันว่าการลงทุนทั้งสองประเภทนั้นแตกต่างกันอย่างไร? นักลงทุนมือใหม่ควรเริ่มลงทุนจากอะไรค่ะ
ตารางแสดงความแตกต่างระหว่าง หุ้น VS กองทุนหุ้น
หุ้น | กองทุนหุ้น |
- มีอิสระเลือกลงทุน
รู้จักบริษัทไหน ชอบบริษัทไหน เลือกได้ตามใจชอบ | - มีมืออาชีพบริหารเงินให้
ผู้จัดการกองทุนคอยติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ วิเคราะห์เลือกลงทุนให้ |
- มีความยืดหยุ่นในการลงทุน
อยากลงทุนในหุ้นแบบไหน ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมใดก็ได้ | - มีการจำกัดและควบคุมความเสี่ยง
ลงทุนในหุ้นหลากหลาย ช่วยกระจายความเสี่ยง พร้อมผู้จัดการกองทุนคอยควบคุมความเสี่ยง |
- High Return High Risk
แน่นอนว่าถ้าอยากได้ผลตอบแทนที่สูง ก็ต้องลงทุนในแบบที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน | - เริ่มต้นเงินน้อย... ทยอยลงทุนได้
การทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอแทนการลงทุนเป็นจำนวนมากครั้งเดียว จะช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนได้
|
- ต้องคอยติดตามข่าวสารสม่ำเสมอ
เพราะการลงทุนในหุ้นนั้นต้องแข่งขันกับเวลา ผู้ลงทุนต้องติดตามข่าวสารแบบเกาะติดสถานการณ์ | - มีสิทธิประโยชน์อื่นๆ
เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกองทุน LTF - RMF |
เห็นแล้วใช่มั้ยคะว่า การลงทุนทั้งสองประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ขอแนะนำให้เริ่มต้นที่
"กองทุนหุ้น" ก่อนดีกว่าค่ะ แล้วกองทุนหุ้นนั้นมีประเภทอะไรบ้างล่ะ?
- แบบปันผล / ไม่ปันผล
กองทุนหุ้นที่มีปันผลจะเป็นการแบ่งผลประโยชน์คืนกลับไปให้ผู้ลงทุนเอาไปใช้จ่ายหรือทำธุระส่วนตัวอะไรก็ได้ ส่วนกองทุนหุ้นที่ไม่มีปันผลคือการเก็บผลประโยชน์เอาไว้ในกองทุนเพื่อให้ขยายตัวต่อไปเรื่อยๆ เมื่อต้องการใช้เงินก็ต้องขายกองทุนเอาเอง - สิทธิประโยชน์ทางภาษี
เช่น LTF, RMF ทั้งสองกองทุนหุ้นนั้นสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ โดยที่ LTF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 500,000 บาท ส่วน RMF นั้นเมื่อรวมกับ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข. และเบี้ยประกันแบบบำนาญแล้วไม่เกิน 15% ของรายได้หรือ 500,000 บาท เช่นกัน - Large Cap / Mid - Small Cap
ขนาดของหุ้นทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก โดยที่ทั้งสามขนาดนั้นอาจมีลักษณะที่แตกต่างกันบางอย่าง นักลงทุนอาจใช้ลักษณะของหุ้นแต่ละขนาดมาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจลงทุนได้ - Index Fund
คือกองทุนรวมดัชนีนั่นเอง เป็นกองทุนรวมที่มีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรับ เพื่อเลียนแบบดัชนีอ้างอิง โดยเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีที่ใช้อ้างอิง การลงทุนในกองทุนรวมดัชนีนั้นเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการกระจายความเสี่ยงให้แก่นักลงทุน - Sector Fund ลงทุนตามกลุ่มอุตสาหกรรม
จะมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนหุ้นทั่วไป เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีนโยบายการลงทุนเฉพาะใน Sector ที่กำหนดเอาไว้เท่านั้น ดังนั้นนักลงทุนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงด้วยค่ะ
ขอขอบคุณ: Mutual Fund ทันเทรนด์, www.morningstarthailand.com